TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

เลี้ยงลูกอย่างไรให้รู้สึกว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ลูกปลอดภัยและไว้ใจได้เสมอ

บทความ 5 นาที
เลี้ยงลูกอย่างไรให้รู้สึกว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ลูกปลอดภัยและไว้ใจได้เสมอ

พ่อแม่คือ Safe Zone ที่สำคัญที่สุดของลูก เผย 3 ลักษณะสำคัญของพ่อแม่ ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจให้ลูก กล้าเผชิญโลกกว้างอย่างมั่นคง

ในภาวะที่โลกเต็มไปด้วยความท้าทายที่คนรุ่นก่อนอาจไม่เคยเผชิญ ทั้งแรงกดดันด้านการเรียนที่เข้มข้นขึ้น การเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนในโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ พ่อแม่คือ Safe Zone ด่านแรกและด่านสุดท้ายที่ลูกต้องการมากที่สุด

แนวคิดนี้สอดคล้องกับ ทฤษฎีความผูกพัน (Attachment Theory) ของ จอห์น โบลบี (John Bowlby) นักจิตวิทยาชื่อดัง ที่กล่าวว่าเด็กต้องการ “ฐานที่มั่นคงปลอดภัย” ซึ่งก็คือผู้เลี้ยงดูที่ตอบสนองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเด็กมีฐานที่มั่นคง พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยพอที่จะออกไปสำรวจโลก ลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลาน และรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ็บปวดหรือหวาดกลัว จะมีอ้อมกอดที่อบอุ่นรออยู่เสมอ

การสร้าง “เซฟโซน” ไม่ใช่การเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ปกป้องจากทุกปัญหาจนเขาไม่รู้จักโลก แต่คือการสร้างความไว้วางใจที่ลึกซึ้งว่า ไม่ว่าลูกจะเจอเรื่องดีหรือร้าย ทำผิดพลาดหรือประสบความสำเร็จ พวกเขาสามารถหันกลับมาหาเราได้เสมอ โดยปราศจากความกลัวว่าจะถูกซ้ำเติม แล้วพ่อแม่แบบไหนล่ะคือเซฟโซนของลูก มาดูกัน

1. พ่อแม่ที่รับฟัง: “หู” ที่พร้อมฟัง มากกว่าแค่ได้ยิน

บ่อยครั้งที่ลูกพยายามจะเล่าอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาคือ “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ แม่ยุ่งอยู่” หรือสายตาของพ่อแม่ที่ยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ การกระทำเหล่านี้ส่งสารที่ทรงพลังไปถึงลูกว่า “เรื่องของหนูไม่สำคัญพอ”

การเป็นเซฟโซนเริ่มต้นจากการเปลี่ยน “การได้ยิน” ให้เป็น “การรับฟังลูกอย่างแท้จริง” โดยการวางทุกสิ่งลง สบตาลูก และใช้หัวใจฟังสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด

พ่อแม่ที่รับฟัง สำคัญยังไง?

เมื่อเด็กรู้สึกว่าเรื่องราวของเขาถูกรับฟัง พวกเขาจะเรียนรู้ว่า “ความรู้สึกของฉันมีความหมาย” สิ่งนี้เป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความนับถือในตนเอง (Self-esteem) และทักษะการจัดการอารมณ์ (Emotional Regulation) ในทางกลับกัน เด็กที่ไม่เคยถูกรับฟังจะเรียนรู้ที่จะเก็บกดความรู้สึก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลในอนาคต

พ่อแม่สามารถฝึกฝนการเป็นผู้ฟังที่ดีได้ยังไง?

  1. หยุดทุกอย่าง แล้วให้ความสนใจ 100%: วางมือถือ ปิดทีวี หันหน้าไปหาลูก การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้บอกลูกว่า “ตอนนี้หนูคือคนที่สำคัญที่สุด”
  2. สะท้อนความรู้สึก ไม่ใช่ตัดสินพฤติกรรม: หากลูกกลับมาบอกว่า “หนูเกลียดครู!” แทนที่จะสวนกลับไปว่า “อย่าพูดแบบนั้น มันไม่ดี” ลองเปลี่ยนเป็น “ฟังดูเหมือนลูกกำลังโกรธและไม่พอใจครูมากๆ เลยนะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ เล่าให้แม่ฟังหน่อย” ประโยคนี้เป็นการยอมรับ “ความรู้สึก” ของเขา และเปิดประตูสู่การสนทนาที่ลึกซึ้งขึ้น
  3. ใช้คำถามปลายเปิด: แทนที่จะถามว่า “ใครผิด” “ทำไมถึงทำแบบนั้น” ซึ่งเป็นคำถามเชิงสอบสวน ลองใช้คำถามปลายเปิดที่เชื้อเชิญให้เขาเล่าเรื่อง เช่น “แล้วลูกรู้สึกอย่างไรตอนนั้น” “มีอะไรที่พ่อแม่พอจะช่วยได้บ้างไหม”
  4. ยอมรับความรู้สึกของเขา: การพูดว่า “แม่เข้าใจได้เลยว่าทำไมลูกถึงเสียใจ” ไม่ได้แปลว่าคุณเห็นด้วยกับการกระทำของเขา แต่มันคือการบอกว่าความรู้สึกเสียใจของเขานั้นสมเหตุสมผลและเป็นเรื่องปกติ

มีงานวิจัยมากมายในวารสารด้านจิตวิทยาวัยรุ่น เช่น Journal of Youth and Adolescence ที่ชี้ชัดว่าวัยรุ่นที่รับรู้ว่าพ่อแม่รับฟังปัญหาของตน มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพจิตดีกว่าและมีความเสี่ยงต่อพฤติกรรมอันตรายน้อยกว่า การรับฟังอย่างแท้จริงคือการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ลูกสามารถปลดปล่อยความรู้สึกได้โดยไม่ต้องกลัว

พ่อแม่ คือ Safe Zone

2. พ่อแม่ที่ไม่ตัดสิน: “หัวใจ” ที่เปิดกว้าง โอบรับทุกความผิดพลาด 

ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ลูกวัยรุ่นกลับบ้านดึกกว่าที่ตกลงกันไว้ พร้อมกับสารภาพว่าไปกับเพื่อนแล้วดื่มแอลกฮอล์มาเล็กน้อย ปฏิกิริยาแรกของพ่อแม่ส่วนใหญ่อาจเป็นการตำหนิ ตะคอกลูก หรือลงโทษลูกทันที ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ครั้งต่อไปที่เกิดเรื่องแบบนี้หรือร้ายแรงกว่านี้ขึ้น ลูกของคุณจะไม่กล้าเล่าให้ฟังอีกเลย

เสาหลักที่สองของการเป็นเซฟโซน คือการสร้างบรรยากาศที่ลูกกล้าสารภาพความผิดพลาดโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตราหน้าว่า “เป็นเด็กไม่ดี” หรือถูกซ้ำเติมอย่างรุนแรง

พ่อแม่ที่ไม่ตัดสิน สำคัญยังไง?

การตัดสินสร้าง “ความอับอาย” ซึ่งเป็นกำแพงที่ขวางกั้นการสื่อสารทุกชนิด เมื่อลูกกลัวที่จะถูกตัดสิน พวกเขาจะเริ่มปิดบังและโกหกเพื่อเอาตัวรอด ปัญหาเล็กๆ ที่ควรจะแก้ไขได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงถูกซุกไว้ใต้พรมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ การที่ พ่อแม่คือ Safe Zone ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยปละละเลยให้ลูกทำผิด แต่หมายความว่าเราจะรับมือกับความผิดพลาดนั้นด้วยความเข้าอกเข้าใจ เพื่อเปลี่ยนมันให้เป็นบทเรียน

พ่อแม่จะสร้างบรรยากาศที่ไม่ตัดสินได้ยังไง?

  1. แยก “ตัวตน” ออกจาก “พฤติกรรม”: ย้ำเตือนลูกและตัวคุณเองเสมอว่า “การที่ลูกตัดสินใจผิดพลาด ไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นคนไม่ดี” ลองพูดว่า “พ่อรักลูกเสมอ แต่พ่อไม่โอเคกับการกระทำครั้งนี้ เรามาคุยกันดีกว่าว่าจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้ยังไง”
  2. เริ่มต้นด้วยความห่วงใย ไม่ใช่ความโกรธ: แทนที่จะเริ่มด้วย “ทำไมถึงทำแบบนี้!” ลองเปลี่ยนเป็น “พ่อเป็นห่วงมากเลยนะที่ลูกกลับดึก เกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าให้พ่อฟังหน่อย” น้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยจะลดการตั้งป้อมของลูกลง
  3. เปลี่ยนคำถามกล่าวหาเป็นคำถามด้วยความสงสัย: จาก “คิดได้ยังไงถึงไปดื่มเหล้า!” เป็น “อะไรที่ทำให้ลูกตัดสินใจลองดื่มในวันนั้นเหรอ พ่ออยากเข้าใจความคิดของลูก”
  4. แบ่งปันความผิดพลาดของตัวเอง: การเล่าเรื่องผิดพลาดของคุณในวัยเด็กให้ลูกฟัง จะทำให้เขารู้สึกว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต และพ่อแม่ก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน

ดร.เบรเน่ บราวน์ (Dr. Brené Brown) ผู้เชี่ยวชาญด้านความเปราะบาง (Vulnerability) กล่าวว่า ความกล้าหาญที่แท้จริงคือการกล้าที่จะเปราะบาง หัวใจที่ไม่ตัดสินของพ่อแม่คือป้ายประกาศที่ชัดเจนที่สุดว่า “ที่นี่ปลอดภัย” และมันคือการเชื้อเชิญให้ลูกกล้าหาญที่จะเปิดเผยความผิดพลาดของตนเอง เพราะเขามั่นใจว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่พร้อมจะโอบรับเขาเสมอ

พ่อแม่ คือ Safe Zone

3. พ่อแม่ที่ขอโทษลูกเป็น: “คำขอโทษ” ที่ทรงพลัง สอนให้รู้จักการให้อภัย 

“พ่อแม่ก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง” เราเหนื่อยได้ เราเครียดได้ และบางครั้งเราก็ทำผิดพลาดกับลูก ไม่ว่าจะเผลอขึ้นเสียง เข้าใจผิด หรือผิดสัญญา หลายครั้งเราเลือกที่จะปล่อยผ่านไปเพราะความเชื่อผิดๆ ที่ว่า “การขอโทษลูกจะทำให้เราเสียอำนาจ”

ในความเป็นจริงแล้ว “คำขอโทษ” จากพ่อแม่คือหนึ่งในเครื่องมือสอนทักษะชีวิตที่ทรงพลังที่สุด มันไม่ได้ทำลายอำนาจ แต่สร้าง “ความเคารพ” ที่แท้จริง และเป็นเสาหลักสุดท้ายที่ค้ำจุนให้เซฟโซนนี้สมบูรณ์

พ่อแม่ที่ขอโทษลูกเป็น สำคัญยังไง?

ตามทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) ของ อัลเบิร์ต แบนดูรา (Albert Bandura) เด็กเรียนรู้พฤติกรรมจากการสังเกตและเลียนแบบคนใกล้ชิด การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษเมื่อทำผิด เป็นการ “แสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง” (Modeling) ในเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง:

  • การรับผิดชอบ (Accountability): ลูกเรียนรู้ว่าเมื่อทำผิด เราต้องยอมรับ ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่น
  • ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy): ลูกเข้าใจว่าคำพูดและการกระทำของเราส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อื่น
  • การซ่อมแซมความสัมพันธ์ (Relationship Repair): ลูกเรียนรู้ว่าความสัมพันธ์อาจมีรอยร้าวได้ แต่เราสามารถซ่อมแซมมันได้ด้วยความจริงใจ

ขอโทษลูกยังไงให้ได้ผล?

  1. ระบุให้ชัดเจนว่าขอโทษเรื่องอะไร: “แม่ขอโทษที่เมื่อเช้าเผลอตะคอกใส่ลูกตอนที่กำลังรีบไปทำงาน”
  2. ยอมรับความรู้สึกของลูก: “ลูกคงจะรู้สึกตกใจและเสียใจมากที่แม่ทำแบบนั้น”
  3. รับผิดชอบอย่างเต็มที่โดยไม่มี “แต่…”: คำว่า “แต่” จะทำลายความจริงใจทั้งหมด (“แม่ขอโทษ…แต่ลูกก็กวนแม่ก่อน”) ให้ตัดมันทิ้งไป
  4. บอกว่าจะพยายามแก้ไขอย่างไร: “ครั้งหน้าถ้าแม่รู้สึกเครียด แม่จะพยายามเดินไปสงบสติอารมณ์ก่อนจะคุยกับลูกนะ”

การกล่าวคำขอโทษคือการพิสูจน์ให้ลูกเห็นว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยพอที่จะยอมรับความผิดพลาดและพร้อมที่จะเรียนรู้เติบโตไปพร้อมๆ กัน

พ่อแม่ คือ Safe Zone

จากเซฟโซนในบ้าน สู่โลกที่ปลอดภัยของลูก

การสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจไม่ใช่โครงการที่จะทำสำเร็จในหนึ่งวัน แต่มันคือการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน เสาหลักทั้งสาม การรับฟังอย่างแท้จริง, หัวใจที่ไม่ตัดสิน, และคำขอโทษที่ทรงพลัง ไม่ได้ทำงานแยกจากกัน แต่ทั้งหมดถักทอเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายนิรภัยทางอารมณ์ที่คอยรองรับลูกของคุณ

เด็กที่เติบโตขึ้นมาโดยมีความรู้สึกที่ฝังลึกว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ของเขา จะได้รับของขวัญล้ำค่าติดตัวไปตลอดชีวิต นั่นคือ:

  • ความมั่นคงทางอารมณ์ (Emotional Security): รู้ว่าตนเองเป็นที่รักและมีคุณค่าอย่างไม่มีเงื่อนไข
  • ความยืดหยุ่นทางใจ (Resilience): กล้าที่จะเสี่ยงและไม่กลัวความล้มเหลว เพราะรู้ว่ามีที่ให้กลับมาพักใจ
  • ทักษะการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี: เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี, ไม่ตัดสินผู้อื่น, และรู้จักขอโทษเมื่อทำผิด
  • ความเชื่อมั่นในโลก: มองโลกภายนอกว่าเป็นสถานที่ที่ท้าทายแต่สามารถรับมือได้ ไม่ใช่สถานที่ที่น่ากลัว

การเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง แต่การเป็นพ่อแม่ที่พร้อมจะอยู่ตรงนั้น คือสิ่งที่เป็นไปได้และสำคัญอย่างยิ่งค่ะ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ครั้งต่อไปที่ลูกเดินเข้ามาหาคุณ ลองวางทุกอย่างในมือลง สบตาเขา และถามด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริงว่า “วันนี้เป็นอย่างไรบ้างลูก” จะช่วยให้ลูกได้รับความทรงจำและความรู้สึกอันอบอุ่นว่าพ่อแม่คือ Safe Zone ของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ที่มา : simplypsychology , netpama

 

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เด็กเล็กเครียดเร็วขึ้น จริงไหม? เข้าใจสาเหตุ และวิธีรับมือ สำหรับพ่อแม่ยุคดิจิทัล

พลังแห่งการกอด: 5 เหตุผลที่แม่ควรกอดลูกให้บ่อยกว่าเดิม

ศิลปะแห่งการเลี้ยงดู วิธีปลูกฝังให้ลูกเป็น “ผู้ชนะที่ดี” และ “ผู้แพ้ที่สง่างาม”

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

สิริลักษณ์ อุทยารัตน์

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • เลี้ยงลูกอย่างไรให้รู้สึกว่า พ่อแม่คือ Safe Zone ที่ลูกปลอดภัยและไว้ใจได้เสมอ
แชร์ :
  • 10 สัญญาณเตือน "ภาวะซึมเศร้าในเด็ก" เช็กด่วน! ลูกเราเสี่ยงซึมเศร้าหรือเปล่า?

    10 สัญญาณเตือน "ภาวะซึมเศร้าในเด็ก" เช็กด่วน! ลูกเราเสี่ยงซึมเศร้าหรือเปล่า?

  • 10 ข้อคิดเลี้ยงลูก ฉบับหมอแม่ "เราอยากมีแม่แบบไหน เราต้องเป็นแม่แบบนั้น"

    10 ข้อคิดเลี้ยงลูก ฉบับหมอแม่ "เราอยากมีแม่แบบไหน เราต้องเป็นแม่แบบนั้น"

  • วิธีรับมือ (ว่าที่) พี่คนโตน้อยใจ กลัวแม่ไม่รัก เมื่อกำลังจะมีน้อง

    วิธีรับมือ (ว่าที่) พี่คนโตน้อยใจ กลัวแม่ไม่รัก เมื่อกำลังจะมีน้อง

  • 10 สัญญาณเตือน "ภาวะซึมเศร้าในเด็ก" เช็กด่วน! ลูกเราเสี่ยงซึมเศร้าหรือเปล่า?

    10 สัญญาณเตือน "ภาวะซึมเศร้าในเด็ก" เช็กด่วน! ลูกเราเสี่ยงซึมเศร้าหรือเปล่า?

  • 10 ข้อคิดเลี้ยงลูก ฉบับหมอแม่ "เราอยากมีแม่แบบไหน เราต้องเป็นแม่แบบนั้น"

    10 ข้อคิดเลี้ยงลูก ฉบับหมอแม่ "เราอยากมีแม่แบบไหน เราต้องเป็นแม่แบบนั้น"

  • วิธีรับมือ (ว่าที่) พี่คนโตน้อยใจ กลัวแม่ไม่รัก เมื่อกำลังจะมีน้อง

    วิธีรับมือ (ว่าที่) พี่คนโตน้อยใจ กลัวแม่ไม่รัก เมื่อกำลังจะมีน้อง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว