อยาก สอนลูกให้เป็นเด็กใจบุญ ต้องเริ่มที่พ่อแม่ตามปกติแล้วเด็กในช่วงวัย 4 – 5 ขวบ คุณพ่อคุณแม่มักจะเจอปัญหา ลูกชอบหวงของ หรือไม่รู้จักการให้ แต่นั่นเพราะเป็นพฤติกรรมของวัยนี้จะรัก จะหวง และเห็นคุณค่าในของที่ตนเองมีอยู่ หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการสอนให้ลูกเป็นเด็กใจบุญ รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน มาดูวิธีการ สอนลูกให้เป็นเด็กใจบุญ กันค่ะ จากบทความ เรื่อง สอนลูกให้ฉลาดทำบุญ โดย พระไพศาล วิสาโล ท่านได้ให้ข้อคิด และวิธีการสอนลูกให้ฉลาดทำบุญ โดยมีคำแนะนำดังนี้
ความหมายของ “บุญ”
บุญ คือ เครื่องชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ ชำระแรกคือ ชำระพฤติกรรม ให้งดงาม เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ชำระประการต่อมาก็คือชำระจิตใจ ให้หายเศร้าหมอง พ้นจากความเร่าร้อน เกิดความสว่างไสวในทางปัญญา คิดถูกคิดชอบ ไม่หลงไปตามอารมณ์ชั่วแล่น บุญนั้นเริ่มต้นด้วยการรู้จักให้ การให้ หรือทาน ช่วยให้เราไม่คิดจะเอาเข้าตัวอยู่ร่ำไป ชีวิตที่คิดแต่จะเอาเป็นชีวิตที่ไม่สมดุล จิตที่คิดแต่จะเอา เป็นจิตที่คับแคบ เห็นแก่ตัว ทำให้เป็นคนไม่น่ารัก และมีความสุขยาก
บทความที่เกี่ยวข้อง : เทคนิคการ สอนลูกให้เห็นใจผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มสอนลูกอย่างไร ?
วิธีการที่พ่อแม่จะ สอนลูกให้เป็นเด็กใจบุญ
การสอนให้เด็กที่รู้จักให้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สำนึกต่อคนรอบข้าง ทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ ที่จะเป็นที่รักทั่ว ๆ ไป อีกทั้งการรู้จักให้ยังช่วยบ่มเพาะจิตใจ ทำให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น แต่ลูกยังเป็นเด็กอยู่ คงจะไม่เข้าใจในเรื่องการทำบุญมากเท่าไร ดังนั้น การให้จึงต้องสอนจากการกระทำ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อม
เด็กเล็กในช่วงวัย 4 – 5 ขวบ เป็นวัยที่ดูไม่ประสีประสา และมักจะรู้จักหวงของ และรู้คุณค่าของสิ่งที่ตนมี อย่างของขวัญวันเกิด หรือความสำคัญของวันเกิด การจะสอนให้เขารู้จักให้ จึงควรเริ่มจากอธิบายให้เขาฟังว่า “เด็กบางคนไม่ได้โชคดีเกิดมามีพ่อแม่ที่เอาใจใส่เหมือนอย่างที่หนูมี และวันเกิดของหนูก็เป็นวันสำคัญถ้าลูกได้แบ่งปันขนม หรือของเล่นที่ได้รับมามากมาย เอาไปให้เพื่อนหรือเด็กที่เขาไม่มีของเล่น ก็เท่ากับหนูเป็นเด็กดี มีน้ำใจ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น เป็นที่น่าชื่นชม ที่สำคัญพ่อและแม่จะภูมิใจในตัวหนูมากนะคะ”
เมื่ออธิบายอย่างนี้ เด็กจะเริ่มเห็นอกเห็นใจผู้ที่ขาดขึ้นมาได้ในทันที ค่อย ๆ ปลูกความเห็นอกเห็นใจในผู้อื่นลงในใจลูก แล้วเขาจะนึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขบ้าง
ขั้นที่ 2 ลงมือปฏิบัติ
คุณพ่อคุณแม่ควรแนะนำและสอนให้ลูกรู้จักให้ โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ชี้แนะแนวทางที่ควรกระทำ เช่น สอนให้ลูกนำของเล่นชิ้นโปรด หรือของเล่นที่ลูกไม่ได้เล่นแล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี หรืออาจจะพาลูกไปซื้อข้าวของสำหรับการบริจาค โดยให้ลูกมีส่วนในการเลือกด้วย คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ชี้แนะ หรือแม้แต่เก็บค่าขนมของลูกเอง ที่สำคัญไม่ควรหัดให้ลูกนำของที่ตนเองไม่ใช้ หรือไม่ต้องการเพราะของนั้นเก่า ชำรุด เสียหายหักพัง แล้วจึงค่อยนำไปบริจาคให้ผู้อื่น แต่ควรหัดให้ลูกคิดว่า การมอบส่งของให้ผู้อื่นนั้น เราควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากของนั้นไม่ดี ชำรุดเสียหาย ขนาดเราเองยังไม่ต้องการ คนอื่นก็คงไม่ต้องการเช่นกัน แต่ควรเกิดจากจิตใจที่ต้องการให้จริง ๆ
นอกจากนี้ แม้จะไม่มีเงินให้ก็สามารถทำบุญได้ เราเรียกกันว่า “จิตอาสา” คุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูก ๆ ไปร่วมกิจกรรมสาธารณกุศลกับที่ทำงาน หรือร่วมกิจกรรมในชุมชน หรือหมู่บ้าน เช่น ร่วมปลูกป่าชายเลน ร่วมเก็บขยะภายในชุมชน เป็นต้น เพื่อฝึกให้ลูกมีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือ และเข้าใจว่าการทำบุญหรือการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นทำได้หลายรูปแบบไม่ใช่การไปวัด หรือทำบุญกับวัดเพียงอย่างเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 วิธีสอนลูกไม่ให้ขี้อิจฉา ทำยังไงดีให้ลูกเป็นเด็กดีไม่อิจฉาคนอื่น
ขั้นที่ 3 ชมเชยให้ชื่นใจ
แม้ว่าการทำบุญจะไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่เมื่อลูกน้อยรู้จักการให้แก่ผู้อื่นด้วยใจเอื้อเฟื้อ ทำให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกดี รู้สึกภาคภูมิใจ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำต่อไป คือ อธิบายให้ลูกฟังว่าผลจากการให้ของเขาจะเป็นอย่างไรเช่น หากเขามอบของเล่นให้คนที่ขาดแคลน ก็แนะได้ว่าเด็กคนอื่นจะได้มีของเล่นสนุก ๆ แบบเดียวกับที่ลูกได้เล่น
คุณพ่อคุณแม่อาจต่อยอดการทำความดีให้ลูก ด้วยการทำสมุดความดีให้เขาลงบันทึกสิ่งดี ๆ ที่ได้ทำด้วยตัวเอง เพราะเมื่อลูกเอากลับมาดูเมื่อไร เขาจะได้รู้สึกภูมิใจและมีกำลังใจที่จะทำสิ่งดี ยิ่งทำมากครั้ง คุณอาจให้รางวัลทำให้ประหลาดใจ และดีใจกับการทำความดีของตนขึ้นไปได้อีก แต่ไม่จำเป็นต้องตอบแทนเป็นสิ่งของทุกครั้งที่ทำดีนะคะ เพราะเดี๋ยวลูกจะเข้าใจผิดว่า ทำดีมีรางวัล ต่อไปเขาจะทำสิ่งใดก็ตามจะต้องได้รับสิ่งตอบแทน ถ้าเป็นเช่นนั้น การทำบุญและการให้คงบิดเบี้ยวจากจุดประสงค์ที่พ่อแม่ต้องการอย่างแน่นอน
การสอนให้ลูกเป็นคนใจบุญและรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น สามารถเริ่มสอนได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ และคุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อยด้วย เพื่อให้เขาเห็นจนคุ้นเคย และเด็ก ๆ จะเกิดการเลียนแบบเองค่ะ เพราะสอนตอนเด็ก มักทำให้เขาเข้าใจง่ายมากกว่าตอนโตอยู่แล้ว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ไม่อยากให้ลูกเป็น ลูกเทวดา จิตแพทย์แนะ เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กใจดี
10 วิธี การเลี้ยงลูกให้ฉลาด อยากให้ลูกฉลาดเติบโตเป็นคนเก่ง ต้องอ่าน!!
ทารกใจดี รู้ได้ตั้งแต่ยังเล็ก วิจัยเผยเด็กจะมีจิตใจดี รู้ได้ตั้งแต่ตอนเป็นทารก
ที่มา : milo
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!