X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

โรคเหงือกคืออะไร โรคเหงือกมีอาการอย่างไร มีวิธีรักษาโรคเหงือกหรือไม่

บทความ 5 นาที
โรคเหงือกคืออะไร โรคเหงือกมีอาการอย่างไร มีวิธีรักษาโรคเหงือกหรือไม่

โรคเหงือก มีอาการอย่างไร โรคเหงือกเป็นโรคในช่องปากจริงหรือไม่ มีวิธีรักษาโรคเหงือกไหม ต้องไปพบทันตกรรมเมื่อใดหากเป็นโรคเหงือก

 

โรคเหงือก

โรคเหงือกคืออะไร

โรคเหงือก (Gum Disease) เป็นโรคที่มีการอักเสบเกิดขึ้นที่เหงือก โดยผู้ที่เป็นโรคเหงือกอาจจะมีอาการเลือดออกขณะที่แปรงฟัน เหงือกอักเสบ เหงือกบวม หรือมีกลิ่นลมหายใจที่ไม่พึงประสงค์ สาเหตุส่วนใหญ่ของโรคเหงือกคือเกิดจากการสะสมตัวของคราบพลัค หรือคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน และหากว่าผู้ป่วยเป็นโรคเหงือกไม่ได้การรักษาอย่างเหมาะสมอาจจะทำให้มีอาการที่รุนแรงมากขึ้นจนต้องสูญเสียฟันได้ในที่สุด

 

ความแตกต่างระหว่างเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์คืออะไร?

โรคเหงือกอักเสบมักเกิดขึ้นก่อนโรคปริทันต์อักเสบ แต่ไม่ใช่ว่าเหงือกอักเสบทั้งหมดจะนำไปสู่โรคปริทันต์อักเสบ คนส่วนใหญ่เป็นโรคเหงือกอักเสบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต และอาการที่ไม่รุนแรงของมันทำให้มองข้ามได้ง่าย แต่หากไม่มีการรักษา ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับช่องปากของคุณได้ ข่าวดีก็คือคุณสามารถป้องกันหรือย้อนกลับได้เพียงแค่แปรงฟันใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดฟันและตรวจสุขภาพเป็นประจำ

ในช่วงเริ่มต้นของโรคเหงือกอักเสบแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์สร้างขึ้นทำให้เหงือกจะกลายเป็นอักเสบและเลือดออกได้อย่างง่ายดายระหว่างฟันแปรงฟัน แม้ว่าเหงือกจะระคายเคือง แต่ฟันก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในเบ้า ไม่มีกระดูกที่ไม่สามารถย้อนกลับหรือความเสียหายของเนื้อเยื่ออื่น ๆ เกิดขึ้นในขั้นตอนนี้

เมื่อคุณลืมที่จะแปรงไหมขัดฟันและล้างออกด้วยน้ำยาบ้วนปากหนังเหนียวของเชื้อแบคทีเรียและอาหารที่เรียกว่าคราบจุลินทรีย์สร้างขึ้นรอบ ๆ ของคุณฟัน ขยะจะปล่อยกรดที่ทำร้ายเปลือกนอกของฟัน เรียกว่าเคลือบฟัน และทำให้ฟันผุ หลังจากผ่านไป 72 ชั่วโมง คราบพลัคจะแข็งตัวเป็นหินปูนซึ่งก่อตัวตามแนวเหงือกและทำให้ยากต่อการทำความสะอาดฟันและเหงือกของคุณอย่างสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไป การสะสมนี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เหงือกของคุณอักเสบ ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ

ในคนที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ ชั้นในของเหงือกและกระดูกจะดึงออกจากฟันและสร้างกระเป๋า ช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างฟันและเหงือกเหล่านี้รวบรวมเศษซากและอาจติดเชื้อได้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับแบคทีเรียเมื่อคราบพลัคแพร่กระจายและเติบโตใต้แนวเหงือก

 

อาการของโรคเหงือก

อาการของโรคเหงือกนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ ตามความรุนแรงของอาการโรคเหงือก มีดังนี้

เหงือกอักเสบ

เหงือกออักเสบเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะแรก ๆ และมักจะส่งผลกระทบต่อผิวเหงือก โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อของเหงืออกและฟัน ผู้ป่วยที่เป็นเหงือกอักเสบอาจจะมีเลือดออกที่เหงือกขณะที่แปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟัน มีอาการกดเจ็บที่เหงือก และเหงือกบวมแดง ทั้งนี้อาการเหงือกอักเสบสามารถที่จะรักษาได้โดยการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะขจัดแบคทีเรีย และคราบพลัคบนผิวของฟัน ซึ่งจะช่วยทำให้อาการนั้นดีขึ้นในเวลาต่อมา แต่ถ้าหากว่าอาการนั้นยังไม่ดีขึ้น ควรเข้าไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อที่จะรับการรักษาอย่างถูกต้อง

โรคปริทันต์

โรคปริทันต์จะเกิดขึ้นเมื่อภาวะเหงือกอักเสบนั้นไม่ได้รับการรักษา ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจจะทำให้เกิดร่องลึกรหว่างเหงือก และรากฟันได้ รวมทั้งอาจจะเกิดการสะสมของแบคทีเรียที่บริเวณนั้น ๆ จนทำให้เนื้อเยื่อและกระดูกขากรรไกรที่ยึกเหงือก และฟันเอาไว้ด้วยกันเกิดการได้รับความเสียหาย และทำให้สูญเสียฟันได้ในที่สุดนั้นเอง

โดยผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อาจจะมีอาการ ดังต่อไปนี้

  • มีอาการเหงือกบวมแดง
  • รู้สึกมีรสชาติแปลก ๆ ภายในปาก
  • มีอาการปวดเหงือกเมื่อกัดอาหาร
  • สีของเหงือกนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม
  • ลมหายใจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • มีอาการเกิดฝีที่เหงือก ซึ่งอาจกลายเป็นหนองในภายหลัง

ทั้งนี้ อาการที่ได้เกิดจากโรคเหงือกนั้นอาจจะสังเกตได้ยาก เพราะบางครั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์นั้นอาจจะไม่มีอาการปวด  หรืออาการระคาบเคืองบริเวณเหงือกแต่อย่างไร ดังนั้น การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อที่จะตรวจช่องปากเป็นประจำนั้นจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการเข้าไปตรวจช่องปากกับทันตแพทย์จะช่วยตรวจหาความผิดปกติของเหงือก และทำการรักษาตั่งแต่ระยะแรก ทั้งยังสามารถที่จะช่วยป้องกันการสูญเสียฟันได้อีกด้วย

 

ผู้ที่ควรตรวจเหงือกอักเสบ

  • ผู้ที่ทำการรักษาความสะอาดช่องปากได้ไม่ดี อาจจะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบได้
  • คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์นั้นจะมีระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ได้มีการศึกษาที่พบความสัมพันธ์ของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ สัมพันธ์กับบภาวะการตั้งงครรภ์ ศึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้
  • ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังเบาหวาน และความดัน เนื่องจากผู้ป่วยนั้นจะได้รับยาที่ทำให้เกิดเชื้อแบคที่เรียในช่องปากได้
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ

 

ทันตแพทย์ของฉันวินิจฉัยโรคเหงือกได้อย่างไร?

ในระหว่างการตรวจทางทันตกรรม ทันตแพทย์มักจะตรวจวินิจฉัยโรคเหงือก มีดังนี้

  • เลือดออกตามไรฟัน บวม แน่น และลึก (ช่องว่างระหว่างเหงือกกับฟัน ยิ่งร่องฟันลึกเท่าไหร่ โรคก็จะยิ่งมีความรุนแรง)
  • การเคลื่อนไหวของฟัน และการจัดตำแหน่งฟันที่เหมาะสม
  • กระดูกขากรรไกรของคุณเพื่อช่วยตรวจจับการสลายตัวของกระดูกรอบ ๆ ฟันของคุณ

 

สาเหตุของโรคเหงือก

สาเหตุของโรคเหงือกมักจะเกิดจากคราบพลัคที่สะสมอยู่บริเวณรอยต่อของเหงือก และฟัน ซึ่งประกอบไปด้วยแบคทีเรียที่สามารถทำให้เหงือกเกิดการระคายเคือง และเกิดการอักเสบตามมา อย่างไรก็ตาม สามารถขจัดคราบพลัคออกไปได้ด้วยการแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟันได้ แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะขจัดคราบที่ติดอยู่ที่ฟันได้หมด อาจจะเกิดคราบหินปูนขึ้นได้ นอกจากนี้ โรคเหงือกอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น

  • อายุ โรคเหงือกนั้นมักที่จะพบในวัยผู้สูงอายุ
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ รับประทานอาหารแบบไม่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งไม่แปรงฟันทันทีหลังรับประทานอาหารดังกล่าว เป็นต้น
  • การใส่เครื่องมือจัดฟัน ซึ่งอาจทำให้ขจัดคราบพลัคออกไปได้ยากมากขึ้น
  • เพศ ผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเหงือกได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศในช่วงวัยเจริญพันธุ์
  • ความเครียด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • ปัญหาสุขภาพ หรือโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ภาวะขาดสารอาหาร การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือเอดส์ เป็นต้น
  • ประวัติทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น เคยเข้ารับการทำเคมีบำบัด และเคยเป็นโรคเกี่ยวกับเหงือก เป็นต้น

 

การรักษาโรคเหงือก

การรักษาโรคเหงือกนั้นจะเน้นไปที่การยับยั้งการติดเชื้อ โดยวิธีการรักษาโรคเหงือกอาจจะขึ้นอยู่กับอาการของโรคที่เป็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งอาจทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การดูแลช่องปากการดูแลช่องปากโดยการแปรงฟัน และหมั่นใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อกำจัดแบคทีเรีย และเศษอาหารที่ยังมีการตกค้างอยู่
  • การใช้ยาปฏิชีวนะการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของยาบางชนิด หรือใช้ยาปฏิชีวนะที่มีส่วนผสมของเจล หรือใยอาหารที่จะเข้าไปซอกซอนร่องเหงือก เพื่อที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยรักษาเหงือกให้กลับมาเป็นปกติ เป็นต้น โดยวิธีนี้มักใช้ร่วมกับการขูดหินปูนเพื่อที่จะยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค และการอักเสบภายในช่องปา
  • การขูดหินปูน การขูดหินเป็นการขจัดคราบพลัค หรือคราบหินปูนออกจากบริเวณฟัน และใต้รอยต่อเหงือกโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์

นอกจากนี้แล้ว ทางด้านทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเหงือกนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตดู และหมั่นดูแลรักษาสุขภาพปากและฟันอยู่เสมอ เพื่อให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

 

โรคเหงือกสามารถป้องกันได้อย่างไร?

โรคเหงือกอักเสบสามารถย้อนกลับมาเป็นอีกครั้งได้ และโรคเหงือกสามารถป้องกันไม่ให้แย่ลงได้เมื่อมีการควบคุมคราบพลัคอย่างเหมาะสม การควบคุมคราบพลัคที่เหมาะสมประกอบด้วยการทำความสะอาดอย่างมืออาชีพอย่างน้อยปีละครั้ง หรือสองครั้ง การแปรงฟันอย่างถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง ใช้แปรงที่มีขนที่อ่อนและใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ ควรที่จะเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ 3 เดือน หรือเร็วกว่านั้นหากขนแปรงหลุดลุ่ย

บทความจากพันธมิตร
วัคซีน IPD จำเป็นที่ต้องให้ลูกรับหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 'โรคไอพีดี' และ 'วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี'
วัคซีน IPD จำเป็นที่ต้องให้ลูกรับหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 'โรคไอพีดี' และ 'วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี'
สารพัด ปัญหาของลูกน้อย ที่คุณแม่กังวลใจ ลูกงอแง ไม่สบายท้อง ท้องอืด มีผื่นคัน แก้ด้วย Little Shield
สารพัด ปัญหาของลูกน้อย ที่คุณแม่กังวลใจ ลูกงอแง ไม่สบายท้อง ท้องอืด มีผื่นคัน แก้ด้วย Little Shield
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell

สามารถใช้ไหมขัดฟันจะขจัดเศษอาหาร และคราบพลัคออกจากระหว่างฟันได้ การใช้ไหมขัดฟันทุกวันจะทำให้คราบพลัคออกจากที่ที่แปรงสีฟันของคุณนั้นเข้าไปไม่ถึงได้ คุณยังสามารถลองใช้น้ำยาทำความสะอาดซอกฟัน หรือไม้จิ้มฟันได้ คุณอาจจะถามทันตแพทย์ของคุณถึงวิธีการใช้งานเพื่อไม่ให้เหงือกของคุณเกิดความเสียหายได้

การใช้น้ำยาบ้วนปากต้านแบคทีเรียไม่เพียงแต่ป้องกันโรคเหงือกอักเสบเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยขจัดกลิ่นปาก และคราบพลัคได้อีกด้วย การล้างด้วยสารต้านแบคทีเรียสามารถลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดคราบพลัค และโรคเหงือกได้ตามข้อมูลของสมาคมทันตกรรมอเมริกัน ถามทันตแพทย์ของคุณว่าน้ำยาบ้วนปากชนิดใดที่เหมาะกับคุณที่สุด

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

หัวใจวายมีอาการเป็นอย่างไร มีวิธีรักษาหรือไม่ รวมความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจวาย

อาการต้อกระจกเป็นอย่างไร โรคต้อกระจกคืออะไร รวมความรู้เกี่ยวกับโรคต้อกระจก

มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคร้ายที่คุณผู้ชายต้องระวัง รู้ไว้ปลอดภัยแน่

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 1 , 2 , 3

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Kittipong Phakklang

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • โรคเหงือกคืออะไร โรคเหงือกมีอาการอย่างไร มีวิธีรักษาโรคเหงือกหรือไม่
แชร์ :
  • ประโยชน์ของไลโคปีน มีอะไรบ้าง ไลโคปีนป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้จริงไหม?

    ประโยชน์ของไลโคปีน มีอะไรบ้าง ไลโคปีนป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้จริงไหม?

  • เล็บคนท้อง ยาวไวกว่าปกติจริงไหม อยากเล็บสวยฟาด! แม่ท้องทำเล็บได้หรือเปล่า

    เล็บคนท้อง ยาวไวกว่าปกติจริงไหม อยากเล็บสวยฟาด! แม่ท้องทำเล็บได้หรือเปล่า

  • คนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ เสี่ยงแท้ง ! โปรเจสเตอโรนคืออะไร แม่ท้องต้องอ่าน

    คนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ เสี่ยงแท้ง ! โปรเจสเตอโรนคืออะไร แม่ท้องต้องอ่าน

  • ประโยชน์ของไลโคปีน มีอะไรบ้าง ไลโคปีนป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้จริงไหม?

    ประโยชน์ของไลโคปีน มีอะไรบ้าง ไลโคปีนป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้จริงไหม?

  • เล็บคนท้อง ยาวไวกว่าปกติจริงไหม อยากเล็บสวยฟาด! แม่ท้องทำเล็บได้หรือเปล่า

    เล็บคนท้อง ยาวไวกว่าปกติจริงไหม อยากเล็บสวยฟาด! แม่ท้องทำเล็บได้หรือเปล่า

  • คนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ เสี่ยงแท้ง ! โปรเจสเตอโรนคืออะไร แม่ท้องต้องอ่าน

    คนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ เสี่ยงแท้ง ! โปรเจสเตอโรนคืออะไร แม่ท้องต้องอ่าน

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ