ปี 2025 นับเป็นก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์โลก ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ แต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2025 โลกได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ของสังคม นั่นคือ “เจนเบตา” หรือ Generation Beta โดยเด็กที่เกิดในปี 2025 และต่อจากนี้ไป พวกเขาคือเด็กยุค AI ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปี 2038 เด็ก Gen Beta จะคิดเป็น 16% ของประชากรโลก รวมถึงเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกด้วย
ล้วงให้ลึก Gen Beta คือใคร?
เด็ก Gen Beta หรือ Generation Beta หมายถึงเด็กที่เกิดหลังปี 2025 เป็นต้นไป พวกเขาจะเติบโตขึ้นมาในโลกที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้นกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้ เด็กเจนนี้จึงถูกเรียกว่าเป็น “เจเนอเรชัน AI-First” โดยวันที่ 31 ธันวาคม 2024 นับเป็นการสิ้นสุดยุค Gen Alpha และเข้าสู่ Gen Beta อย่างเต็มตัวในวันที่ 1 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา
คำว่า “Beta” มาจากการตั้งชื่อที่สอดคล้องกับลำดับอักษรกรีก หลังจาก α-alpha มาถึง β-beta โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อธิบายว่า Generation Beta จะเติบโตในสังคมที่ “ยอมรับความแตกต่าง” ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งจากความพยายามของ Gen Z และ Gen Y (Millennial) ในการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการยอมรับ ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เพศ หรือชนชั้น
ซึ่ง McCrindle สถาบันวิจัยในออสเตรเลีย บริษัทวิจัยด้านสังคมศาสตร์ในออสเตรเลีย ให้คำจำกัดความว่า “เด็กเจนเบตาจะเกิดมาในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง” และคาดการณ์ว่าประชากรเจนนี้จะมีจำนวนมากขึ้นในศตวรรษที่ 22 พร้อมกับได้สัมผัสใกล้ชิดปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มตัวในชีวิตประจำวัน โดยภายในปี 2578 ชาวเบตาจะมีจำนวนประชากรคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลก นับว่าเป็นกลุ่มคนที่มีส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ทารกที่เกิดในปี 2568 จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปีในปี พ.ศ. 2644 หรือปี ค.ศ. 2101 นั่นหมายความว่า เด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 22 ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในเจเนอเรชันอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอาจก้าวไปไม่ถึง
|
Generation แต่ละรุ่น มีลักษณะเด่นอะไรบ้าง
|
Gen Greatest |
เกิดก่อน พ.ศ.2468(ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2) |
มีลักษณะเด่นในการมุ่งมั่นทำงานหนัก |
Gen Silent Generation |
ก่อนระหว่างปี พ.ศ.2468-2488(ค.ศ. 1925 – 1945) |
เงียบขรึม เน้นครอบครัว |
Gen Boomer |
เกิดระหว่างปี พ.ศ.2489 – 2507(ค.ศ. 1946-1964) |
เป็นคนจริงจัง เคร่งครัดเรื่องขนมธรรมเนียนประเพณี มักถูกจัดเป็นพวก “อนุรักษนิยม” |
Gen X |
เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508 – 2522(ค.ศ. 1965-1979) |
เป็นอิสระ ชอบความท้าทาย |
Gen Y |
เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – 2537(1980-1994) |
เชื่อมต่อกับเทคโนโลยี ชอบทำงานเป็นทีม |
Gen Z(Millennials) |
เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2538 – 2552(ค.ศ. 1995-2009) |
เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม |
Gen Alpha |
เกิดในปี พ.ศ. 2553 – 2567(ค.ศ. 2010-2024) |
เชี่ยวชาญเทคโนโลยี เรียนรู้ไว เป็นตัวของตัวเองสูง |
Gen Beta |
เกิดในปี พ.ศ. 2568 – 2582(ค.ศ. 2025 – 2039) |
เจเนอเรชัน AI-First มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก |
ลักษณะเฉพาะพิเศษที่ทำให้ เด็ก Gen Beta แตกต่าง
เด็กเจนเบตาไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเท่านั้นนะคะ แต่ยังเป็นกลุ่มที่ต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกอันซับซ้อน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม อันเนื่องมาจาก Generation Beta เกิดจากพ่อแม่เจน Y และเจน Z นั่นเอง ซึ่งลักษณะเฉพาะพิเศษที่ทำให้ชาวเจนเบตาแตกต่าง มีดังนี้ค่ะ
-
เติบโตในยุค AI
ทราบกันไปแล้วว่าคุณลักษณะพิเศษของ Generation Beta คือ เป็นกลุ่มคนที่จะเติบโตไปท่ามกลางเทคโนโลยีขั้นสูง อย่าง AI, VR, และหุ่นยนต์ เด็ก Gen Beta จะคุ้นเคยกับ AI ตั้งแต่ยังเล็ก โลกที่พวกเขาเติบโตจะไม่ได้แยกออนไลน์และออฟไลน์ออกจากกันอีกต่อไป แต่จะเป็นโลกที่ทั้ง 2 ส่วนนี้เชื่อมโยงกันทั้งการเรียนรู้ การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน ที่จะถูกรวมไว้ในระบบดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกทุกด้าน เด็กๆ กลุ่มนี้จึงเติบโตไปกับหุ่นยนต์ ผู้ช่วยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีที่เรียนรู้และปรับตัวได้ AI จึงเป็นเครื่องมือที่มีผลในการกำหนดรูปแบบการใช้ชีวิต การเรียนรู้ การเล่น และการทำงาน ทำให้ชาวเบตามีทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก
-
มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่าย เด็กๆ Gen Beta จึงสามารถเข้าถึงข้อมูลและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา แบบไม่หยุดอยู่กับที่ แต่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมทั้งจะมีความสามารถในการเข้าใจ และตระหนักถึงภัยคุกคามจากโลกออนไลน์ได้มากขึ้น เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจากโลกออนไลน์มากกว่าคนในเจนก่อนๆ ทั้งยังเป็น Generation ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถคิดนอกกรอบได้เป็นอย่างดี
-
มีความรับผิดชอบต่อสังคม
Gen Beta จะมีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง และจะมองหาโอกาสในการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น มีการตระหนักถึงความเท่าเทียม เนื่องจากบรรทัดฐานทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คนกลุ่มนี้จึงให้คุณค่ากับความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกในหลายด้านมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีความเคารพในความเสมอภาคและความยุติธรรมด้วย
-
ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
Beta Baby จะเติบโตมาในโลกที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผลมาจากการต้องอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงของประชากรโลก และการขยายตัวของที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กกลุ่มนี้อาจเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยพื้นฐานจากพ่อและแม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมนั่นเอง
|
เด็ก Gen Beta จะเปลี่ยนโลกอย่างไร?
|
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี |
เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ |
สร้างสรรค์นวัตกรรม |
ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล เจนเบตาจะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ |
สร้างสังคมที่ยั่งยืน |
เด็กๆ ชาว Beta จะให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน พวกเขาจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น พลังงาน สิ่งแวดล้อม และสังคม |
เป็นผู้นำในอนาคต |
จะเป็น Generation ที่กำหนดทิศทางของโลกในศตวรรษที่ 22 |
บทบาทของพ่อแม่เมื่อมีลูก Generation Beta
ผู้ปกครองนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งค่ะในการเตรียมความพร้อมให้กับลูกๆ ยุค Beta มาดูกันค่ะว่าบทบาทที่พ่อแม่ควรมี เมื่อลูกอยู่ใน Generation Beta มีอะไรบ้าง
เนื่องจากการเลี้ยงดูและสนับสนุน เด็ก Gen Beta ที่เทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกน้อยอย่างสมบูรณ์ การให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะชีวิตในโลกจริง จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงและมีศักยภาพสูงสุด เช่น การจำกัดเวลาหน้าจอเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต ส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือการเรียนรู้นอกระบบดิจิทัล การสอนให้เด็กเข้าใจถึงความปลอดภัยในโลกออนไลน์ การจัดการข้อมูลส่วนตัว และการใช้งานเทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ
-
สอนให้ลูกใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
พ่อแม่ของเจเนอเรชันเบตา จะเป็นกลุ่มคนที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของลูกๆ อยู่แล้วค่ะ โดยร้อยละ 36 ของพ่อแม่เจน Z และร้อยละ 30 ของพ่อแม่เจน Y สนับสนุนการจำกัดเวลาใช้หน้าจอของลูกเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบ ทั้งการบั่นทอนเวลาคุณภาพของครอบครัว หรือแม้กระทั่งปัญหาสุขภาพจิต
-
ส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้ และคิดวิเคราะห์
เด็กเจเนอเรชันเบตาจะต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกที่ท้าทายมากขึ้น ทั้งสภาพภูมิอากาศ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรง พ่อแม่จึงควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการสำรวจ สอนให้ลูกคิดวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม ปลูกฝังแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ยังเล็ก ใช้เวลากับธรรมชาติ รวมถึงการสนับสนุนให้ลูกได้พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และความยืดหยุ่นทางจิตใจ (resilience) เพื่อให้สามารถปรับตัวและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็ก Gen Beta ในทุกก้าว เพราะเมื่อเจเนอเรชันนี้สิ้นสุดลงในปี 2582 เจนถัดไปที่อาจถูกเรียกว่า “เจนแกมมา” จะเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะยังคงมรดกทางความคิดและความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจากพ่อแม่ในเจเนอเรชันก่อนหน้าเอาไว้ได้
จะเห็นได้ว่า เด็ก Gen Beta นั้นน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะเด็กๆ กลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกในอนาคต การเตรียมความพร้อมให้กับลูกเจนนี้จึงสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ครู และสังคมโดยรวมต้องร่วมมือกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาของเด็ก Gen Beta เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี มีความสามารถ และพร้อมที่จะสร้างโลกที่ดีขึ้นในอนาคต
ที่มา : กรรมกรข่าว , www.thaipbs.or.th
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คุณแม่ไทยตั้งเป้าหมายอะไรในปีใหม่นี้? ผลสำรวจชี้ เป้าหมายปีใหม่ 2025 ที่น่าสนใจ
ปักหมุด! 10 มารยาทที่พ่อแม่ต้องสอนลูก สร้างนิสัยที่ดีในการเข้าสังคม
ข้อเสียของการ ตามใจลูก พ่อแม่สายสปอยล์ ระวัง! ลูกเสี่ยง “ฮ่องเต้ซินโดรม”
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!