มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คืออะไร โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอาการอย่างไรบ้าง มีสาเหตุการเกิดมาจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่ ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่ มาดูกัน
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) เป็นมะเร็งของระบบน้ำเหลืองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการต่อสู้กับเชื้อโรคในร่างกาย ระบบน้ำเหลืองรวมไปถึง ม้าม ต่อมไทมัส และไขกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถที่จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบบใดดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นอยู่กับประเภทของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและความรุนแรงของมะเร็ง การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจเกี่ยวข้องกับเคมีบำบัด ยาภูมิคุ้มกันบำบัด การฉายรังสี การปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการรวมกันของสิ่งเหล่านี้
ขอขอบคุณวิดีโอจาก : Mahidol Channel , youtube.com
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คืออะไร
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นกับระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นระบบที่กระจายอยู่ทั่วในร่างกาย ประกอบไปด้วย น้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง และท่อน้ำเหลือง มีหน้าที่ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรค โดยการทำการลายสิ่งที่มีชีวิตที่ทำการลุกล้ำเข้ามาในร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถที่จะเกิดขึ้นกับระบบน้ำเหลืองได้ทุกบริเวณในร่างกาย อาการบ่งชี้ที่สำคัญของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ ต่อมน้ำเหลืองบวม โต และมักที่จะไม่มีอาการเจ็บร่วมด้วย
อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีอาการทั่วไปที่บ่งชี้ถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ เกิดการบวมที่ต่อมที่น้ำเหลือง ส่วนมากที่จะเกิดขึ้นบริเวณ คอ รักแร้ ขาหนีบ และมักไม่มีอาการเจ็บร่วมด้วย ซึ่งอาการบวมเกิดจากการสะสมของลิมโฟไซต์ที่ผิดปกติในต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนั้น ๆ ทั้งนี้ อาการบวมที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นว่าต้องเป็นอาการที่บ่งชี้ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเสมอไป แต่อาจจะเป็นการบ่งชี้ถึงโรคชนิดอื่น ๆ หรือการติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำเหลือง ดังนั้น หากพบว่าต่อมน้ำเหลืองมีลักษณะบวม หรือโต ควรรีบไปปรึกษาทางแพทย์ทันที เพื่อการวินิจฉัยสาเหตุอย่างถูกต้อง และรักษาอย่างทันท่วงที นอกจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะอาการบวม โตแล้ว ยังสามารถมีอาการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยได้ เช่น
- มีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน
- มีอาการเป็นไข้
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการติดเชื้อรุนแรง
- มีอาการเหนื่อย หรืออ่อนเพลีย
- เป็นแผล และเลือดออกง่าย
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า เซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะเกิดขึ้นเมื่อ ดีเอ็นเอ ( DNA ) ของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ในน้ำเหลืองเกิดการกลายพันธุ์ ทำให้เลิมโฟไซต์เปลี่ยนเป็นเซลล์ที่ผิดปกติขึ้น และเกิดการแบ่งตัวที่ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ถูกสะสมในระบบน้ำเหลือง จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ ดีเอ็นเอ ( DNA ) เกิดการกลายพันธุ์ และเจริญเติบโตเป็นเซลล์มะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการค้นพบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้
- เพศ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีแนวโน้มที่จะเกิดกับผู้ชายมากว่าผู้หญิง
- อายุ แม้ว่ามะเร็งต่อน้ำเหลืองจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับบุคคลในทุกช่วงทุกวัยแล้ว แต่โดยส่วนใหญ่บุคคลที่มีอายุมากกว่าจะมีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งมากกว่าบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิดก็มีโอกาสเกิดกับบุคคลที่มีอายุน้อยกว่าบุคคลที่มีอายุมากกว่า เช่นกัน
- การติดเชื้อ เชื้อโรคบางตัวเมื่อเข้าสู่ร่างกายไปแล้วอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อน้ำเหลืองได้ เช่น เชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร เป็นต้น
- โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน บุคคลที่เป็นโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน หรือได้รับยาระงับภูมิคุ้มกัน ก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าบุคคลที่ไม่เคยเป็นโรค หรือไม่เคยได้รับยามาก่อน
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- การตรวจร่างกาย ทางแพทย์จะตรวจหาต่อมน้ำเหลืองที่บวม รวมถึงที่คอ ใต้วงแขน และขาหนีบ รวมถึงม้ามหรือตับที่บวม
- การถอดต่อมน้ำเหลืองเพื่อทำการทดสอบ ทางแพทย์อาจแนะนำขั้นตอนการตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง เพื่อนำต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด หรือบางส่วนออกสำหรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ การทดสอบขั้นสูงสามารถระบุได้ว่ามีเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองอยู่ หรือไม่ และเกี่ยวข้องกับเซลล์ประเภทใด
- การตรวจเลือด การตรวจเลือดเพื่อนับจำนวนเซลล์ในตัวอย่างเลือดสามารถให้เบาะแสแพทย์เกี่ยวกับการวินิจฉัยของคุณได้
- การนำตัวอย่างไขกระดูกออกเพื่อทำการทดสอบ ความทะเยอทะยานของไขกระดูก และขั้นตอนการตรวจชิ้นเนื้อเกี่ยวข้องกับการสอดเข็มเข้าไปในกระดูกสะโพกเพื่อเอาตัวอย่างไขกระดูกออก ตัวอย่างจะถูกวิเคราะห์เพื่อค้นหาเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- การทดสอบการถ่ายภาพ แพทย์ของคุณอาจแนะนำการทดสอบภาพเพื่อค้นหาสัญญาณของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย การทดสอบอาจรวมถึง CT, MRI และเอกซเรย์ปล่อยโพซิตรอน (PET)
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะแตกต่างในแต่ละผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และเป้าหมายการรักษาเป็นหลัก โดยวิธีการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีดังนี้
- การเฝ้าระวังเชิงรุก มะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางรูปแบบโตช้ามาก ทางแพทย์จะใช้วิธีการตรวจสอบ และติดตามอาการนั้นเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ เพราะการใช้วิธีการรักษาแบบเชิงรุกในทันทีนั้นยังไม่จำเป็น เนื่องจากไม่ได้ส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้มีอัตราการรอดชีวิตที่สูงขึ้น
- เคมีบำบัด เคมีบำบัดใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์ที่โตเร็ว เช่น เซลล์มะเร็ง ยานี้มักจะให้ผ่านทางเส้นเลือด แต่ก็สามารถใช้เป็นยาได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับยาเฉพาะที่คุณได้รับ
- การรักษาด้วยรังสี การบำบัดด้วยรังสีใช้ลำแสงพลังงานสูง เช่น เอกซเรย์ และโปรตอน เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- การปลูกถ่ายไขกระดูก การปลูกถ่ายไขกระดูก หรือที่เรียกว่าการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสีในปริมาณมากเพื่อกดไขกระดูกของคุณ จากนั้นเซลล์ต้นกำเนิดจากไขกระดูกที่แข็งแรงจากร่างกายของคุณ หรือจากผู้บริจาคจะถูกฉีดเข้าไปในเลือดของคุณ ซึ่งจะเดินทางไปยังกระดูกของคุณ และสร้างไขกระดูกขึ้นมาใหม่
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
โรคไข้สมองอักเสบคืออะไร? ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคไข้สมองอักเสบ
โรคท้องร่วง อาการเป็นยังไง? วิธีดูแลรักษาเมื่อเป็นโรคท้องร่วง
โรคผื่นกุหลาบ มีอาการอย่างไร โรคผื่นกุหลาบสามารถรักษาได้หรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : mayoclinic.org , pobpad.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!