X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

แม่โพสต์เตือน! ลูกเป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก หลังไปเล่นที่สวนสาธารณะ

บทความ 5 นาที
แม่โพสต์เตือน! ลูกเป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก หลังไปเล่นที่สวนสาธารณะ

โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ส่งผลให้เกิดอาการปวดหู น้ำหนวกไหลจากหู และสูญเสียการได้ยินชั่วคราว เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เนื่องจากท่อหูไต (Eustachian tube) ของเด็กมีขนาดเล็กและอยู่ใกล้กับโพรงจมูก ทำให้เชื้อโรคจากจมูกสามารถเข้าไปสู่หูชั้นกลางได้ง่าย วันนี้ทาง theAsianparent จะพาแม่ ๆ มารู้จักกับโรคนี้ พร้อมวิธีการรักษาและการป้องกันไปพร้อม ๆ กันค่ะ

ประสบการณ์ตรงจากคุณแม่! ลูกน้อยป่วยเป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นามว่า Ployphailin Machida ได้ออกมาโพสต์ถึงเคสอุทาหรณ์ที่ลูกชายของตน ป่วยเป็นไข้ เลือดออกทางหู สุดท้ายหมอได้วินิจฉัยว่าลูกน้อยป่วยเป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก โดยระบุ ดังนี้

“โพสนี้เพื่อแชร์ประการณ์การเป็นไข้ของน้องเจแปน ชื่อโรค เยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบ  ฟังดูเหมือนไม่น่ากลัวแต่มี๊ยูบอกเลยคะหน้ากลัวมากและหนักสุดยิ่งกว่าโควิดหลายเท่าเลยคะแม่ๆ (เนื้อหาอาจจะยาวแต่อ่านให้จบนะคะจะได้ความรู้จากครั้งนี้เลยคะ)

เริ่มจากวันเสาร์ที่ผ่านมาน้องไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน ซึ่งมีคนน้อยมากคะประมาน 3-4 คนเท่านั้น  ต้องบอกก่อนว่าปกติน้องเจแปนเป็นเด็กที่ใส่แมสตลอดเวลาที่ออกข้างนอก และนี้คือการพลาดของมี๊ยูครั้งแรกที่เห็นว่าไม่มีคนเท่าไร ไม่ต้องใส่ก็ได้ เราเลยไม่ได้ใส่ให้ลูก น้องเดินวิ่งเล่นประมาน 20 นาที เสร็จจากนั้นก็นั่งรถกลับบ้านในขณะที่นั่งรถกลับบ้านเราก็ทำความสะอาดมือด้วยการล้างมือน้องทุกครั้งเวลาขึ้นรถ (ทั้งวันน้องมีอาการร่าเริงปกติ จนวันนั้นมี๊ยูได้ไลฟ์สดขายของที่บ้านเสร็จประมาณ 4ทุ่ม น้องก็ยังมีอาการปกติร่าเริง แล้วก็เก็บของแล้วพาเข้านอน) น้องก็นอน ตื่นมา 4 ทุ่มครึ่ง ร้องไห้แบบหลับตา เอามือปัดหน้าปัดหูแล้วร้องไห้ตลอด พอเราจับตัวลูกก็รู้สึกว่าน้องตัวร้อน ๆ เลยให้เฮียเปิดไฟดู (พอเปิดไฟถึงกับตกใจเลยคะ เพราะมีเลือดไหลออกจากหูซ้ายขนาดเท่ากับเหรียญ25 สตางค์ ประมาน 10 จุดที่หมอนได้คะ ก็เลยรีบพาไปหาคุณแม่ตอนนั้นไปถึง รพ เอกชนแห่งนึงเวลาประมาน5ทุ่ม

คุณหมอได้ทำการตรวจที่ห้องฉุกเฉินเบื้องต้นยังวินิฉัยไม่ได้เพราะเป็นหมอทั่วไปเลยทำการนัดวันรุ่งขึ้น พร้อมกับให้ยาลดไข้ เป็นพารามาทาน น้องมีอาการไข้ขึ้น 39-40 องศา  ทุก1ชั่วโมง เช็ดตัวทุก 20 นาที ไข้ก็จะกลับมาอีก คืนแรกลูกทรมานแบบสุดๆดีที่ไม่เคยชักแล้วไม่ชักมาก่อนจากการมีไข้สูงแต่อาการหน้าเป็นห่วงไข้ขึ้นสูง+ กับเลือดก็ไหลออกจากหูซ้ายตลอดเวลา คือทั้งน่ากลัวแล้วกังวนแบบพูดไม่ออกจุกอยู่ที่อก

Advertisement

ขอข้ามขั้นมาตอนการรักษาเลยนะคะ เนื่องจากน้องกินยาฆ่าเชื้อไปแล้ววันแรกแต่ผลตอบสนองไม่ดีคะ เลยต้องเปลี่ยนมาให้ยาเข้าเส้นแทนคะ+ให้ยาหยอดหู ให้ติดต่อกัน 3 วัน อาการของเลือดที่ออกก็ค่อย ๆ เเข็งตัวขึ้นไม่ไหลแบบในภาพคะ ส่วนเรื่องไข้ก็ทานยาทุก 4 ชั่วโมง โดยคุณหมอไม่ค่อยอยากให้ทานยาลดไข้สูง จึงให้พาราแทน+กับเช็ดตัวทุก ๆ 1 ชั่วโมงแทนคะ ปล.ไม่ได้ให้น้ำเกลือเพราะน้องยังทานอาหารได้คะ

ทั้งนี้คุณหมอได้บอกถึงสาเหตุว่าเชื้อโรคนี้มาจากทางอากาศไม่ว่าจะสูดดมเข้าร่างกาย หรือว่าลูกสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สะอาดหรือมีเชื้อตัวนี้แล้วป้ายจมูกหรือตา มันก็จะเอาร่างกายเลยคะ อันตรายมาก ๆ คุณหมอบอกว่าอาการที่น้องเป็นคือแรงมากแต่จะรุนแรงกว่านี้ได้อีกถ้าไม่เคยได้รับวัคซีนตัวที่ป้องกันได้ ในใจเราคิดว่าถ้าแรงกว่าที่น้องเป็นอีกอีแม่คงหัวใจวายไปเลยคะ เพราะเป็นขนาดนี้ยังทำอะไรไม่ถูกเลย ฝากถึงแม่ ๆ ที่พาน้องไปทำกิจกรรมนอกบ้านตอนนี้เชื้อโรคเยอะมากอยากให้รักษาความสะอาดของน้องๆให้มาก ๆ กับใส่แมสตลอดที่ออกจากบ้านเลยนะคะ

ในรูปภาพคืออาการเมื่อวานล่าสุดคาดว่าถ้าเลือดหยุดไหลแล้วไข้ลดลงอีก2วันคุณหมอจะให้ออก รพ แล้วนัดกลับมาตรวจหูอีก 1 อาทิตย์หลังจากเลือดแห้งแล้วคะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

ขอบคุณแม่ ๆ ทุกท่านที่เป็นห่วงแล้วส่งกำลังใจมาเยอะมากๆเลยนะคะฮีลใจมี๊ยูสุดๆเลยคะ มีกำลังใจขึ้นมาเลยคะ” 

 

 

หลังจากนี้ที่โพสต์นี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็ได้มีแม่ ๆ หลายคนเข้ามาให้กำลังใจกันมากมาย ซึ่งล่าสุด คุณแม่ยูกิก็ได้อัปเดตอาการของน้องเจแปน โดยระบุ ดังนี้

“ผมกลับมาแล้วค๊าบพร้อมซนและรับงานได้แล้วนะค๊าบ วันนี้ไปหาป้าหมอตรวจหู อาการปกติดีแล้วเลือดตอนนี้หยุดไหลสนิทแล้ว รอการฟื้นตัวของหู ขอบคุณแม่ๆทุกท่านที่เป็นห่วงและถามติดตามอาการน้องเจแปนตลอดเลยนะคะ สำหรับวันนี้ มี๊ยูกิถามวัคซีนที่ป้องกันมาให้แม่ๆที่อยากจะฉีดให้ลูก ๆ แล้วนะคะ โรคเยื่อหูชั้นกลางอักเสบ

ชื่อวัคซีน pneumococal vaccine เป็นวัคซีนทางเลือกนะคะ ใครมีอะไรสงสัยสามารถทัก ib มาถามได้นะคะมี๊ยูยินดีให้คำแนะนำได้คะจากประสบการณ์ในครั้งนี้”

 

 

Facebook: Ployphailin Machida

 

สาเหตุของ โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

 

โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

 

สาเหตุหลัก ๆ ของหูชั้นกลางอักเสบมักเกิดได้จากหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ มีดังนี้

การติดเชื้อแบคทีเรีย

เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อย เช่น นิวโมคอคคัสและเชื้อเอ็นทีเอชไอ มักอาศัยอยู่ในลำคอและโพรงจมูกของเด็ก เมื่อเด็กป่วยเป็นหวัดหรือไซนัสอักเสบ เชื้อเหล่านี้สามารถกระจายเข้าสู่หูชั้นกลางผ่านท่อยูสเตเชียน ท่อเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางกับด้านหลังของโพรงจมูก

 

การติดเชื้อไวรัส

ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำให้เกิดเยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบได้เช่นกัน

 

บทความจากพันธมิตร
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก

นอกจากการติดเชื้อแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบ ได้แก่

 

การแพ้อากาศ 

เด็กที่มีอาการแพ้อากาศ เช่น โรคภูมิแพ้หูหรือโรคภูมิแพ้จมูก มีความเสี่ยงต่อการเป็นเยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบมากกว่าเด็กทั่วไป

 

การระคายเคืองจากสารเคมี

การสัมผัสกับสารเคมี เช่น ควันบุหรี่ ควันไอเสีย หรือมลพิษทางอากาศ อาจทำให้เยื่อบุหูชั้นกลางระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

 

การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ

การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศอย่างรวดเร็ว เช่น การขึ้นเครื่องบิน การดำน้ำ หรือการขึ้นเขา อาจส่งผลต่อความดันในหูชั้นกลาง ทำให้เกิดอาการปวดหูและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

บทความที่เกี่ยวข้อง: อันตรายมาก ลูกหูชั้นกลางอักเสบหากปล่อยไว้เสี่ยงหูหนวก

อาการของ โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

โดยทั่วไปแล้วเมื่อ เด็กเล็กที่เป็นเยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบ มักไม่สามารถบอกอาการด้วยคำพูดได้ ผู้ปกครองจึงควรสังเกตพฤติกรรมของเด็ก ดังนี้

  • ดึงหู ทุบหู: อาการปวดหูเป็นอาการที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แต่เด็กไม่สามารถบอกได้
  • ร้องกวนงอแงผิดปกติ: เด็กอาจร้องไห้ งอแงมากกว่าปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ไข้สูง: เด็กอาจมีไข้สูง
  • คลื่นไส้อาเจียน: เด็กบางรายอาจรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียน
  • หูอื้อ: เด็กอาจรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอื้อหรือเสียงก้องในหู
  • มีหนองไหลออกจากหู: ในบางกรณี อาจมีหนองสีเหลืองหรือสีเขียวไหลออกจากหู

 

โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

 

หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุของการติดเชื้อและสั่งยาที่เหมาะสม การรักษาโดยทั่วไปจะช่วยให้เด็กหายป่วยภายในไม่กี่สัปดาห์

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เยื่อแก้วหูชั้นกลางอักเสบอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น แก้วหูทะลุ สูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวร อัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้า เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และฝีในสมองได้ค่ะ

 

วิธีการรักษา

โดยทั่วไปแล้ว การติดเชื้อในหู (otitis media) มักจะหายเองได้โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของเด็ก ความรุนแรงของอาการ และประวัติการป่วย

ซึ่งสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics) และ สมาคมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวของอเมริกา (American Academy of Family Physicians) แนะนำให้ใช้แนวทางการเฝ้าสังเกตอาการสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 23 เดือนที่มีอาการปวดหูชั้นกลางแบบไม่รุนแรงในหูข้างเดียว โดยแนวทางนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการดังต่อไปนี้:

  • ปวดหูน้อยกว่า 48 ชั่วโมง
  • ไข้ไม่เกิน 39 องศา
  • ไม่มีอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือหูน้ำหนวก
  • เด็กอายุมากกว่า 24 เดือน ที่มีอาการปวดหูแบบไม่รุนแรงในหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

การใช้ยาปฏิชีวนะ

หากมีข้อมูลที่แสดงว่ายาปฏิชีวนะอาจช่วยรักษาการติดเชื้อในหูบางชนิดในเด็กได้ แพทย์จะพิจารณา ให้ใช้ยาปฏิชีวนะก็ต่อเมื่อ:

  • เด็กมีอาการปวดหูรุนแรง
  • เด็กมีไข้สูง
  • เด็กมีอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือหูน้ำหนวก
  • เด็กมีอาการปวดหูนานกว่า 48 ชั่วโมง
  • เด็กมีการติดเชื้อในหูซ้ำๆ
  • เด็กมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวัง ในการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดการดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรีย ดังนั้น ผู้ปกครองควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ยาปฏิชีวนะ

แนวทางการป้องกันและการรักษาอื่น ๆ

นอกจากยาปฏิชีวนะแล้ว แพทย์อาจแนะนำแนวทางการรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น:

  • ฉีดวัคซีน การป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน โรคหูชั้นกลางอักเสบจากทั้งสองเชื้อ คือ นิวโมคอคคัส และ เอ็นทีเอชไอ
  • การใช้เครื่องทำความชื้นอากาศ
  • หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กโดยเฉพาะ เด็กที่ต่ำกว่า 2 ขวบไปสถานที่มีคนหนาแน่น เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้
  • ล้างมือบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับควันบุหรี่

 

โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก

 

ทั้งนี้ แม้การติดเชื้อในหูของเด็กมักหายเองได้ แต่การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ แพทย์จะประเมินอาการและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นการเฝ้าสังเกตอาการ ยาแก้ปวด ยาหยอดหู หรือยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ การป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีน การล้างมือ และการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ก็ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อในหูได้ค่ะ

 

ที่มา: nakornthon, medpark hospital

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดหูให้ลูก เด็กปวดหู ทำยังไงดี

ลูกไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา จากโรคหวัดที่พ่อแม่คิดว่าจะหาย ลูกกลับเป็นโรคร้ายแรงกว่านั้น หูลูกติดเชื้อ

แม่ขอแชร์! Ear pit ภัยเงียบจากรูเล็กๆ ข้างหูลูก ลูกชอบเล่นน้ำยิ่งต้องระวัง!

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

samita

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • แม่โพสต์เตือน! ลูกเป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก หลังไปเล่นที่สวนสาธารณะ
แชร์ :
  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

  • วัคซีน RSV คนท้อง จำเป็นไหม? ปกป้องลูกรักจาก RSV ตั้งแต่ก่อนคลอด

    วัคซีน RSV คนท้อง จำเป็นไหม? ปกป้องลูกรักจาก RSV ตั้งแต่ก่อนคลอด

  • ลูกไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันไข้ไม่มี ทำไมกลางคืนกลับตัวร้อนจี๋อีกแล้ว?

    ลูกไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันไข้ไม่มี ทำไมกลางคืนกลับตัวร้อนจี๋อีกแล้ว?

  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

  • วัคซีน RSV คนท้อง จำเป็นไหม? ปกป้องลูกรักจาก RSV ตั้งแต่ก่อนคลอด

    วัคซีน RSV คนท้อง จำเป็นไหม? ปกป้องลูกรักจาก RSV ตั้งแต่ก่อนคลอด

  • ลูกไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันไข้ไม่มี ทำไมกลางคืนกลับตัวร้อนจี๋อีกแล้ว?

    ลูกไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันไข้ไม่มี ทำไมกลางคืนกลับตัวร้อนจี๋อีกแล้ว?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว