เชื่อว่าคุณแม่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจที่จะให้นมลูกน้อยให้ได้นานที่สุด แต่ก็มีคุณแม่ให้นมบางคนที่ต้องสะดุดกับปัญหา ลูกดูดเต้า เป็นแผล หรือมีภาวะ หัวนมแตก โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่มักเผชิญภาวะนี้ในช่วงสัปดาห์แรกของการเริ่มให้นมลูก ซึ่งบอกได้เลยว่าคุณแม่จะรู้สึกเจ็บหัวนมมากๆ จนอาจทำให้ถอดใจ แต่! อย่าเพิ่งค่ะ เพราะบทความนี้จะชวนมาเรียนรู้สาเหตุของปัญหาลูกดูดเต้าแล้วเป็นแผล ที่ยังสามารถป้องกัน ไปจนถึงดูแลรักษาให้คุณแม่กลับมาเอาลูกเข้าเต้าได้ตามปกติค่ะ

ลูกดูดเต้า เป็นแผล เป็นยังไง?
กรณีคุณแม่ให้นมมีปัญหาลูกดูดเต้า เป็นแผล หรือ หัวนมแตก จะทำให้คุณแม่มีอาการเจ็บที่บริเวณหัวนม อาจมีเลือดไหลออกมา ซึ่งหากเจ็บมากก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่สามารถเอาลูกเข้าเต้าได้เป็นเวลานาน ทั้งนี้ อาการเจ็บหัวนมในภาวะนี้โดยปกติมักเกิดในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด และเป็นเฉพาะตอนลูกฝึกเอาลูกเข้าเต้าช่วงแรกค่ะ
ลูกดูดเต้า เป็นแผล หัวนมแตก เกิดจากอะไร?
สำหรับสาเหตุที่ลูกดูดเต้าแล้วเป็นแผล หรือคุณแม่เกิดอาการ หัวนมแตก มักเกิดจากการหลายปัจจัยดังต่อไปนี้ค่ะ
-
ท่าทางการดูดนมที่ไม่ถูกวิธี
คือการที่ลูกน้อยอยู่ในท่าทางที่ไม่สบายขณะดูดนม หรือเอาลูกเข้าเต้าไม่ถูกวิธี ทำให้เวลาดูดนม ลูกจะงับได้ไม่ถึงลานนม ดูดแล้วไม่ได้น้ำนม จึงเคี้ยวหัวนมคุณแม่แทน ทำให้เกิดแรงกดและเสียดสี ส่งผลให้หัวนมแตก จนเกิดบาดแผลและมีเลือดออกมานั่นเอง
-
การติดเชื้อ
เชื้อราหรือแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและหัวนมแตก ในบางกรณี อาจเกิดการติดเชื้อที่หัวนม ซึ่งจะทำให้หัวนมแตกและเจ็บปวดมากขึ้น โดยคุณแม่อาจสังเกตการติดเชื้อจากอาการต่างๆ เช่น คัน หรือเจ็บบริเวณหัวนม หัวนมมีลักษณะแดงและเงาผิดปกติ ปวดแสบปวดร้อน เหมือนมีดบาด และเจ็บตลอดเวลาที่ลูกดูดนม
-
สาเหตุจากการปั๊มนม
การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อปั๊มน้ำนม หากใส่ไม่ถูกวิธีจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หัวนมได้ รวมไปถึงการเร่งความเร็วในการปั๊มนมมากเกินไป หรือปั๊มแรง รวมทั้งขนาดกรวยที่ไม่พอดี เล็กหรือใหญ่ไป เป็นต้น ซึ่งหากคุณแม่เจ็บมากจนปั๊มไม่ไหว หรือให้ลูกดูดก็ไม่ไหว ต้องใช้มือบีบนมออกจากเต้านะคะ เพราะการปล่อยให้มีน้ำนมคาเต้าจะทำให้เกิดเต้านมอักเสบ และน้ำนมลดลงได้
-
ภาวะลิ้นติด (Ankyloglossia)
หรือลูกมีพังผืดใต้ลิ้น เป็นภาวะความผิดปกติภายในช่องปากของทารก ที่การเคลื่อนไหวของลิ้นถูกจำกัด เนื่องจากเนื้อเยื่อที่เชื่อมระหว่างลิ้นและพื้นล่างของปากมีขนาดสั้น หรือล้ำมาทางด้านหน้าของปากมากเกินไป ทำให้แลบลิ้นออกมาได้ไม่เต็มที่เมื่อดูดนมแม่ลิ้นจะไม่สามารถขยับให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสมได้ เวลาดูดนมจะเสียดสี และทำให้เกิดเป็นแผลแตกที่หัวนมในที่สุด นอกจากนี้ ยังทำให้ลูกเมื่อยลิ้น ไม่ชอบดูดเต้า จะหงุดหงิด หรือดูดไปหลับไป แบบใช้เวลานาน น้ำหนักขึ้นไม่ดี โตขึ้นจะพูดไม่ชัดด้วยค่ะ ซึ่งหากสงสัยว่าลูกมีปัญหานี้ ให้ปรึกษาแพทย์นะคะ
-
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
มีการดูแลหัวนมอย่างผิดวิธี เช่น ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง ทำให้ผิวระคายเคือง การอาบน้ำอุ่นซึ่งทำให้ผิวแห้งแตกง่าย หรือการแพ้แผ่นซับน้ำนม
-
เส้นเลือดหดตัวแบบรุนแรงผิดปกติ (vasospasm)
โดยอาจถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเย็นลง อาการคือ รู้สึกปวดแสบปวดร้อนเหมือนเข็มทิ่มแทงอย่างรุนแรง สีของหัวนมจะซีดลงอย่างรวดเร็วหลังลูกกินเสร็จ
-
ผิวหนังอักเสบบริเวณหัวนม
อาการอักเสบของผิวหนังบริเวณหัวนมอาจทำให้ผิวหนังตกสะเก็ด และเป็นผื่นแดง จนนำไปสู่อาการคันและเจ็บบริเวณหัวนม หากไม่ดูแลรักษาก็จะทำให้คุณแม่มีภาวะ หัวนมแตก ได้เช่นกันค่ะ

ลูกดูดเต้า เป็นแผล ให้นมลูกต่อได้มั้ย?
โดยส่วนใหญ่หากอาการหัวนมแตกไม่รุนแรงนัก คุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องเลิกหรืองดการให้นม หรือไปพบแพทย์ ยังสามารถให้นมลูกน้อยต่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ส่งผลร้ายแรงมากนัก แต่ก็อาจกระทบต่อการให้นมลูกได้ โดยเฉพาะกรณีหัวนมแตกจนมีเลือดไหล น้ำนมก็อาจมีเลือดเจือปนด้วย เมื่อลูกน้อยกลืนนมที่มีเลือดปน ก็จะทำให้เลือดเจือปนในอุจจาระของลูกได้ นอกจากนี้ หากอาการรุนแรงจนคุณแม่ให้นมได้ไม่ต่อเนื่อง ลูกไม่อิ่มเพราะได้รับนมไม่เพียงพอ ก็จะงอแงได้เช่นกัน ดังนั้น อาจต้องใช้การปั๊มนมเพื่อป้อนลูกน้อยแทนไปก่อนจนกว่าจะหาย
5 วิธีรักษาหัวนมแตก เมื่อ ลูกดูดเต้า เป็นแผล
การให้นมลูกในช่วงหัวนมแตกนั้นคุณแม่ควรเริ่มจาก หลีกเลี่ยงการให้นมข้างที่มีอาการก่อน เนื่องจากการให้นมในแต่ละครั้งลูกจะดูดนมแรงในช่วงเริ่มต้น อาจทำให้เจ็บและเป็นแผลมากขึ้น รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ และช่วยลดอาการเจ็บปวดลง จากนั้นลองทำตามวิธีต่อไปนี้ค่ะ

-
เช่น ท่าอุ้มฟุตบอล ท่านอน เมื่อเปลี่ยนท่า มุมที่เข้าเต้าจะเปลี่ยนไป ทำให้ลูกไม่ดูดทับแผลเก่าที่เป็นอยู่ค่ะ ซึ่งการให้นมลูกในท่าทางที่ถูกต้องมีความสำคัญมาก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกดูดนมได้ดี แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้หัวนมของแม่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ควรให้ลูกดูดนมในลักษณะที่ปากอมถึงบริเวณขอบลานนม และให้คางของลูกแนบอยู่กับเต้านมส่วนล่าง ซึ่งจะช่วยให้สามารถดูดนมได้ดีขึ้นและลดความเจ็บปวดลงได้
-
บีบน้ำนม 2-3 หยดทาบริเวณหัวนมหลังจากให้นม
เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารต้านการอักเสบ จึงช่วยให้แผลหายเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องทาครีมหรือยาอื่นๆ อาจใช้ประทุมแก้วครอบหัวนมชั่วคราว เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากการสัมผัสกับเสื้อชั้นใน
-
ประคบเย็น
กรณีจำเป็นต้องให้นมข้างที่มีอาการ อาจประคบเย็นก่อนให้นมเพื่อให้รู้สึกชาและทำให้อาการเจ็บเวลาให้นมลดลง และใช้น้ำนมทาบริเวณหัวนม
-
ให้หัวนมได้พักบ้าง
หากหัวนมของคุณแม่เกิดแผลจากการดูดนม แนะนำให้พักการให้นมจากเต้าข้างที่มีแผลบ้าง และสลับการให้นมจากเต้าอีกข้างเพื่อให้หัวนมได้พักและฟื้นตัว จะช่วยลดอาการเจ็บปวดและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
-
ใช้ผ้าสะอาดเช็ดหัวนมเบาๆ หลังให้นม
การทำความสะอาดหัวนมหลังการให้นมเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องทำอย่างเบามือ โดยใช้ผ้าสะอาดหรือสำลีที่ชุบน้ำอุ่นเช็ดให้สะอาด โดยไม่ต้องถูแรงๆ เพราะจะทำให้หัวนมที่แตกแย่ลงได้
หากหัวนมยังไม่ดีขึ้นหลังจากการรักษาด้วยวิธีข้างต้น หรือสังเกตเห็นว่าอาจมีอาการติดเชื้อ เช่น บวม แดง สัมผัสผิวหนังบริเวณหน้าอกแล้วรู้สึกอุ่น ๆ หรือแข็งผิดปกติ หรือมีหนอง ควรไปพบคุณหมอทันที รวมไปถึงกรณีมีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง รวมกับอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอ หรือรักแร้บวม ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

ป้องกันยังไง? ไม่ให้หัวนมแตก
- ให้ลูกดูดอย่างถูกวิธี โดยการอุ้มลูกชิดตัวแนบกับท้อง ให้แก้ม จมูก และคางของลูก สัมผัสกับเต้านม
- ไม่ดึงหัวนมออกจากปากขณะที่ลูกยังออกแรงดูดอยู่ในทันที ควรค่อยๆ ใช้นิ้วช่วยปลดหัวนมออกเบาๆ โดยใส่นิ้วเข้าไปแทนที่ แล้วค่อยดึงหัวนมออก
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือครีมทาที่หัวนม รวมถึงไม่ควรล้างเช็ดทำความสะอาดเต้านมและหัวนมมากจนเกินไป
- ระวังอย่าให้เต้านมคัด เพราะเมื่อน้ำนมไม่ออก ลูกจะใช้ความพยายามจนอาจทำให้ท่าดูดนมผิดปกติ เกิดอาการ หัวนมแตก ตามมาก ถ้าเต้านมคัด ให้บีบน้ำนมออกเล็กน้อยก่อนจนเต้านมเริ่มนิ่มขึ้นจึงค่อยให้ลูกเข้าเต้า
- ลดเวลาดูดนมของลูกให้สั้นลง เหลือครั้งละประมาณ 10-15 นาที ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
ภาวะหัวนมแตกจากการที่ลูกดูดเต้าแล้วเป็นแผลนั้น สามารถบรรเทาลงได้เองและยังให้นมลูกได้นะคะ เพียงทำตามคำแนะนำที่เรานำมาฝาก โดยเฉพาะการปรับท่าทางการให้นม แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อการรักษาที่เหมาะสมที่สุด หวังว่าคุณแม่ทุกคนจะสามารถดูแลตัวเองและให้นมลูกได้อย่างมีสุขภาพดี ไม่เจ็บปวดในระหว่างการให้นมนะคะ
ที่มา : www.pobpad.com , สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ , www.samitivejhospitals.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
นมแม่สีเหลือง ปกติมั้ย? ลูกกินได้หรือเปล่า น้ำนมแม่มีกี่สี
นมแม่เป็นลิ่ม เพราะอาหารที่กินจริงมั้ย? เกี่ยวกับ ท่อน้ำนมอุดตัน หรือเปล่า?
ลูกติดนมชง ไม่กินนมแม่ แก้ยังไงดี? วิธีเปลี่ยนใจลูกน้อยให้เลิฟนมแม่
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!