TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

7 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง

บทความ 8 นาที
7 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง

โรคระบาดในเด็ก ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง? มีอาการอะไรไหมที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง? และวิธีป้องกันลูกน้อยไม่ให้ติดโรคระบาด

7 โรคระบาดในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง

ลูกป่วยทีไรทรมานใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่สุด โดยเฉพาะในฤดูฝนแบบนี้ เด็ก ๆ ยิ่งป่วยได้ง่าย เพราะเชื้อโรคส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่อับชื้น ทำให้เชื้อต่าง ๆ มีอยู่ยั้วเยี้ยไปหมด และเด็กเล็ก ๆ ยังมีภูมิต้านทานที่ไม่ดีนัก จึงทำให้เกิด โรคระบาดในเด็ก ได้ง่ายมาก แถมอาการป่วยของเด็กก็มักจะรุนแรงและเกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่เสียด้วย เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแล และระวังให้มาก ๆ นะคะ เพื่อให้เจ้าตัวน้อยของเราปลอดภัย และวันนี้เราก็ได้รวบรวม 7 โรคระบาดในเด็ก พร้อมกับอาการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวัง และวิธีป้องกัน มาฝากกันค่ะ

 

1. ไข้หวัดใหญ่

เพราะอากาศที่เย็นลงและความชื้นในช่วงหน้าฝนจะทำให้โรคในกลุ่มไวรัสที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจนั้นเจริญเติบโตได้ดีกว่าปกติ  ซึ่งเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีโอกาสเสี่ยงและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นค่ะ

 

โรคระบาดในเด็ก

 

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

  • คัดจมูก  มีน้ำมูกใส ๆ  
  • จาม  คอแห้ง  เจ็บคอ ไอแห้ง  ไอมีเสมหะ
  • เป็นไข้  อ่อนเพลีย  ปวดศีรษะ
  • หากอาการรุนแรงอาจมีโรคแทรกซ้อนที่มากับไข้หวัด คือ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ  หรือ ปอดอักเสบได้

การป้องกัน

  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดประมาณ 1-2 เดือนก่อนฤดูกาลระบาดของโรคทุกๆ ปี และสามารถฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
  • ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ
  • รับประทานอาหารให้ถูกสุขอนามัย เลือกกินแต่อาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ จะดีที่สุดค่ะ

2. โรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปากเป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่จะพบบ่อยในช่วงหน้าฝน และพบมากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งจะพบการระบาดได้บ่อยตามโรงเรียนอนุบาลหรือเนิร์สเซอรี่ หากพบว่าลูกเป็นต้องแจ้งทางโรงเรียนทันทีเพื่อให้ปิดเรียนและทำความสะอาด ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อนะคะ

โรคระบาดในเด็ก

 

อาการของโรคมือเท้าปาก

  • มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย หลังจากนั้น 2-3 วันจะมีอาการเจ็บปาก เพราะในปากมีตุ่มแดงทั้งที่ลิ้น เพดานปากและกระพุ้งแก้ม แล้วกลายเป็นตุ่มพองใสในที่สุด เมื่อตุ่มแตกออกจะเป็นแผลหลุมตื้นๆ
  • มีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และก้น แต่จะไม่คัน
  • ไข้จะลงภายใน 3 – 5 วัน อาการของเด็กก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน
  • เด็กบางคนจะรับประทานอาหารและน้ำไม่ค่อยได้ เพราะมีอาการเจ็บปากมาก แม้แต่น้ำลายก็ไม่ยอมกลืน ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
  • พ่อแม่ต้องระวังอย่าให้ลูกมีไข้สูงเกินไป เพราะอาจจะชักได้ โดยบางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เช่น สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การป้องกัน

  • ดูแลลูกในเรื่องความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม
  • ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรให้ลูกเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด
  • ควรมีกระติกน้ำหรือแก้วน้ำส่วนตัวให้ลูกไปใช้ที่โรงเรียน
  • ปลูกฝังและฝึกให้ลูกล้างมือก่อนกินข้าว และใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

3. โรคไข้เลือดออก

เป็นโรคที่มี “ยุงลาย” เป็นพาหะนำโรค มีโอกาสเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จริง ๆ แล้วโรคไข้เลือดออกสามารถระบาดได้ทั้งปี แต่มักจะระบาดหนักในหน้าฝน เพราะมีโอกาสที่น้ำจะขังมากทำให้ยุงวางไข่และขยายพันธุ์ได้ดี

 

โรคระบาดในเด็ก

อาการของโรคไข้เลือดออก

  • หลังได้รับเชื้อแล้วจะมีไข้สูงเกิน 3 วันขึ้นไป ตาและหน้าจะเริ่มแดง มีความรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดท้อง
  • ปวดหัว ปวดกระบอกตา หรือปวดเมื่อยตามตัว มีอาการตาแดง หน้าแดง และปากแดง
  • โรคไข้เลือดออกยังส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบได้อีกด้วย ทำให้คนไข้มีอาการปวดท้อง โดยเฉพาะตรงบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ นั่นเป็นเพราะตับโตขึ้น
  • อาเจียน และมีภาวะขาดน้ำ

การป้องกัน

  • พยายามอย่าให้ยุงกัด โดยให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง
  • จำกัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยพยายามทำบ้านให้โปร่ง ไม่มีมุมอับทึบ และกำจัดแหล่งน้ำขังในบ้านตามจุดต่าง ๆ เช่น ขารองตู้กับข้าวเป็นต้น
  • หากสงสัยว่าลูกอาจเป็นไข้เลือดออก อย่ารอให้เกิดอาการที่รุนแรง เช่น มีไข้สูง ช็อค แล้วค่อยมาพบแพทย์เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  •  ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

4. ไวรัส RSV หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV

เป็นโรคติดเชื้อที่มีอาการคล้ายหวัดแต่บางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงจนถึงขั้นปอดอักเสบได้เลยทีเดียว ไวรัส RSVเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งอาการบางอย่างของไวรัส RSV นี้อาจคล้ายกับอาการของไข้หวัด เช่น มีไข้ไอจามอาจจะทำให้พ่อแม่แยกความแตกต่างของอาการหวัดและไวรัสได้ยาก

 

โรคระบาดในเด็ก

อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV

  • เด็กมีอาการหอบเหนื่อยและหายใจลำบาก
  • หายใจเร็ว และมีเสียงครืดคราด ๆ
  • ไอหนักมาก ๆ
  • มีเสียงหวีดในปอด (จากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
  • มีเสมหะมาก
  • มีไข้
  • หากลูกมีโรคประจำตัวอย่างหอบหืด ภูมิแพ้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ หรือหายใจล้มเหลว

การป้องกัน

  • ให้ลูกหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
  • หากลูกป่วยควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการไอจามแพร่เชื้อให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง
  • ปัจจุบันสามารถป้องกันได้โดยการรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 12 เดือน

 

5. โรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina)

โรคเฮอร์แปงไจนาเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มคอกซากี (Coxsackievirus) และเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระ แล้วเชื้อเข้าสู่ปาก โดยจะแสดงอาการหลังรับเชื้อ 3-14 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้นาน 1-2 สัปดาห์ พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี

อาการของโรคเฮอร์แปงไจนา

  • มีไข้สูงเฉียบพลัน อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
  • ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีอาเจียน
  • อาการเด่นคือ เจ็บในปากและลำคอ
  • พบจุดแดง ตุ่มน้ำ หรือแผลเล็กๆ 5-10 จุด บริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ และในลำคอ
  • โดยทั่วไปไข้จะลดลงใน 2-4 วัน แต่แผลในปากอาจอยู่นานประมาณ 1 สัปดาห์

 

เฮอร์แปงไจนา

 

การรักษา

  • เป็นการรักษาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสหรือยาปฏิชีวนะ (ยกเว้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน)
  • ใช้การเช็ดตัวและให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้

สัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์

  • ไข้สูงไม่ลดลงภายใน 3 วัน
  • รับประทานอาหารหรือดื่มนมไม่ได้
  • มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย
  • เด็กมีอาการซึมลง

การป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา

  • ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
  • หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย และทำความสะอาดของเล่นเสมอ
  • หากเด็กป่วย ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 7 วันเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

 

6. โรคติดเชื้อไอพีดี (IPD)

โรคติดเชื้อไอพีดี (IPD) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย “นิวโมคอคคัส” (Streptococcus pneumoniae) ซึ่งเชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดหรืออวัยวะอื่นๆ ที่ปกติจะปลอดเชื้อ จัดเป็นโรคที่อันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อที่รุนแรงอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้

อาการ

อาการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อ

  • ติดเชื้อในกระแสเลือด: มีไข้สูง หนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เด็กอาจซึมลง งอแง และไม่ดูดนม ในกรณีรุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกและความดันโลหิตต่ำ
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ: มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง อาเจียน อาจมีอาการชักและซึมลงจนไม่รู้สึกตัว ถือเป็นภาวะที่อันตรายที่สุด
  • ปอดอักเสบรุนแรง: มีไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย หน้าอกบุ๋ม อาจมีภาวะขาดออกซิเจนจนริมฝีปากเขียวคล้ำ
  • การติดเชื้ออื่นๆ: อาจทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ไซนัสอักเสบ หรือข้ออักเสบติดเชื้อได้

 

โรค ไอพีดี

 

การรักษา 

  • ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที เพื่อให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
  • การเลือกใช้ยาปฏิชีวนะจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการดื้อยาของเชื้อในพื้นที่นั้นๆ
  • ให้การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้สารน้ำทางหลอดเลือด การให้ออกซิเจน ยาลดไข้ หรือยาควบคุมอาการชัก

สัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์ 

  • มีไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส
  • เด็กมีอาการซึมลง ไม่เล่น ไม่ดูดนม หรือไม่ทานอาหาร
  • หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือหายใจมีเสียงดัง
  • มีอาการชัก หรือคอแข็ง
  • อาเจียนรุนแรงตลอดเวลา

การป้องกัน

  • การฉีดวัคซีนไอพีดี (IPD Vaccine) เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 2, 4, 6 เดือน และฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน
  • รักษาสุขอนามัย โดยการล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
  • หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัด หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเบื้องต้น

 

7. โรคท้องเสียจากการติดเชื้อโนโรไวรัส

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ติดต่อได้ง่ายและระบาดอย่างรวดเร็ว สามารถติดต่อได้ทั้งจากการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง สัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือรับประทานอาหารและน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน เชื้อนี้ทนทานต่อแอลกอฮอล์เจลและสภาพแวดล้อมได้ดี จึงมักพบการระบาดในโรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก

อาการ 

หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 12-48 ชั่วโมง จะมีอาการดังนี้

  • อาเจียนรุนแรง และเป็นอาการเด่นในช่วงแรก
  • ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ โดยไม่มีมูกเลือดปน
  • ปวดท้อง อาจมีลักษณะปวดบิด
  • มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • อาการมักจะเป็นอยู่ประมาณ 2-3 วันแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่ช่วงที่ป่วยจะอ่อนเพลียมาก

 

อาเจียน ท้องเสีย เสี่ยงติดเชื้อโนโรไวรัส ที่กำลังระบาดหนัก

 

บทความจากพันธมิตร
ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
ท้องผูกก็แก้ ภูมิคุ้มกันก็ดี! 2in1 ตัวช่วยลูกรักจาก Infolife Fiber Immu Plus ที่แม่ยุคใหม่ไม่ควรพลาด
ท้องผูกก็แก้ ภูมิคุ้มกันก็ดี! 2in1 ตัวช่วยลูกรักจาก Infolife Fiber Immu Plus ที่แม่ยุคใหม่ไม่ควรพลาด
ไขความลับ เปลี่ยนเมนูทอดของลูก ให้ไม่ทำร้ายสุขภาพ
ไขความลับ เปลี่ยนเมนูทอดของลูก ให้ไม่ทำร้ายสุขภาพ

การรักษา 

เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัสโดยเฉพาะ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

  • ป้องกันภาวะขาดน้ำ: เป็นหัวใจสำคัญของการรักษา ควรให้เด็กจิบ ผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) บ่อยๆ เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป
  • รับประทานอาหารอ่อน: เมื่ออาการอาเจียนเริ่มดีขึ้น ให้เริ่มทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือกล้วย
  • ยาบรรเทาอาการ: อาจใช้ยาแก้อาเจียน หรือยาแก้ปวดท้องตามคำแนะนำของแพทย์ ห้ามซื้อยาหยุดถ่ายกินเอง เพราะจะทำให้เชื้ออยู่ในร่างกายนานขึ้น

สัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์

  • อาเจียนหรือถ่ายอุจจาระต่อเนื่องไม่หยุด
  • มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้ง ตาโหล ร้องไห้ไม่มีน้ำตา ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ปัสสาวะเลยใน 6-8 ชั่วโมง
  • เด็กมีอาการซึมลงมาก อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • ไข้สูงไม่ลดลง หรือปวดท้องรุนแร

การป้องกัน 

  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร (การใช้เจลแอลกอฮอล์อย่างเดียวไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด)
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และดื่มน้ำที่สะอาด
  • หากมีผู้ป่วยในบ้าน ควรทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ด้วยน้ำยาฟอกขาวที่ผสมเจือจาง
  • แยกของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วยออกจากผู้อื่น
  • หากเด็กป่วย ควรให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดีและไม่มีอาการแล้วอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

 

แม้ว่าบางโรคอาจจะดูร้ายแรง แต่หากทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการลงได้มาก เพราะฉะนั้นหากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกของเราป่วย ก็ควรพาไปพบแพทย์ทันทีนะคะ

 

ได้รับการตรวจสอบข้อมูลโดย นพ. ชัยวัฒน์ เชื้อพันธุ์ แพทย์ หู คอ จมูก ภูมิแพ้

นพ.ชัยวัฒน์ เชื้อพันธุ์ แพทย์ หู คอ จมูก ภูมิแพ้

 

ที่มา: www.paolohospital.com , โรงพยาบาลพญาไท 2 , โรงพยาบาลนครธน , โรงพยาบาลกรุงเทพ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

โรคยอดฮิต ทารกแอดมิทกันเพียบช่วงนี้! ดูให้ดี ลูกมีไข้สูง 5 วัน แล้วออกผื่น หรือไม่?

บำรุง หรือ ทำร้าย? 3 อาหารบำรุงร่างกายที่อาจทำร้ายลูกถึงชีวิต

ลูกติดเชื้อทางเดินหายใจ ทรมานกว่าจะหาย ไม่อยากเสียใจที่เห็นลูกป่วย พ่อแม่ต้องทำแบบนี้

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

kamonchanok

  • หน้าแรก
  • /
  • เจ็บป่วย
  • /
  • 7 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง
แชร์ :
  • ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025

  • Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025

  • หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

    หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

  • ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025

  • Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025

  • หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

    หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว