DHA คือ กรดไขมันในกลุ่มของโอเมก้า 3 ที่คุณแม่หลายท่านอาจเคยได้ยินจากสารอาหารที่อยู่ในนมสำหรับเด็ก หรือผลิตภัณฑ์นมเด็กต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าดีเอชเอนั้นไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่เด็กที่เล็กเท่านั้น แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังท้อง และทารกในครรภ์ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เรามาดูกันดีกว่า DHA คนท้อง ทานได้ไหม? ดีเอชเอดีต่อคนท้องอย่างไร? ช่วยเสริมให้ทารกในครรภ์ฉลาดจริงหรือไม่
DHA คือ ?
กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ Docosahexaenoic acid คือ กรดไขมันในกลุ่มของโอเมก้า 3 ที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาสมองของทารกในระหว่างการตั้งครรภ์และในวัยเด็ก รวมถึงมีส่วนช่วยทำให้หัวใจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การมองเห็นดีขึ้น และการตอบสนองต่อการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ ลดลง โดยร่างกายของมนุษย์เราไม่สามารถสร้างดีเอชเอได้ หรือสร้างได้เพียงเล็กน้อย แต่เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับดีเอชเอในปริมาณที่เพียงพอ เราสามารถพบดีเอชเอได้จากแหล่งอาหารต่าง ๆ อาทิ ปลาน้ำเย็น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยหญ้า นม หรือไข่ เป็นต้น และสามารถทานอาหารเสริมดีเอชเอได้จาก อาหารเสริมน้ำมันปลาได้อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : มัดรวมมาให้ ขวดไหนมี ดีเอชเอ (DHA)เข้มข้น บำรุงสมองลูกน้อยสูงที่สุด
ประโยชน์ของ DHA ในคนท้อง ?
กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือที่เรามักเรียกติดปากกันว่า ดีเอชเอ คือ กรดไขมันชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของโอเมก้า 3 ที่มีบทบาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมอง ผิวหนัง และดวงตา โดยกรดดีเอชเอนี้ร่างกายของมนุษย์เราไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ จึงจำเป็นจะต้องรับประทานอาหาร หรืออาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับกรดดีเอชเอนี้ ซึ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และทารกแล้วดีเอชเอมีความสำคัญ ดังต่อไปนี้
-
ออทิสติก และสมาธิสั้น
งานวิจัยหนึ่งพบว่าหากทารกแรกเกิดมีระดับดีเอชเอสูงตั้งแต่แรกนั้นจะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและการทำงานของระบบประสาทที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่ทารกที่มีระดับดีเอชเอต่ำกว่านั้นมีความเชื่อมโยงถึงความผิดปกติและมีโอกาสที่จะเป็นออทิสติก หรือสมาธิสั้นได้สูง
-
การพัฒนาการของสมอง
การศึกษาหนึ่งเผยว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีการเสริมอาหารที่มีกรดดีเอชเอระหว่างตั้งครรภ์นั้นมีความสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าคุณแม่ที่ไม่ได้ทาน และจากการศึกษาคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีระดับดีเอชเอจำนวนมากก่อนคลอดบุตรนั้นส่งผลทำให้ทารกในครรภ์เมื่ออายุครบ 1 ขวบพวกเขานั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าเด็กทั่วไปที่คุณแม่ไม่ได้เสริมดีเอชเอ
-
สุขภาพดวงตา
การเสริมดีเอชเอในช่วงเวลาของการตั้งครรภ์นั้นส่งผลทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์นั้นมีการมองเห็นชัดเจนตั้งแต่แรกคลอดมากกว่าทารกที่คุณแม่ไม่ได้เสริมดีเอชเอในช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามดีเอชเอ ไม่สามารถช่วยในเรื่องของความผิดปกติทางสายตาที่มาจากพันธุกรรมได้
-
การคลอดก่อนกำหนด
การเสริมดีเอชเอในช่วงของการตั้งครรภ์นั้นมีความเชื่อมโยงกับการลดอัตราความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการฟื้นตัวของทารกที่มีการคลอดก่อนกำหนด หรือในสัปดาห์ที่ต่ำกว่า 34 สัปดาห์ให้มีการฟื้นตัวที่เร็วขึ้น และสามารถเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
-
ลดการอักเสบ
ไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 หรือ ดีเอชเอ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคติดต่อเรื้อรังที่มักเกิดขึ้นตามอายุได้ เช่น โรคหัวใจและเหงือก และสามารถปรับสภาวะภูมิต้านทานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้นทำให้สามารถลดการเกิดโรคที่ส่งผลต่ออาการปวดข้ออย่างโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
-
ป้องกันอาการทางสุขภาพจิต
ดีเอชเอ มีความสัมพันธ์กับการลดอาการซึมเศร้าได้ โดยดีเอชเอนั้นจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สามารถช่วยปรับความสมดุลของอารมณ์ที่เกิดการแปรปรวนระหว่างการตั้งครรภ์เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อเซลล์ประสาท และช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ได้
-
ลดความดันโลหิต และเสริมสร้างการทำงานของการไหลเวียนเลือด
คุณแม่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์นั้นอาจนำไปสู่ภาวะทางสุขภาพที่ร้ายแรงก็เป็นได้ ดังนั้น ดีเอชเอ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถช่วยให้การหมุนไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น และมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมการทำงานของเยื่อบุผนังหลอดเลือด ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาหารที่ช่วยเสริม DHA ให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์
อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีกว่าดีเอชเอนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ร่างกายของเรานั้นไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ จึงทำให้ต้องรับประทานอาหารที่มีดีเอชเอ คนท้องควรกิน DHA เพื่อเสริมให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสารอาหารที่เพียงพอเหมาะสม โดยอาหารที่มีดีเอชเอมีดังต่อไปนี้
-
ปลาชนิดต่าง ๆ
การเลือกทานปลาอย่างสม่ำเสมอนั้นสามารถทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์นั้นสามารถได้รับดีเอชเออย่างเพียงพอได้ โดยสามารถเลือกรับประทานได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อาทิ ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาเฮอริ่ง เป็นต้น นอกจากจะได้รับดีเอชเอแล้ว ปลานั้นยังมีแคลอรีที่ต่ำ มีไขมันอิ่มตัว โปรตีน วิตามินดี และโอเมก้า 3 สูง ซึ่งสารอาหารทั้งหมดนั้นเป็นถือว่าเป็นสารอาหารที่ดีเยี่ยมสำหรับทารกที่กำลังพัฒนา และเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
-
สาหร่าย
สำหรับคุณแม่ที่เป็นมังสวิรัติ วีแกน หรือคุณแม่ที่ไม่ชอบทานปลา สาหร่ายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดดีเอชเอได้ โดยในสาหร่ายนั้นมีดีเอชเอเทียบเท่ากับปลาเลยทีเดียว ซึ่งในความจริงแล้วปลานั้นไม่สามารถสร้างดีเอชเอได้ด้วยตนเองเช่นกัน แต่จะได้รับดีเอชเอมาจากการทานสาหร่ายนั่นเอง
-
อาหารเสริมน้ำมันปลา
เมื่อพูดถึงการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา สิ่งที่สำคัญที่ต้องเลือก คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีดีเอชเอ อย่างน้อย 200 มิลลิกรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค เพื่อให้แน่ใจว่าการได้รับดีเอชเอนั้นเพียงพอสำหรับทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ และมีการยืนยันว่าการได้รับดีเอชเอสูงถึง 1,000 มิลลิกรัมต่อวันนั้นปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมทุกครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำมันปลา มีประโยชน์อย่างไร? คนท้องกินได้หรือไม่ กินยังไงให้ปลอดภัย?
-
ไข่
สุดยอดอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ในไข่ยังมีโอเมก้า 3 ซึ่งนั่นหมายความว่ามีส่วนประกอบของดีเอชเออยู่ในไข่ด้วย โดยคุณแม่จะต้องทานไข่ทั้งฟอง เพราะว่าดีเอชเอ หรือโอเมก้า 3 นั้นอยู่ในไข่แดง หากเลือกทานเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งอาจทำให้พลาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไปได้
DHA คนท้อง ทานได้ไหม?
ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์หลายท่านแนะนำให้คุณแม่หลายท่านทานอาหารเสริมดีเอชเอในช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ไม่ได้รับกรดดีเอชเอในปริมาณที่มากเพียงพอในมื้ออาหาร ซึ่งสูตินรีแพทย์ส่วนใหญ่ กล่าวว่า วิตามินก่อนคลอดที่ดีที่สุดนั้นคือดีเอชเอนั่นเอง ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้มีระดับดีเอชเอในเลือดอย่างน้อย 200 มิลลิกรัม ดังนั้นแพทย์อาจแนะนำให้คุณแม่ทานอาหารเสริมวิตามินดีเอชเอก่อนคลอดและสำหรับคุณแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนำให้คุณแม่ทานอาหารเสริมดีเอชเอก่อนอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายของว่าที่คุณแม่นั้นแข็งแรง และพร้อมที่จะตั้งครรภ์นั่นเอง
DHA มีผลข้างเคียงต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
ปกติแล้วการทานดีเอชเอนั้นถือว่าปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่การรับประทานดีเอชเอในรูปแบบของน้ำมันปลา อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น มีกลิ่นปาก แสบร้อนกลางอก และคลื่นไส้ นอกจากนี้ ในการศึกษายังพบว่า การเลือกรับประทานดีเอชเอจากน้ำมันปลานั้นอาจส่งผลทำให้ไปลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้การป้องกันการติดเชื้อของร่างกายนั้นอ่อนแอลง ทั้งนี้การใช้น้ำมันปลาร่วมกับยาบางชนิด อย่างยาลดความดันโลหิต อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายในบางกรณี ดังนั้นคุณแม่ครรภ์ที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มทานอาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและทารกในครรภ์
DHA คนท้อง กินตอนไหน ?
คุณแม่สามารถทานดีเอชเอได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน และควรทานต่อเนื่องในช่วงตั้งครรภ์ ไปจนถึงหลังคลอด แต่ปริมาณที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง ดังนี้
- ช่วงตั้งครรภ์
- ไตรมาส 1 : 200 มิลลิกรัมต่อวัน
- ไตรมาส 2-3 : 400 – 450 มิลลิกรัมต่อวัน
- หลังคลอด ช่วงให้นมบุตร : 200 – 300 มิลลิกรัมต่อวัน
DHA กินต่อเนื่องได้ไหม ?
ดีเอชเอเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับทารกในครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทานดีเอชเอต่อเนื่องได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการก่อนทาน และเลือกทานจากแหล่งอาหารธรรมชาติก่อนทานอาหารเสริม
รู้กันแล้วว่า ดีเอชเอ นั้นไม่จำเป็นจะต้องให้เด็ก ๆ ทานเฉพาะในช่วงของวัยเจริญเติบโตเท่านั้น เพราะคุณแม่สามารถเสริมให้กับพวกเขาได้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ นอกจากจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองแล้วยังช่วยให้คุณแม่แข็งแรงขึ้นได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสม และหากคุณแม่ท่านใดต้องการทานอาหารเสริมดีเอชเอ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนด้วยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ประโยชน์ของแมกนีเซียม ดีต่อคนท้องอย่างไร? ส่งผลต่อทารกอย่างไรบ้าง
วิตามินบี 6 คนท้องต้องกินไหม มีประโยชน์มากแค่ไหนกับแม่ ๆ
วิตามินเค ดีต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไร ? สำคัญต่อทารกอย่างไรบ้าง?
ที่มา : Healthline, verywellmind, omegaquant, omegaquant, drnoithefamily, National Library of Medicine