ชีวิตที่มีลูก เข้าแล้วออกไม่ได้ จากวันที่เคยมีอิสระเต็มที่ สู่การเป็นผู้ที่ต้องทุ่มเทเวลาและพลังงานให้กับลูกน้อยอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งอดนอน ไม่มีเวลาส่วนตัว ไปจนถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว บทความนี้ มีแนวทางการบริหารจัดการเวลาและชีวิตส่วนตัวของคุณแม่ ให้ชีวิตหลังมีลูกสามารถดำเนินไปได้อย่างสมดุลและมีความสุขมาฝากค่ะ
เมื่อโลกส่วนตัว กลายเป็น โลกทั้งใบของลูก
ชีวิตที่มีลูก บทบาทของการเป็นแม่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายมิติของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกส่วนตัวที่เคยเป็นของเราคนเดียว อิสระที่คิดอยากจะทำอะไร กินอะไร ไปไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมื่อมีลูก ก็คิดถึงแต่เรื่องลูกก่อนเสมอ
ชีวิตก่อนมีลูก
- ชีวิตอิสระ: ในช่วงเวลานี้ คุณมีอิสระอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจและดำเนินชีวิตตามความต้องการของตนเอง คุณสามารถเลือกที่จะทำอะไร เมื่อไหร่ และอย่างไร ก็ได้
- ใส่ใจดูแลตัวเอง: เป็นปกติที่ผู้หญิงจะรักสวยรักงาม ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและใจได้อย่างเต็มที่ มีเวลาในการออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด
- สังสรรค์กับเพื่อนฝูง: คุณสามารถนัดเจอ พูดคุย ทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนฝูงได้อย่างอิสระ เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
- เดินทางท่องเที่ยว: มีอิสระในการวางแผนการเดินทาง ออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในสถานที่ต่างๆ ทั้งใกล้และไกล และใช้เวลากับการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
- ใช้จ่ายอย่างสบาย: สามารถใช้จ่ายเงินเพื่อความสุขและความต้องการของตนเองได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ชอบ การรับประทานอาหารในร้านอาหารดีๆ หรือการลงทุนในประสบการณ์ต่างๆ
ชีวิตหลังมีลูก
- อดหลับอดนอน: จากการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม กลายเป็นการนอนหลับที่ไม่ต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งการอดนอนอย่างแท้จริง คำว่า “นอนยาว” หรือ “ตื่นสาย” กลายเป็นเพียงภาพความทรงจำที่เลือนราง
- ไม่มีเวลาส่วนตัว: การมีเวลาเป็นของตัวเองกลายเป็นสิ่งล้ำค่า แม้กระทั่งกิจวัตรส่วนตัวพื้นฐาน เช่น การเข้าห้องน้ำ การรับประทานอาหาร หรือการอาบน้ำ ก็ต้องแข่งกับเวลาและเสียงร้องเรียกของลูกน้อย
- ห่างหายจากเพื่อนฝูง: จากการออกไปสังสรรค์ รับประทานอาหารนอกบ้านในยามค่ำคืน กลายเป็นการอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยและพาลูกเข้านอน
- ภาระหน้าที่เพิ่มขึ้น: นอกเหนือจากภาระงานประจำ ยังต้องรับผิดชอบงานบ้านที่มากขึ้น การดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยในทุกด้าน ตั้งแต่ทำอาหารให้ลูก ป้อนข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า อบรมบ่มนิสัย ไปจนถึงการดูแลเมื่อเจ็บป่วย
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น: รายจ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งค่าอาหาร นม เสื้อผ้า ของใช้เด็ก และค่ารักษาพยาบาล

ชีวิตที่มีลูก มุมมองและความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อบทบาทของแม่เริ่มต้นขึ้น โลกภายในของแม่ก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ ส่งผลให้มุมมองและลำดับความสำคัญในชีวิตถูกจัดเรียงใหม่ทั้งหมด
ทุกการตัดสินใจ ทุกการกระทำ ล้วนมีลูกเป็นศูนย์กลาง จากที่เคยคำนึงถึงความต้องการส่วนตัวเป็นหลัก ตอนนี้ทุกความคิดถูกมุ่งไปที่ลูกน้อยเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยในแต่ละวัน หรือการวางแผนใหญ่ในอนาคต ลูกคือปัจจัยสำคัญที่สุด
หากเมื่อก่อนความกังวลใจมักจะมาจากเรื่องส่วนตัว เช่น ปัญหาการงาน หรือความผิดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อมีลูก ทุกครั้งที่ลูกไม่สบาย ตัวร้อน หรือมีอาการผิดปกติเพียงเล็กน้อย หัวใจคนเป็นแม่ก็เจ็บปวดใจจะขาดยิ่งกว่าความทุกข์ใด ๆ ที่เคยผ่านมา
แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข ทุกการเติบโต ทุกพัฒนาการของลูก ตั้งแต่การพลิกคว่ำ คลาน เดิน หรือแม้กระทั่งการเอ่ยคำแรก ทำให้แม่ตื่นเต้นทุกครั้ง รอยยิ้มของลูกทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดหายไปในพริบตา
การมีลูกยังทำให้ชีวิตมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากที่เคยมองเป้าหมายในระยะสั้น ตอนนี้กลับมองเห็นอนาคตของลูกเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเก็บเงินเพื่อการศึกษา การเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นอยู่ที่ดี หรือการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับลูกน้อย ทุกการกระทำล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยความรักและความหวังดีที่แม่มีให้กับลูก

สมดุลที่ต้องสร้าง: 4 เคล็ดลับการบริหารจัดการเวลาและชีวิต
แม้งานของแม่จะเป็นงานที่หนักหน่วง และเป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถ “ลาออก” ได้ แต่หากคุณแม่บาลานซ์ให้ดี จะช่วยให้คุณแม่ยังคงมีความสุขและมีพลังในการดูแลครอบครัวได้อย่างเต็มที่ค่ะ
1. จัดลำดับความสำคัญ
แม้ลูกจะเป็นอันดับแรกเสมอ แต่สิ่งสำคัญคือการบาลานซ์งานและความสัมพันธ์ กำหนดสิ่งที่คุณต้องทำในแต่ละวัน โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและผลกระทบต่อทุกคน
2. ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงเวลาที่ลูกหลับหรือเล่นอยู่เงียบๆ คุณสามารถใช้ช่วงเวลานั้นในการทำงานบ้านที่ค้างอยู่ เตรียมอาหาร หรือจัดการธุระต่างๆ ที่ต้องใช้สมาธิ
3. ขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว
คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว แบ่งเบาภาระกับสามี ญาติผู้ใหญ่ หรือสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการสร้างความผูกพันในครอบครัวและลดความเหนื่อยล้า
4. เรียนรู้ที่จะ “ปล่อยวาง”
ชีวิตอาจไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป บางครั้งการลดความคาดหวังลงบ้าง ปล่อยผ่านบางเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ ก็ช่วยให้คุณแม่คลายความกดดันและมีเวลาหายใจมากขึ้น

4 วิธีหาความสุขให้ตัวเอง
1. หาเวลาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อผ่อนคลาย
แม้จะเพียง 15-30 นาทีต่อวัน การได้อ่านหนังสือ ฟังเพลงที่ชอบ แช่น้ำอุ่นๆ หรือแม้แต่การนั่งจิบกาแฟเงียบๆ ก็ช่วยเติมพลังใจให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ
2. ทำกิจกรรมที่ชอบร่วมกับลูก
ลองหากิจกรรมที่คุณและลูกสามารถทำร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน เช่น วาดรูป อ่านนิทาน เล่นของเล่น หรือออกไปเดินเล่น การได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้ลูก แต่ยังเติมเต็มหัวใจของคุณแม่ด้วย
3. พูดคุยและระบายความรู้สึก
การได้ปรึกษาหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณพ่อ หรือเพื่อนๆ ที่มีลูกเหมือนกัน ช่วยให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้ระบายความรู้สึกที่เก็บกดไว้
4. ดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ (เท่าที่จะทำได้) และการออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยให้คุณมีพลังงานและสุขภาพจิตที่ดี เพราะเมื่อ “แม่มีความสุข ลูกก็จะมีความสุขไปด้วย”
เมื่อคุณแม่สามารถจัดการชีวิตได้อย่างลงตัว ก็จะสามารถมีความสุขกับทุกบทบาท และพร้อมที่จะมอบความรักให้ลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
จิตวิทยาความรัก คู่ผัว-เมียสายไฝว้ ทะเลาะไปรักไป ชาวบ้านงง หยุมหัวกันแทบตาย สุดท้ายก็ไม่เลิก
ชีวิตคู่เปลี่ยนไปหลังมีลูก! 6 เคล็ดลับ กระชับสัมพันธ์ให้ราบรื่นด้วยความเข้าใจ
10 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรปฏิบัติต่อกัน พ่อแม่แบบไหนที่ลูกไม่ชอบ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!