สังขยาฟักทอง เมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน ส่วนมากจะซื้อมาทานกันใช่ไหมคะ วันนี้ลองมาทำทานด้วยตัวเองดูไหมคะ ไม่ยากอย่างที่คิด ถือเป็นกิจกรรมสร้างความสนุกในครอบครัวได้อีกด้วย โดยสูตรที่เราจะเอามาฝากกันในวันนี้เนื้อสังขยาทั้งเนียน นุ่ม ละมุนลิ้น รสชาติหวานน้อยแต่อร่อยนะ อยากรู้ว่าทำอย่างไร มาเริ่มกันเลยค่ะ
ความเป็นมาของ สังขยาฟักทอง
ก่อนที่เราจะไปเริ่มทำกัน แวะมาอ่านข้อมูลของ สังขยาฟักทอง เอาไว้เป็นความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ กันก่อนนะคะ สังขยาเป็นขนมนึ่งที่ทำมาจากกะทิและน้ำตาลโดยพบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะใช้เครื่องปรุงที่พบได้ในท้องถิ่นคือน้ำตาลมะพร้าวและใบเตย ในภาษามลายูจะเรียกกันว่า เซอรีกายาหรือกายา (ในภาษามลายูแปลว่าร่ำรวย) ส่วนในประเทศไทยการทำสังขยาเราได้อิทธิพลมาจากประเทศโปรตุเกส ที่นิยมรับประทานคู่กับข้าวเหนียว นำสังขยาไปใส่ในฟักทอง เผือกหรือมะพร้าวแล้วนำไปนึ่งนั่นเอง
วิธีการทำและวัตถุดิบที่ต้องใช้ทำสังขยาฟักทอง
ก่อนอื่นเราต้องรู้วิธีการเลือกฟักทองที่จะนำมาทำเมนู สังขยาฟักทอง กันก่อนนะคะ การเลือกฟักทอง ควรใช้ฟักทองแก่ วิธีดูฟักทองแก่ คือ จุกของฟักทองมีร่องบุ๋มลึก ผิวขรุขระ เปลือกสีเข้ม ฟักทองแก่หากนำมาทำอาหารสามารถทำได้ทั้งคาวและหวาน เนื้อที่ได้จะมีความมันและอร่อยค่ะ
วัตถุดิบทำสังขยาฟักทอง
- ฟักทองแก่ 1 ลูก (ใช้ลูกขนาดประมาณ 1 กิโลกรัม)
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ไข่เป็ด 3 ฟอง
- น้ำตาลปี๊บ 180 กรัม (เลือกสีเข้มจะทำให้สังขยาออกมาสีสวยน่าทาน)
- เกลือปลายช้อนชา
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 300 กรัม
- ใบเตย 3-5 ใบ
อุปกรณ์ที่ใช้ทำสังขยาฟักทอง
- ชาม หรือ กะละมัง
- ผ้าขาวบาง
- มีด
- ช้อน
- ซึ้งนึ่ง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 9 สูตรขนมหวานน้อย อร่อยถูกปาก เด็ก ๆ ได้ชิมจะต้องชอบ
วิธีทำ สังขยาฟักทอง
- ใช้มีดเจาะตรงจุกของฟักทองเป็นสี่เหลี่ยม
- ใช้ช้อนคว้านไส้ฟักทองออก
- น้ำฟักทองไปล้างให้สะอาด และคว่ำไว้ให้แห้ง
- ตอกไข่ไก่และไข่เป็ดลงในชามผสม
- ใส่น้ำตาลปี๊บลงในชามผสม
- ใส่เกลือลงในชามผสม
- ใส่กะทิลงในชามผสม
- ขยำทุกอย่างให้เข้ากันด้วยใบเตย ขยำจนน้ำตาลละลาย
- เมื่อเข้ากันดีแล้ว เติมแป้งมันลงในลงในชามผสม แล้วขยำอีกรอบให้เข้ากัน
- หลังจากขยำเข้ากันแล้วให้กรองด้วยผ้าขาวบาง 2 รอบ (ถ้าไม่ชอบเนื้อเนียนมาก กรอง 1 รอบก็ได้นะคะ)
- เทน้ำสังขยาลงไปในฟักทองที่เราคว้านไส้และล้างเรียบร้อยแล้ว
- นึ่งด้วยไฟแรง 10 นาที
- นึ่งต่อด้วยไฟอ่อน 40-50 นาที หมั่นเปิดดูว่าสุกได้ที่หรือยัง โดยการใช้ส้อมจิ้มหรือไม้แหลมจิ้มดู ถ้ามีเนื้อติดไม้ออกมาแปลว่ายังไม่สุก ถ้าไม่มีเนื้อติดไม้ออกมาแปลว่าสุกแล้วค่ะ
- หลังจากนึ่งแล้ว วางทิ้งไว้ให้เย็นก่อน
- หลังจากสังขยาฟักทองเย็นลงแล้วเริ่มเซ็ตตัว ให้ใช้มีดตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ ทรงสามเหลี่ยม จากนั้นก็รับประทานได้เลยค่า
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 5 สูตรเด็ด วุ้น ขนมไทยทำง่าย ของหวานเด้งดึ๋ง ถูกใจเด็ก ๆ
ประโยชน์ของสังขยาฟักทอง
สรรพคุณของฟักทอง
- ช่วยบำรุงสายตา
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุแมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม เป็นต้น
- มีกรดโปรไบโอนิค มีส่วนช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนแรงลง
- ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจ
- ป้องกันไม่ให้เกิดโรคนิ่ว
- ช่วยขับปัสสาวะ
- บำรุงตับและไตให้แข็งแรง
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามข้อเข่า
- ช่วยในเรื่องการขับถ่าย
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากขยายใหญ่
- ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากทำงานหนักหรือจากการออกกำลังกาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท
- เป็นพืชที่มีกากใยสูงและไขมันต่ำเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
ข้อควรระวังในการทานฟักทอง
อย่างไรก็ตามหากทานเยอะเกินไปก็เกิดโทษได้ เพราะฟักทองนั้นมีฤทธิ์ร้อน ไม่เหมาะกับคนที่ ท้องผูก ปัสสาวะเหลือง มีแผลในปากอีกด้วย และหากคนปกติทานมากเกินไปก็จะมีอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้นะคะ
คุณค่าทางโภชนาการของสังขยาฟักทอง ต่อ 1 ชิ้น
- พลังงานทั้งหมด 133 กิโลแคลอรี / พลังงานจากไขมัน 45
- โปรตีน 7 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม
- ไขมัน 5 กรัม
ขนมหวานแสนอร่อยมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้วค่า นอกจากเมนูสังขยาฟักทองแล้ว เรายังมีสูตรอาหารทั้งคาวและหวานให้ได้ติดตามกันอีกเยอะเลยค่ะ ติดตามสูตรอาหารเมนูอื่น ๆ ได้ทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือเพจของ theAsianparent ได้เลยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เมนูฟักทอง สูตรอาหารคุณแม่ให้นมบุตร เมนูฟักทองแสนอร่อย ประโยชน์เน้น ๆ
เผยสูตร! ผัดฟักทองใส่ไข่ ทำอย่างไรให้ลูกชอบกินฟักทอง ลูกไม่อี๋
แจกสูตรเด็ด! ข้าวต้มมัด หวานมัน เมนูขนมไทย ทำง่าย ๆ ได้ที่บ้าน
ที่มา : medthai , calforlife , medthai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!