“เงาะ” ผลไม้รสชาติหวานฉ่ำ เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกอยู่ อาจเกิดความสงสัยว่าการกินเงาะจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยหรือไม่ คำถามที่ว่า ให้นมลูกกินเงาะได้ไหม ? จึงเป็นคำถามที่มักจะเกิดขึ้นในใจของคุณแม่มือใหม่หลายๆ คน วันนี้เราจะมาหาคำตอบที่จะช่วยให้คุณแม่ที่กำลังให้นมลูกอยู่ได้คลายความกังวลใจกันค่ะ ว่าการกินเงาะจะส่งผลกับน้ำนมที่ให้ลูกกินหรือเปล่า
“เงาะ” มีคุณประโยชน์อะไรกับแม่ให้นมบ้าง ?
เงาะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน มีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แล้วยังมีประโยชน์ด้านไหนอีก ไปดูกันค่ะ
- มีสารอาหารมากมาย เงาะไม่ได้มีดีแค่รสชาติหวานฉ่ำเท่านั้นนะคะ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด วิตามินซีสูงลิ่ว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แถมยังมีแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมที่ช่วยเรื่องความดันโลหิตอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เงาะยังมีใยอาหารช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอีกต่างหาก เรียกได้ว่ากินเงาะลูกเดียว ได้ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารครบเลยค่ะ
- ดับร้อนให้ร่างกาย เนื้อเงาะอิ่มเอมไปด้วยน้ำฉ่ำ ช่วยดับกระหายและคลายร้อนได้ดีเยี่ยม น้ำตาลธรรมชาติจากเงาะยังช่วยเติมพลังและความสดชื่นให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง วิตามินซีมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ก่อนถึงวัยอันควร และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี
- ไฟเบอร์สูง ช่วยแก้ท้องผูก เงาะ อุดมไปด้วย ใยอาหาร หรือไฟเบอร์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้น ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลดปัญหาท้องผูก นอกจากนี้ น้ำ ในเงาะยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เงาะ ที่เต็มไปด้วยวิตามินซีสูงมาก นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อย ป้องกันหวัดแล้ว เงาะยังมีธาตุเหล็ก ช่วยสร้างและรักษาสมดุลของเซลล์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดงและหลอดเลือดได้อีกด้วย
- สารอาหารผ่านไปยังลูกน้อยน้อยมาก สารอาหารจากเงาะที่คุณแม่กินเข้าไปจะถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ก่อนที่จะถูกส่งผ่านไปยังน้ำนมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สารอาหารจากเงาะที่อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อย จึงมีปริมาณน้อยมากค่ะ
ถึงแม้เงาะจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ หรืออาจทำให้ท้องอืดหรือท้องผูกได้เช่นกัน ดังนั้นควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะนะคะ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาน้ำหนักเกินด้วยค่ะ
ให้นมลูกกินเงาะได้ไหม ? ทำให้ลูกตาแฉะจริงหรือเปล่า ?
จากคำถามนี้ ให้นมลูกกินเงาะได้ไหม คำตอบคือ คุณแม่ที่ให้นมลูกสามารถกินเงาะได้ แต่ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ส่วนคำถามที่ว่า กินเงาะแล้วทำให้ลูกตาแฉะจริงหรือเปล่า ? ในความเป็นจริงคือความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่สนับสนุนความเชื่อนี้เลยค่ะ บางคนอาจเคยสังเกตระหว่างการกินเงาะแล้วมีอาการตาแฉะ ทั้งนี้อาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้ลูกมีอาการตาแฉะได้ค่ะ เช่น อาการแพ้อาหารบางชนิด การติดเชื้อที่ตา ภูมิแพ้ เป็นต้น
สิ่งที่ควรระวัง สำหรับคุณแม่ให้นมเมื่อกินเงาะ !
- ปริมาณ ควรทานเงาะในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป เพื่อป้องกันอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือน้ำตาลในเลือดสูง และอาจทำให้ลูกน้อยมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เนื่องจากน้ำตาลในเงาะอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของลูกน้อย
- รสชาติของน้ำนมเปลี่ยน เงาะอาจทำให้รสชาติของน้ำนมเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้ว ลูกน้อยจะยังคงดูดนมตามปกติ
- อาการแพ้ แม้จะเป็นไปได้น้อย แต่บางคนอาจแพ้เงาะได้ หากคุณแม่มีประวัติแพ้อาหาร ควรระวังเป็นพิเศษและสังเกตอาการของลูกน้อยหลังจากกินเงาะ
- อาการของลูกน้อย หลังจากกินเงาะไปแล้ว ให้ลองสังเกตอาการของลูกน้อย เช่น มีผื่นแดง ท้องอืด ท้องเสีย หรือมีอาการแพ้อื่นๆ หากลูกน้อยมีอาการผิดปกติ ควรหยุดกินเงาะทันที และปรึกษาแพทย์
- คุณภาพของเงาะ เลือกซื้อเงาะที่สุกกำลังดี สะอาด และปลอดสารเคมี เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือท้องเสีย
- ผลไม้ชนิดอื่น คุณแม่ให้นมควรกินผลไม้ชนิดอื่นๆ ด้วย เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องกินเงาะเพียงอย่างเดียว
8 ผลไม้ที่แม่ให้นมอยากรู้ กินได้หรือไม่ได้ ?
ผลไม้หลายชนิดมีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายและกระตุ้นการผลิตน้ำนมได้ เพราะผลไม้มีวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตน้ำนม
5 ผลไม้น้ำตาลสูง สำหรับแม่ให้นม กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ?
ผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ควรกินให้หลากหลาย เพราะในผลไม้แต่ละชนิดก็จะมีวิตามิน แร่ธาตุ มากน้อยแตกต่างกันไป โดยผลไม้ทั้ง 5 ชนิดนี้ จะให้คุณค่าสารอาหารและสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายต่างกันไปด้วย โดยควรกินในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละมื้อ
- เงาะ มีวิตามินซี แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันอีกด้วย ควรกินในปริมาณวันละ 4-5 ผล
- ลำไย เป็นแหล่งวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และทำให้ผิวพรรณสดใส แต่ให้น้ำตาลสูง การกินลำไยมากเกินไปอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ ควรกินในปริมาณวันละ 5-6 ผล
- มังคุด มีสารแซนโทน ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปวดข้อเข่า ควรกินในปริมาณวันละ 4-5 ผล
- ลองกอง เป็นแหล่งโพแทสเซียมและใยอาหาร ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี มีสรรพคุณ ในการลดช่วยลดอาการร้อนใน ช่องปากแห้ง และกระหายน้ำได้ ควรกินในปริมาณวันละ 5-6 ผล
- ทุเรียน มีเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา และโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต ทุเรียนให้พลังงาน มีปริมาณไขมันและน้ำตาลสูง การกินมากเกินไป จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการร้อนในและรู้สึกไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว ควรกินในปริมาณวันละ 1 เม็ดเล็ก
10 อาหารคุณแม่ให้นมที่ควรกิน
มาดูกันว่าคุณแม่ให้นมลูกควรกินอาหารประเภทใดบ้าง เพื่อช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและส่งต่อสารอาหารที่มีประโยชน์ไปยังลูกน้อย
1. เนื้อสัตว์ คุณแม่ที่กำลังให้นมลูก ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น ไก่ต้มน้ำปลา ไก่ตุ๋นยาจีน ต้มยำปลา หรือปลานึ่งสมุนไพร เพื่อให้ได้โปรตีนและธาตุเหล็กที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทั้งยังช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมที่คุณภาพดีอีกด้วยค่ะ
2. ปลาแซลมอน อุดมไปด้วย DHA ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อย นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น ทำเป็นเมนูง่ายๆ อย่างโจ๊กแซลมอน หรือสเต็กแซลมอนก็ได้ค่ะ
3. ไข่ ไม่ว่าจะเป็นไข่เป็ด ไก่ หรือไข่นกกระทา ล้วนอัดแน่นไปด้วยโปรตีนและวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ทำให้ลูกน้อยแข็งแรงสมบูรณ์แบบค่ะ
4. ขนมปังโฮลวีตและธัญพืชไม่ขัดสี เพราะอุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน และวิตามินต่างๆ ช่วยให้คุณแม่มีพลังงานตลอดวัน แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีอีกด้วยค่ะ
5. กระเทียม เป็นพืชผักที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ให้นม ช่วยเพิ่มน้ำนม เสริมภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะนะคะ เพราะหากทานมากเกินไป อาจทำให้นมมีกลิ่นและลูกน้อยอาจไม่ยอมกินนมแม่
6. ผักและผลไม้ คือสุดยอดอาหารสุขภาพที่อัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจากภายใน สดใสจากภายนอก แถมยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ
7. หัวปลี อาหารบำรุงน้ำนมชั้นดี เพราะอัดแน่นไปด้วยเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และยังดีต่อคุณแม่ให้นมลูกด้วยนะ เพราะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำนมอีกต่างหาก นอกจากจะกินเป็นยาแล้ว หัวปลียังนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งยำ แกง ต้ม ทอด
8. ขิง คุณแม่หลังคลอดหลายคนมักมีปัญหาเรื่องท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือมีอาการหวัด ขิงสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะขิงมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด และยังช่วยลดอาการอักเสบในลำคอได้อีกด้วย นอกจากนี้ ขิงยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายอบอุ่นและช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมมากขึ้นด้วยค่ะ
9. ฟักทอง มีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน และใยอาหาร ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และดูแลระบบย่อยอาหาร สามารถทำได้หลายเมนู เช่น แกงฟักทอง แกงเลียง หรือฟักทองผัดไข่ เป็นต้น
10. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง ข้าวขาวอาจจะอร่อย แต่ข้าวไรซ์เบอร์รี่และข้าวกล้องนั้นดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ เพราะมีใยอาหารสูงกว่า ซึ่งให้พลังงานสูงและมีแคลอรีน้อยกว่า ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่ข้าวขาวขาดหายไป
ช่วงให้นมลูกเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ จากคำถามด้านบน ให้นมลูกกินเงาะได้ไหม ? คุณแม่คงได้คำตอบกันแล้วนะคะ ว่าสามารถกินได้ แต่ควรระมัดระวังในเรื่องของปริมาณที่กินเพราะอาหารที่คุณแม่กินทุกอย่างจะส่งผ่านไปยังลูกน้อยผ่านทางน้ำนมค่ะ ดังนั้น การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ที่หลากหลาย โดยเน้นผักใบเขียว ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือพืช เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยค่ะ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่ร่างกายจะได้ผลิตน้ำนมให้เพียงพอกับความต้องการของลูกน้อยค่ะ
ที่มา : TNN , Sanook , Rattinan Medical Center
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ให้นมลูกกินหน่อไม้ได้ไหม ส่งผลอะไรต่อน้ำนมบ้าง ลูกกินนมได้หรือเปล่า
ให้นมลูก กินยาคุมฉุกเฉินได้ไหม มีผลอะไรกับทารกหรือเปล่า
ให้นมลูกกินมะม่วงได้ไหม ส่งผลอะไรต่อลูกหรือเปล่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!