แตงกวา กินอย่างไรให้ส่งผลดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าให้พูดถึง “แตงกวา” คงเป็นผักชนิดต้นๆ ที่เราสามารถทานได้ตั้งแต่เด็ก อาจจะเจอรสขมบ้างในบางครั้ง แต่เราก็มักจะชอบทานกันเป็นประจำ เรียกได้ว่า เมนูไหนที่ต้องการผักจิ้ม หรือผักเคียงแล้วหละก็ ต้องหนีไม่พ้นแตงกวาเป็นแน่

แตงกวาเป็นผักที่มีฤทธิ์เย็น หรือผักที่สามารถทำให้ร่างกายเราเย็นลงได้ อีกทั้งยังมีแคลอรีที่ต่ำ และจำนวนน้ำในตัวมากอีกด้วย ดังนั้นแตงกวาจึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งของคนที่กำลังดูแลสุขภาพหรือกำลังลดน้ำหนักอยู่นั่นเอง แล้วสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หละ สามารถทานได้หรือเปล่า
แตงกวามีประโยชน์การต่อครรภ์อย่างไร
ถึงแม้ว่าการบริโภคแตงกวามากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์ แต่ถ้าการบริโภคแต่พอดีก็ส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และคุณลูกได้เหมือนกันนะ
- แตงกวามีปริมาณแคลอรีที่ต่ำมาก ซึ่งสามารถป้องกันโรคอ้วนได้ โดยแตงกวานั้นจะทำให้คุณแม่อิ่มท้องนานขึ้น และหลีกเลี่ยงการเพิ่มของน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
- ปริมาณน้ำที่สูง แตงกวามีประมาณน้ำถึง 96% สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น และลดความกระหายน้ำลงได้ อีกทั้งยังทำให้คุณแม่สามารถขับปัสสาวะได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ระบบภายในร่างกายจะเผาผลาญอาหารและน้ำไวกว่าคนปกติถึง 20% ส่งผลทำให้ร่างกายของคุณแม่นั้นต้องการปริมาณน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้นแตงกวาถือเป็นอีก 1 ตัวช่วยของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี

- แตงกวา มีสารอาหารสูง นอกจากที่จะมีแคลอรีที่ต่ำแล้ว ยังมีสารอาหารที่สูงอีกด้วย โดยแตงกวาหนึ่งลูก (ประมาณ 300 กรัม) มีสารอาหารดังนี้
-
- ไขมันทั้งหมด: 0 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 11 กรัม
- โปรตีน: 2 กรัม
- ไฟเบอร์: 2 กรัม
- วิตามินซี: 14% ของ RDI
- วิตามินเค: 62% ของ RDI
- แมกนีเซียม: 10% ของ RDI
- แมงกานีส: 12% ของ RDI
(RDI หรือ Recommended Daily Intakes หรือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน)
4. แตงกวา มีสารอาหารรองที่จำเป็นต่อร่างกาย แตงกวาอุดมไปด้วยสารต้นอนุมูลอิสระ อาทิ วิตามินซี (Vitamin c) และเบต้าแคโรทีน (Beta carotene) ที่ช่วยปรับปรุงภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ทองแดง ไอโอดีนและกำมะถัน ล้วนมีความสำคัญต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และสามารถปกป้องเซลล์ของคุณจากความเสียหายอันเนื่องมาจากสารที่ก่อตัวขึ้นในร่างกาย โดยในแตงกวานั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ต่างจากพืชชนิดอื่นคือ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ลิกแนน (Lignans) และไตรเทอร์พีน (Triterpenes) ไม่เพียงแต่ปกป้องเซลล์ แต่ยังช่วยลดการอักเสบที่เชื่อมโยงกับโรคข้ออักเสบและภาวะระยะยาว
หากคุณแม่ทานแตงกวาในปริมาณมากเกินไป
การกินแตงกวาปลอดภัยสำหรับเด็กในครรภ์ไหม ขอบอกเหล่าคุณแม่ที่เป็นแตงกวาเลิฟเวอร์ไว้ก่อนเลยว่า ทานได้ค่ะ! แต่ถึงอย่างไรก็ไม่แนะนำให้ทานมาเกินความจำเป็น เนื่องจากแตงกวานั้นจะทำให้เกิดการปวดปัสสาวะบ่อย เพราะมีปริมาณที่เก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก หากคุณแม่ทานในปริมาณมากเกินไปจะส่งผลดังต่อไปนี้
- การเกิดแก๊สและอาหารไม่ย่อย
- ปริมาณน้ำที่มากเกินไปในแตงกวาจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นซึ่งอาจทำให้คุณไม่สบายตัวได้
- บางครั้งแตงกวาอาจทำให้เกิดอาการแพ้ทำให้เกิดอาการคันและบวมได้
- แตงกวามีสารพิษเช่น Cucurbitacins และ tetracyclic triterpenoids ซึ่งมีผลต่อรสขมและเป็นอันตรายถึงชีวิตเมื่อรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป
ดังนั้นก่อนที่คุณแม่จะรับประทานควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อยก่อนนะคะ
น้ำตาแตงกวา หรือแตงกวาดอกสามารถทานได้หรือเปล่า
น้ำแตงกวา
สามารถทานได้ค่ะ แต่คุณแม่ควรเลือกแตงกวาสักนิด ควรเลือกแตงกวาที่เนื้อแน่น และมีสีเขียวเข้มผสม ล้างให้สะอาด และสามารถนำมาปั่นทานได้เลยค่ะ

สูตรน้ำแตงกวาปั่นที่ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน
- ล้างแตงกวาที่ซื้อมาให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เครื่องปั่นไม่ต้องทำงานหนัก หรือถ้าคุณแม่คนไหนไม่ชอบกลิ่นของเปลือก หรือกังวลเรื่องยาฆ่าแมลงจะปอกเปลือกก็ได้ค่ะ
- นำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย และปั่นให้ละเอียด
- กรอกน้ำที่ปั่น เสร็จแล้วให้นำช้อนมาตักฟองที่อยู่ด้านบนออกให้หมด
- ใครที่ชอบทานติดหวานนิดหน่อยสามารถเพิ่มความหวานได้ด้วยน้ำตาลสกัดจากหญ้าหวานเพิ่มเติมได้ และคนให้เข้ากัน
- เทน้ำแตงกวาใส่แก้ว เพิ่มน้ำแข็งสักหน่อยแล้วดื่มได้เลย หวาน สดชื่น ไม่เหม็นเขียวบทความที่น่าสนใจ : แนะนำ วิธีทำสูตร สลัดทานง่าย และยังดีต่อสุขภาพ
แตงกวาดอง
แตงกวาดอง รสชาติเปรี้ยวโดดเด่นที่คุณแม่หลายคนถูกใจ โดยแตงกวาดองนั้นเป็นการหมักแตงกวาทิ้งไว้ในน้ำเหลือจนกว่าแบคทีเรียจะเริ่มกินแตงกวาทำให้เกิดรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังสร้างแบคทีเรียดี หรือ โปรไบโอติก (probiotics) ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าทานปริมาณมากเกินไปอาจก่อนให้เกิดอาหารบวมจากโซเดียมได้

สูตรลับแตงกวาดอง ดองยังไงให้กรอบ
- นำแตงกวาที่ซื้อมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย (ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญนะคะ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าน้องแตงกวาผ่านมากี่มือ ผ่านอะไรมาบ้าง)
- ต้มน้ำให้เดือด และใส่น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล (Apple Cider) ลงไป อัตราส่วน น้ำ 1 ลิตรต่อ น้ำส้มสายชู 300 มิลลิลิตร
- เตรียมเครื่องเคียงอย่างอื่น ปกติแล้วมีหลายสูตรมากเลยนะคะ แล้วแต่คนจะชอบทานอะไรกัน แต่หลักๆ ที่ต้องมีแบบขาดไม่ได้ก็คือ แครอทหั่นตามแนวยาว แบบพอดีคำ กระเทียมสับหยาบ และที่เหลือบางบ้านที่ชอบรสชาติที่เผ็ดหน่อยก็อาจจะลองใส่พริกลงไปเล็กน้อยตามความชอบได้เลยค่ะ
- น้ำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงขวดโหล โดยเริ่มจากการนำดองที่เราต้มไว้ (อุณหภูมิห้อง) ใส่ลงไปก่อนเป็นอันดับแรก และตามด้วยกระเทียม และค่อยๆ วางน้องแตงกวาลงไป พร้อมกับปิดท้ายด้วยแครอทและพริก พร้อมปิดฝาให้สนิท
- สามารถวางขวดโหลดไว้ที่ไหนก็ได้ แต่ไม่แนะนำให้ถูกแสงแดดมากเกินไป
- คอยสังเกตดูสีของแตงกวาในขวดโหลอยู่เรื่อย โดยแต่ละบ้านก็จะใช้ระยะเวลาแตกต่างกันออกไป (ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและที่ตั้ง)
- ถ้าสีได้แล้วลองเปิดขวด และนำแตงกวาออกมาชิมดูว่าสำหรับคุณ ระดับความเปรี้ยว ความกรอบพอแล้วหรือยัง ถ้าพอดีแล้วก็สามารถนำมาทานได้เลย ส่วนใครที่ชอบแบบนุ่มๆ คงต้องรอไปอีกประมาณ 1-2ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ที่ชอบทานหรือไม่ชอบทานแตงกวาก็ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นขยับร่างกายเบาๆ เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้าง อีกทั้งยังต้องพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่ออัปเดตพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์และวางแผนการตั้งครรภ์กับคุณหมอด้วยนะคะ
ที่มา : 1, 2 , 3
บทความที่น่าสนใจ :
อาหารคลีน สำหรับคนท้อง 20 เมนูอาหารคลีนคนท้องกินได้
คนท้องกินของดองได้ไหม เป็นอะไรกับลูกในท้องหรือเปล่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!