“ทำไมลูกว่ายน้ำทีไร กลับมาน้ำมูกไหลทุกที?” ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในเด็ก สาเหตุเกิดจากอะไร ป้องกันได้หรือไม่ เรามีแนวทางที่คุณแม่ควรรู้มาฝาก
ทำไม ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เป็นประจำ?
1. อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
เด็กเล็กมักมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายร้อนอยู่แล้วกระโดดลงน้ำเย็นทันที หรือว่ายน้ำในสระที่มีอุณหภูมิต่ำ เมื่อขึ้นจากสระไปเจอลมแรงหรือห้องแอร์ อุณหภูมิในโพรงจมูกเปลี่ยนทันที ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการหลั่งน้ำมูกเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน
2. คลอรีนในสระทำให้จมูกระคายเคือง
ถึงแม้คลอรีนจะเป็นสารฆ่าเชื้อที่ใช้ในสระว่ายน้ำทั่วไป แต่สำหรับเด็กบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีจมูกไวหรือเป็นภูมิแพ้ คลอรีนอาจทำให้เยื่อบุโพรงจมูกระคายเคืองจนหลั่งน้ำมูกออกมา แม้จะไม่มีการติดเชื้อก็ตาม
3. น้ำในสระไม่สะอาดพอ
หากสระว่ายน้ำไม่มีการบำรุงรักษาที่ดีพอ หรือมีเด็กคนอื่นเป็นหวัด น้ำในสระอาจปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งเข้าสู่จมูกหรือลำคอของลูกได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบกลืนน้ำหรือดำน้ำบ่อย ๆ
4. ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่สมบูรณ์
เด็กเล็กยังมีภูมิคุ้มกันที่พัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ง่ายกว่า แม้จะได้รับเชื้อในปริมาณน้อยก็ตาม บางครั้งการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว เช่น จากบ้าน ลงสระ แล้วขึ้นจากสระไปห้องแอร์ ก็ทำให้ร่างกายรับมือไม่ทัน

อาการแบบไหน “ปกติ” อาการแบบไหน “ควรพบแพทย์”?
หากคุณแม่สังเกตว่า “ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ” ควรประเมินอาการดังนี้
อาการที่ไม่ต้องกังวลมาก
- น้ำมูกใส ไม่มีไข้
- มีน้ำมูกเล็กน้อยตอนกลางคืน
- ไม่มีไอหรือมีไอน้อย
- หายเองภายใน 1-3 วัน
อาการที่ควรพบแพทย์
- น้ำมูกเขียวหรือเหลืองข้น
- ไอมีเสมหะ หรือมีเสียงในลำคอ
- มีไข้ร่วมด้วย
- หายใจแรง หรือมีเสียงหายใจครืดคราด
- เด็กซึม เบื่ออาหาร ไม่ร่าเริง
- มีประวัติเป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด
กรณีนี้อาจเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ ซึ่งต้องให้คุณหมอประเมินและรักษาโดยเร็วค่ะ

6 วิธีป้องกันไม่ให้ ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ
1. เช็คความพร้อมก่อนให้ลูกลงน้ำ
- หากลูกเพิ่งหายป่วย ยังมีน้ำมูก ไอ หรือร่างกายอ่อนเพลีย ควรงดว่ายน้ำ
- ไม่ควรฝืนว่ายน้ำหากอากาศเย็นจัด หรือมีฝนตก
2. เลือกเวลาว่ายน้ำที่เหมาะสม
- ช่วงสาย (9:00–10:30) หรือบ่ายแก่ (หลัง 16:00) เหมาะกับเด็ก
- หลีกเลี่ยงช่วงแดดจัดหรืออากาศเย็นมาก
3. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือหลังว่ายน้ำ
- ใช้น้ำเกลือสะอาดล้างโพรงจมูกให้ลูก
- ช่วยขจัดสิ่งตกค้าง คลอรีน และเชื้อโรคที่อาจเข้าสู่จมูก
- ลดโอกาสติดเชื้อและอักเสบ
4. เป่าผมให้แห้งทันที
- ไม่ควรปล่อยให้ผมเปียกนาน โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย
- ใช้ผ้าขนหนูซับก่อน แล้วเป่าด้วยลมอุ่นไม่แรงเกินไป
5. ดื่มน้ำอุ่นทันทีหลังขึ้นจากสระ
- ช่วยให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ
- ช่วยล้างเชื้อโรคในช่องปากและลำคอ
6. พกเสื้อกันลม และผ้าเช็ดตัวคลุมลูกไว้เสมอ
- ขณะเดินไป-กลับจากสระ หลีกเลี่ยงการสัมผัสลมเย็นหรือแอร์โดยตรง
- โดยเฉพาะเด็กเล็กที่เส้นเลือดฝอยยังไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

เด็กกลุ่มเสี่ยง “น้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ” มากกว่าปกติ?
- เด็กที่เป็นภูมิแพ้ (แพ้ไรฝุ่น, แพ้อากาศ ฯลฯ)
- เด็กที่มีโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง
- เด็กที่มีประวัติเคยเป็นหอบหืด
- เด็กที่ดำน้ำหรือว่ายน้ำเกิน 30 นาที
- เด็กที่เคยแพ้คลอรีน
หากลูกอยู่ในกลุ่มนี้ ควรระวังเป็นพิเศษ และควรเลือก “สระน้ำเกลือ” แทน “สระคลอรีน” ซึ่งอ่อนโยนต่อผิวและจมูกมากกว่า
คำถามที่พบบ่อยจากคุณแม่
Q: ถ้าลูกน้ำมูกไหลนิดหน่อย พาไปว่ายน้ำได้ไหม?
A: ได้ในกรณีที่ลูกไม่มีไข้ ไม่ไอ และยังร่าเริงดี แต่ควรใช้เวลาในน้ำไม่นาน และดูแลหลังว่ายอย่างใกล้ชิด
Q: ล้างจมูกให้ลูกทุกครั้งหลังว่ายน้ำเลยไหม?
A: แนะนำให้ล้างทุกครั้ง โดยเฉพาะหากสังเกตว่าลูกเริ่มมีน้ำมูกหรือไอนิด ๆ เพื่อป้องกันการอักเสบ
Q: ว่ายน้ำทำให้ลูกป่วยง่ายจริงไหม?
A: ถ้าว่ายน้ำในสระที่สะอาด และดูแลหลังว่ายดี จะไม่ทำให้ป่วยง่ายค่ะ ตรงกันข้าม เด็กที่ว่ายน้ำเป็นประจำจะมีปอดแข็งแรงและพัฒนาการกล้ามเนื้อดีขึ้นด้วย
การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่ดีต่อพัฒนาการของลูก ทั้งร่างกาย สมอง และความมั่นใจ แต่ต้องดูแลให้ดี เพื่อป้องกัน “ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ” เพราะเด็กแต่ละคนไวต่อสิ่งกระตุ้นไม่เท่ากัน หากรู้สึกว่าลูกมีแนวโน้มป่วยหลังว่ายน้ำบ่อย ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อประเมินว่าเกิดจากสาเหตุใด และหาทางแก้ไขที่ตรงจุดค่ะ
หากทำทุกอย่างแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น…อาจถึงเวลาที่ต้อง “เปลี่ยนกีฬา”?
หากคุณแม่ทำทุกอย่างแล้ว ล้างจมูกก็แล้ว เป่าผมก็ไว ดูแลสุดตัว แต่ลูกยังน้ำมูกไหลทุกครั้งหลังว่ายน้ำ แถมหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนรบกวนชีวิตประจำวัน เรียนไม่ไหว พักบ่อย ต้องกินยาบ่อย
ถ้าเป็นแบบนี้ อาจต้องเริ่มพิจารณา “เปลี่ยนชนิดของกีฬา” ที่ลูกเล่นค่ะ ลองชวนคุยแบบใจเย็น ถาม“ความรู้สึกของลูก”ตรง ๆ ว่า…
- หนูยังสนุกกับว่ายน้ำอยู่ไหม?
- หนูเบื่อไหมที่ต้องป่วยบ่อย ๆ?
- ถ้ามีโอกาสลองกีฬาใหม่ ๆ อย่างเทควันโด ยิมนาสติก หรือเต้น หนูสนใจไหม?
บางครั้งเด็กอาจไม่กล้าบอกแม่ตรง ๆ ว่าเค้าท้อ หรือกลัวแม่จะเสียใจ แต่ถ้าเปิดใจคุยกันดี ๆ ลูกก็จะรู้สึกสบายใจ และกล้าบอกความรู้สึกจริง ๆ กับเรา
การเปลี่ยนกีฬาไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือการปรับเพื่อให้ลูกได้มีสุขภาพที่ดี และมีความสุขกับการออกกำลังกายมากขึ้น การตัดสินใจร่วมกันระหว่างแม่กับลูก จะทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ และเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นใจค่ะ
ที่มา : เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ , เพจหมอจิรรุจน์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกมีน้ำมูกเรื้อรัง…เกิดจากไซนัสอักเสบได้หรือไม่?
แม่ขอแชร์! Ear pit ภัยเงียบจากรูเล็กๆ ข้างหูลูก ลูกชอบเล่นน้ำยิ่งต้องระวัง!
เช็กด่วน! สีชุดว่ายน้ำที่ปลอดภัย สีไหนมองเห็นชัดเมื่อลูกจมน้ำ เพิ่มโอกาสรอดชีวิต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!