“ผู้ใหญ่ไม่เคยผิด” เป็นวลีที่หลายคนอาจเคยได้ยินในวัยเด็ก แนวคิดนี้แฝงอยู่ในวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน บนพื้นฐานของค่านิยมเรื่องความกตัญญูและการเคารพผู้อาวุโส เด็กไทยถูกสอนให้เชื่อฟังและเคารพพ่อแม่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ผู้มีข้อบกพร่องเช่นเดียวกับทุกคน เมื่อลูกผิดได้ พ่อแม่ก็ผิดได้
ความไม่สมบูรณ์แบบคือความเป็นมนุษย์
ดร. ไบรอัน โกลด์แมน นักจิตวิทยาเด็กผู้มีชื่อเสียง อธิบายว่า “การยอมรับความผิดพลาดของตนเองต่อหน้าลูก เป็นการสอนบทเรียนที่มีคุณค่ามากกว่าคำสอนใดๆ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ” (Goldman, 2019) นอกจากนี้ งานวิจัยของ ดร. แคโรล ดเวค (Dweck, 2016) เรื่อง “กรอบความคิดแบบเติบโต” (Growth Mindset) ยังเสริมแนวคิดนี้ว่า เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่ยอมรับข้อผิดพลาดและพยายามปรับปรุงตัว พวกเขาจะเรียนรู้ว่าความสามารถและบุคลิกภาพไม่ใช่สิ่งตายตัว แต่สามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้จากความผิดพลาด
ผลกระทบจากพ่อแม่ที่ไม่เคยยอมรับความผิด
-
เด็กอาจเรียนรู้ว่าการยอมรับความผิดเป็นเรื่องน่าอาย
เมื่อเด็กไม่เคยเห็นพ่อแม่ยอมรับความผิดพลาด พวกเขาอาจสรุปว่าการยอมรับความผิดเป็นเรื่องน่าอาย หรือแสดงถึงความอ่อนแอ ทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อการกระทำของตน งานวิจัยของ ไพรซ์-มิทเชลล์ และคณะ (Price-Mitchell, 2015) พบว่า เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ไม่มีการยอมรับความผิดพลาด มีแนวโน้มที่จะรู้สึกกลัวความล้มเหลวและมีทักษะในการแก้ไขความขัดแย้งที่ด้อยกว่า
-
ความสัมพันธ์พ่อแม่-ลูกอาจเสียหาย
การไม่ยอมรับความผิดพลาดอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความรู้สึกขมขื่นที่สะสม เด็กอาจรู้สึกว่าความรู้สึกของพวกเขาไม่ได้รับการเคารพหรือให้ความสำคัญ ทำให้ขาดความไว้วางใจและการสื่อสารที่เปิดกว้าง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกที่แข็งแรงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อพ่อแม่ไม่ยอมรับความผิดพลาด พวกเขากำลังส่งสัญญาณว่าความรู้สึกของลูกมีความสำคัญน้อยกว่าการรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง
-
เด็กอาจรู้สึกสับสนเกี่ยวกับความยุติธรรม
เมื่อพ่อแม่บังคับให้ลูกขอโทษเมื่อทำผิด แต่ตัวเองไม่เคยทำเช่นเดียวกัน เด็กอาจเกิดความสับสนเกี่ยวกับมาตรฐานทางศีลธรรมและความยุติธรรม พวกเขาอาจรู้สึกว่ามีมาตรฐานสองแบบในครอบครัว ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่พอใจและการขาดความเคารพในระยะยาว
-
เด็กอาจพัฒนานิสัยโทษคนอื่น
เมื่อพ่อแม่แสดงพฤติกรรมโทษคนอื่นหรือปฏิเสธความรับผิดชอบ เด็กมีแนวโน้มที่จะเลียนแบบพฤติกรรมนี้ การศึกษาโดย แบนดูรา (Bandura, 1977) เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม แสดงให้เห็นว่าเด็กเรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ ดังนั้น พ่อแม่ที่ไม่เคยยอมรับความผิดอาจกำลังสอนให้ลูกทำตัวเช่นเดียวกัน

พลังของคำว่า “ขอโทษ” จากพ่อแม่
ในเมื่อ พ่อแม่ก็ผิดได้ การที่พ่อแม่กล้าพูดคำว่า “ขอโทษ” เมื่อทำผิด มีประโยชน์มากมายต่อพัฒนาการของเด็กและความสัมพันธ์ในครอบครัว
-
สร้างตัวอย่างเรื่องความรับผิดชอบ
เมื่อพ่อแม่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เด็กจะเรียนรู้ที่จะทำเช่นเดียวกัน “การขอโทษที่จริงใจเป็นหนึ่งในทักษะทางอารมณ์และสังคมที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถสอนลูกได้ และวิธีที่ดีที่สุดในการสอนคือการแสดงให้เห็นผ่านการกระทำของเราเอง
-
สร้างความไว้วางใจและความปลอดภัยทางอารมณ์
เมื่อพ่อแม่ยอมรับความผิดพลาด พวกเขากำลังแสดงให้ลูกเห็นว่า ความรู้สึกของลูกมีความสำคัญ และครอบครัวเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนสามารถยอมรับความผิดพลาดได้ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจและความผูกพันที่แข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและปลอดภัยทางอารมณ์ในวัยเด็กเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความมั่นคงทางจิตใจและความสัมพันธ์ในชีวิตต่อไป
-
สอนทักษะการขอโทษอย่างมีความหมาย
พ่อแม่ที่ขอโทษลูกอย่างจริงใจไม่เพียงแต่แสดงว่าการขอโทษเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังสอนวิธีการขอโทษที่มีความหมายอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยการยอมรับการกระทำของตน แสดงความเข้าใจถึงผลกระทบต่อผู้อื่น แสดงความเสียใจอย่างจริงใจ และเสนอวิธีแก้ไขหรือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
-
สร้างแนวคิดเรื่องความเท่าเทียม
การที่พ่อแม่ยอมรับความผิดพลาดแสดงให้เห็นว่าทุกคนในครอบครัวล้วนมีคุณค่าและควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรหรือมีสถานะอย่างไร แนวคิดนี้สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้เด็กพัฒนาความเคารพตนเองและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
-
ลดความกดดันจากความคาดหวังที่สมบูรณ์แบบ
การที่พ่อแม่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตนเอง ช่วยลดความกดดันจากความคาดหวังที่เป็นไปไม่ได้ทั้งสำหรับตัวพ่อแม่เองและลูก “ความสมบูรณ์แบบเป็นเกราะป้องกันความเปราะบาง แต่ความเปราะบางกลับเป็นแหล่งกำเนิดของความรัก การเติบโต และการเปลี่ยนแปลง” เมื่อพ่อแม่แสดงความเปราะบางผ่านการยอมรับความผิดพลาด พวกเขากำลังสร้างพื้นที่ให้ทั้งตัวเองและลูกได้เติบโต

เมื่อไรที่พ่อแม่ควรขอโทษลูก
-
เมื่อใช้อารมณ์หรือพูดในลักษณะที่ทำร้ายจิตใจ
แม้ว่าพ่อแม่ทุกคนอาจมีช่วงเวลาที่รู้สึกหงุดหงิดหรือเครียด แต่การตะโกน พูดดูถูก หรือใช้คำพูดที่รุนแรงกับลูกเป็นสิ่งที่ควรขอโทษ เพื่อแสดงว่าแม้จะมีอารมณ์รุนแรง แต่วิธีการจัดการกับอารมณ์นั้นไม่เหมาะสม การขอโทษหลังจากการระเบิดอารมณ์ไม่เพียงแต่ช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ แต่ยังเป็นโอกาสในการสอนลูกเกี่ยวกับการจัดการอารมณ์ เราไม่ได้สอนลูกให้ไม่มีอารมณ์ แต่สอนวิธีจัดการกับอารมณ์อย่างเหมาะสม
-
เมื่อตัดสินหรือกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม
พ่อแม่อาจด่วนสรุปหรือกล่าวหาลูกโดยยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อรู้ว่าตัดสินผิด ควรรีบขอโทษและแก้ไขความเข้าใจผิด เพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการตัดสิน
-
เมื่อไม่รักษาคำสัญญาหรือไม่รักษาความไว้วางใจ
การไม่รักษาคำสัญญา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ส่งผลต่อความไว้วางใจ การขอโทษในกรณีนี้แสดงถึงความเคารพและการให้คุณค่ากับความไว้วางใจของลูก
-
เมื่อไม่ให้การสนับสนุนในช่วงเวลาสำคัญ
พ่อแม่อาจพลาดโอกาสในการสนับสนุนลูกในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การยอมรับและขอโทษสำหรับการไม่อยู่เคียงข้างเมื่อลูกต้องการ เป็นก้าวแรกในการเยียวยาความรู้สึกและความสัมพันธ์
-
เมื่อทำผิดพลาดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของลูก
การตัดสินใจของพ่อแม่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของลูก เช่น การย้ายบ้าน การเปลี่ยนโรงเรียน หรือพ่อแม่แยกทางกัน อาจทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิตของตนเอง การยอมรับความยากลำบากที่เกิดขึ้นและขอโทษสำหรับผลกระทบที่ลูกต้องเผชิญ เป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกจัดการกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
การยอมรับความผิดพลาดและกล้าขอโทษลูกเมื่อทำผิด ไม่ได้ทำให้ความเป็นพ่อแม่ด้อยค่าลง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นการสร้างบทเรียนอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และการเคารพซึ่งกันและกัน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มั่นใจเกินร้อย จะถอยยังไง? 5 เคล็ดลับ สอนลูกให้กล้ายอมรับความผิดพลาด
6 เรื่องต้องห้าม! หยอกล้อเด็ก กระทบ Self-Esteem แหย่เด็กเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ลูกไม่คุยกับพ่อแม่ แก้ยังไง? เป็นพัฒนาการตามวัย หรือความไม่เข้าใจกัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!