X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • พัฒนาการลูก
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • การศึกษา
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

การกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด 2 เม็ด ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคุณผู้หญิง

บทความ 5 นาที
การกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด 2 เม็ด ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคุณผู้หญิงการกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด 2 เม็ด ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคุณผู้หญิง

การกินยาคุมฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill) ทั้งในแบบ 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด มีวิธีการกินที่ไม่ยาก แนะนำให้ทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง ถึงแม้จะเป็นแบบ 2 เม็ด ก็สามารถทานพร้อมกันได้ เพื่อป้องกันการลืมจนการคุมกำเนิดล้มเหลว และเรื่องอื่น ๆ ที่คุณผู้หญิงควรรู้ หากต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน

 

ใครบ้างที่ควรกินยาคุมฉุกเฉิน

การคุมกำเนิดทุกรูปแบบไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครบ 100 % หากสามารถเลือกวิธีที่ปลอดภัย และทำได้อย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันได้มาก การกินยาคุมฉุกเฉิน ควรทานเมื่อจำเป็นเท่านั้น หากไม่มีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากพอ และไม่ต้องการตั้งครรภ์ ควรจะต้องทานยาคุมฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าควรใช้ยาชนิดนี้ ได้แก่

 

  • หลังผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน หรือการคุมกำเนิดใด ๆ
  • มีเพศสัมพันธ์ แต่การคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น ใส่ถุงยางไม่ถูกต้อง, ถุงยางรั่ว หรือถุงยางแตก เป็นต้น
  • การมีเพศสัมพันธ์หลังจากขาดช่วงการคุมกำเนิด เช่น ลืมทานยาคุมแบบปกติ, เลยกำหนดการฉีดยาคุม, ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด เป็นต้น
  • คำนวณวันมีเพศสัมพันธ์หน้า 7 หลัง 7 พลาด

 

จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงที่นำไปสู่การใช้ยาคุมฉุกเฉินมีอยู่หลายต่อหลายข้อ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการให้ความสำคัญกับการ “ป้องกัน” ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านเพศชาย หรือเพศหญิง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิด และเลี่ยงการใช้ยาคุมฉุกเฉินซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายของฝ่ายหญิงได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : ยาคุมกินช้าสุดกี่วัน เกิน 72 ชั่วโมง ยังทานยาคุมฉุกเฉินได้อยู่ไหม ?

 

วิดีโอจาก : Bhaewow

 

การกินยาคุมฉุกเฉิน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินจะได้ผลดีที่สุด หากทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากทานหลังจากนั้นก็ได้เช่นกัน แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงตามระยะเวลา และต้องทานภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เนื่องจากหากทานหลังจากนี้ จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้

 

  • ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด : ทานได้ทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน แต่จะได้ผลดีที่สุดหากทานภายใน 24 ชั่วโมง
  • ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด : ทาน 1 เม็ดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ในทันที และทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง (สามารถทานพร้อมกันทั้ง 2 เม็ดเลยได้เช่นกัน)

 

โดยปกติแล้วควรทานในรูปแบบ 1 เม็ด หรือทาน 2 เม็ดพร้อมกัน เนื่องจากการแบ่งทาน 12 ชั่วโมง อาจทำให้ลืม หรือเสี่ยงเกินเวลาได้ จะทำให้การคุมกำเนิดล้มเหลว

 บทความที่เกี่ยวข้อง : ราคายาคุมฉุกเฉิน แต่ละยี่ห้อเท่าไหร่บ้าง เทียบราคาอย่างละเอียด

 

ข้อควรรู้ของยาคุมฉุกเฉิน

  • ไม่สามารถช่วยป้องกันโรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เป็นเพียงตัวช่วยในการคุมกำเนิดเท่านั้น หากต้องการป้องกันโรค และช่วยคุมกำเนิดในเวลาเดียวกัน วิธีที่ง่ายที่สุด คือ การใช้ถุงยางอนามัย
  • ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 % หากทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงจะป้องกันได้มากที่สุด 85 % หากทานหลังจาก 24 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง จะป้องกันได้ 75 %
  • ควรหลีกเลี่ยงการทานบ่อย ๆ ภายใน 1 เดือน สามารถทานได้มากสุด 2 แผง หรือ 4 เม็ด เพราะจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ การทานบ่อย ๆ ยังทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดน้อยลง จะทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากขึ้นด้วย
  • ยาคุมฉุกเฉิน “ไม่ใช่ยาทำแท้ง” แต่เป็นเพียงยาที่ช่วยลดการทำงานของไข่ และอสุจิเท่านั้น หากเกิดการปฏิสนธิไปแล้ว หรือเกิดการตั้งครรภ์ไปแล้ว การทานยาคุมฉุกเฉินจะไม่ส่งผลใด ๆ
  • หลังจากทานยาไปประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเกิดอาการอาเจียน จำเป็นต้องทานยาซ้ำ
  • หากสงสัยว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์อยู่แล้ว ควรเลี่ยงการทานยาคุมฉุกเฉิน

 

การกินยาคุมฉุกเฉิน

 

ควรตรวจครรภ์แม้ใช้ยาคุมฉุกเฉิน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ควรทำเพื่อการคุมกำเนิด ก่อนการมีเพศสัมพันธ์จึงต้องเตรียมการป้องกันไว้ก่อน โดยวิธีที่นิยมกันมากที่สุดสำหรับเพศหญิง คือ การทานยาคุมแบบปกติ หรือการฝังยาคุม เป็นต้น ส่วนในเพศชาย คือ การใช้ถุงยางอนามัย โดยการคุมกำเนิดทุกรูปต้องใช้ให้ถูกวิธี และเหมาะสม ฝ่ายชายไม่ควรเขินอายที่จะพกถุงยางอนามัย และการป้องกันทุกรูปแบบที่ไม่สามารถป้องกันได้ 100 % การตรวจครรภ์จึงยังสำคัญอยู่ โดยเฉพาะหากใช้ยาคุมฉุกเฉินในการคุมกำเนิด

 

การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องมีเมื่อพร้อมเท่านั้น ยิ่งพร้อมเท่าไหร่ยิ่งป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้มากขึ้นเท่านั้น การใช้ยาคุมฉุกเฉินจึงเป็นทางเลือกสำหรับสถานการณ์ที่ฉุกเฉินจริง ๆ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง กินบ่อยไปแล้วควรทำอย่างไร ?

ราคาที่ตรวจครรภ์ ปี 2565 ยี่ห้อไหนดี รวมหมดทุกแบบไว้ที่นี่!

ทำไมกินยาคุมฉุกเฉินแล้วยังท้อง ไขข้อสงสัยยาคุมฉุกเฉินที่คนมักเข้าใจผิด

ที่มาข้อมูล : 1 2 3 4

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Sutthilak Keawon

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • การกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด 2 เม็ด ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคุณผู้หญิง
แชร์ :
  • โลกใบใหม่ที่ไม่ได้มีแต่ความเงียบงัน ขั้นตอนการฟื้นฟูหลัง ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม
    บทความจากพันธมิตร

    โลกใบใหม่ที่ไม่ได้มีแต่ความเงียบงัน ขั้นตอนการฟื้นฟูหลัง ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม

  • 7 วิธีทำให้ประจำเดือนมา ง่าย ๆ ทำได้เองที่บ้าน ปลอดภัยหายห่วง

    7 วิธีทำให้ประจำเดือนมา ง่าย ๆ ทำได้เองที่บ้าน ปลอดภัยหายห่วง

  • อาการเมนจะมา มีอะไรบ้าง แบบไหนรุนแรง ต่างจากอาการคนท้องอย่างไร ?

    อาการเมนจะมา มีอะไรบ้าง แบบไหนรุนแรง ต่างจากอาการคนท้องอย่างไร ?

app info
get app banner
  • โลกใบใหม่ที่ไม่ได้มีแต่ความเงียบงัน ขั้นตอนการฟื้นฟูหลัง ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม
    บทความจากพันธมิตร

    โลกใบใหม่ที่ไม่ได้มีแต่ความเงียบงัน ขั้นตอนการฟื้นฟูหลัง ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม

  • 7 วิธีทำให้ประจำเดือนมา ง่าย ๆ ทำได้เองที่บ้าน ปลอดภัยหายห่วง

    7 วิธีทำให้ประจำเดือนมา ง่าย ๆ ทำได้เองที่บ้าน ปลอดภัยหายห่วง

  • อาการเมนจะมา มีอะไรบ้าง แบบไหนรุนแรง ต่างจากอาการคนท้องอย่างไร ?

    อาการเมนจะมา มีอะไรบ้าง แบบไหนรุนแรง ต่างจากอาการคนท้องอย่างไร ?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2022. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ