ลดน้ำหนัก เห็นผลไว ไม่โยโย่ วันนี้ทางเราจะมาแนะนำ 5 วิธีลดน้ำหนัก แบบไม่โยโย่ แถมสุขภาพไม่เสียอีกด้วย ทางเราเชื่อว่าคุณแม่ หรือสาว ๆ หลาย ๆ คนในที่นี่ อาจจะเคยผ่านช่วงเวลาในการลดน้ำหนักมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยจริงไหมคะ แต่ไม่ว่าจะสูตรไหนก็ตาม ก็ยังไม่สามารถที่จะลดน้ำหนักได้สักที ดังนั้นประเด็นการลดน้ำหนักก็ยังคงเป็นประเด็นฮอตฮิตไม่ว่ายุคไหนๆก็ตาม วิธีลดน้ำหนัก ที่ได้ผลที่สุด แบบไหนละ ที่เกิดผลลัพธ์ ทำให้สุขภาพดี และที่สำคัญไม่โยโย่ วันนี้เรานำเทคนิคการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ในแบบที่ยั่งยืน และสุขภาพดี มาฝากคุณแม่และสาว ๆ กันค่ะ การลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพคืออะไรกันแน่นะ วิธีลดน้ำหนักแบบไหนดี กับเรากันแน่!
เป็นเรื่องธรรมาที่ใครหลาย ๆ นั้นพยายามที่จะลดน้ำหนัก และต้องการลดอย่างรวดเร็ว แต่คนที่ทำการลดน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะประสบความสำเร็จมากกว่าในการลดน้ำหนัก วิธีการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงแต่ อาหาร หรือโปรแกรม เท่านั้น ยังเกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวืตที่ดำเนินอยู่ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกอน และการออกกำลังกายในระยะยาวในแต่ละวันด้วย ดังนั้นเรามาพูดถึงการตั้งเป้าหมายที่จะลดน้ำหนักต่อสัปดาห์และหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป หรือรวมไปถึงยาลดน้ำหนักซึ่งอาจส่งผลที่ร้ายแรง โดยโฆษณาชวนเชื่อที่ฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ทางที่ดีควรวางแผนวิธีลดน้ำหนัก เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวค่ะ
ข้อแนะนำโดยรวมก่อนที่เราจะเข้าไปยังขั้นตอนและวิธีการในการลดน้ำหนักแต่ละรุปแบบ ก็ต้องย้ำเลยว่าการตั้งเป้าหมายในการลดถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ และอดทนได้มากพอจนกว่าคุณจะลดความอ้วนได้สำเร็จนั่นเองค่ะ นอกจากนั้นข้อแนะนำอื่นๆมีดังนี้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม ลดน้ำหนักให้ได้ผล
1. วางแผน วิธีลดน้ำหนัก โดยกำหนดวันและเวลาในการตั้งเป้าหมาย
วางแผนในการลดน้ำหนักให้ชัดเจน กล่าวคือยิ่งตั้งกำหนดการเป็นช่วงเวลาหรือเป็นช่วงกำหนดวัน ย่อมได้รับความสำเร็จมากกว่าการลดโดยไม่มีแผน หยิบสมุดขึ้นมาหนึ่งเล่มค่ะหรือสาวๆคนไหนมีกระดานตารางชีวิตที่ชัดเจนก็ใส่ Deadline ในการลดลงไปในนั้นนะคะ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
2. กำหนด วิธีลดน้ำหนัก และศึกษาวิธีการนั้นด้วยความเข้าใจ
โดยวิธีลดน้ำหนักแต่ละประเทศมีจุดเด่นจุดด้อยที่ไม่เหมือนกัน และเหมาะหรือไม่เหมาะกับบางคน ผู้ที่ลดน้ำหนักต้องศึกษาวิธีการหาข้อมูลแต่ละวิธีให้ชัดเจนและนำมาวิเคราะห์ว่าเหมาะกับ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราหรือไม่แต่ละวิธีมีผลดีหรือเสียอย่างไรในบางมิติ ดังนั้น เช่นกัน กับการเลือกวิธีคือต้องหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ และวันนี้ทางเราก็นำหลากหลายวิธีมาแนะนำ ก็จะพูดคร่าวๆ ในช่วงต่อไปค่ะ
3. เข้าใจสุขภาพและร่างกายของเรา
ตรวจสอบและปรับการเผาผลาญของคุณ คือหนึ่งใน วิธีลดน้ำหนัก ร่างกายของคุณเปลี่ยนแคลอรี่เป็นเชื้อเพลิงได้ดีเพียงใดก็มีความสำคัญเช่นกัน และถ้าคุณลดแคลอรี่มากเกินไปก็ไม่ดีสำหรับคุณ คุณชะลอการเผาผลาญและนั่นอาจทำให้คุณขาดสารอาหารบางอย่างได้ และวิธีการลดแคลอรี่หรือวิธีการอื่นอาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะขึ้นอยู่กับการรู้ร่างกายตัวเองมากน้อยเพียงใดนั่นเอง เชื่อหรือไม่ ประโยชน์จากการลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงประโยชน์มากมายที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตได้เลยทีเดียว แม้แต่การลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยสัก 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวทั้งหมดก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม รวมทั้งลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย เช่นการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิต คอเลสเตอรอลในเลือดและน้ำตาลในเลือด
บทความที่น่าสนใจ : สุขภาพคืออะไร 5 กฎง่ายๆ เพื่อสุขภาพที่น่าอัศจรรย์ของคุณ
แม้ว่าลดน้ำหนักไปสักพัก น้ำหนักตัวนี้อาจยังอยู่ในช่วง“ น้ำหนักเกิน” หรือ“ อ้วน”อยู่ก็ตาม แต่น้ำหนักที่ลดไปถึงแม้จะยังไม่มากหรือยังไม่ถึงที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ก็ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและทำให้สุขภาพดีขึ้นตามลำดับ ลดน้ำหนักแบบพอประมาณ และลดโดยใช้ระยะเวลานี้สามารถลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้ ดังนั้นแม้ว่าเป้าหมายโดยรวมจะดูใหญ่โต แต่ให้มองว่าเป็นการเดินทางก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะใจจดใจจ่อกับตัวเลขจุดหมายสุดท้ายเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่างการวิจัยจาก National Weight Control Registryexternal ระบุว่าผู้เข้าร่วมการศึกษาที่รักษาระดับการลดน้ำหนักอย่างมีนัย สำคัญรายงานว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นตลอดจนระดับพลังงานความคล่องตัวทางร่างกายอารมณ์ทั่วไปและความมั่นใจในตนเอง เรามีวิธีลดน้ำหนัก ที่ถูกวิธี ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้พฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายแบบใหม่ที่จะช่วยให้คุณมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น นิสัยเหล่านี้อาจช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ตลอดเวลาและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวค่ะ
5 เทคนิค ลดน้ำหนัก ที่ได้ผลที่สุด
1. วิธีลดน้ำหนัก ลดพุงด้วยการคุมอาหาร ลดแบบนี้ไม่มีอด
วิธีลดความอ้วนที่ถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัยคืออะไร วิธีลดน้ำหนัก ชนิดนี้ เป็นการลดน้ำหนักยิ่งกินยิ่งผอม ยิ่งอดยิ่งอ้วน จากคำพูดนี้แสดงให้เห็นชัดว่า ถ้าเราอดสารอาหารในร่างกายยิ่งน้อยและร่างกายจะยิ่งกักเก็บไขมันไว้ แต่ถ้าวันใดที่ร่างการเราเต็มไปด้วยสารอาหารและมีสุขภาพที่ดีร่างกายก็จะปล่อยไขมันออกมาได้ง่ายนั่นเอง ดังนั้นวิธีการนี้ จึงเหมือนเป็นการเน้นการกิน การปรับโภชนาการ รวมไปถึง การกินคลีนที่หลายๆคนเรียกกัน การกินเพื่อสุขภาพแบบนี้เน้น การลดน้ำหนักแบบไม่อด เพื่อการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพระยะยาวและยั่งยืนนั่นเอง
ซึ่งวิธีนี้ต้องมีการวางแผนการรับประทานอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนักของคุณ ได้แก่ อาหารเพื่อสุขภาพที่หลากหลาย เพิ่มสีสันให้กับจานของคุณและคิดว่ามันเป็นการกินสายรุ้ง สีเขียวใบสีเข้มส้มและมะเขือเทศสีแดงสด แม้กระทั่งสมุนไพรสีสันสวยงาม ก็เต็มไปด้วยวิตามินไฟเบอร์และแร่ธาตุ
- เน้นผลไม้ผักธัญพืชและนมและผลิตภัณฑ์นมที่ปราศจากไขมันหรือไขมันต่ำ
- ทานอาหารโปรตีนหลายชนิดเช่นอาหารทะเลเนื้อสัตว์ไม่ติดมันและสัตว์ปีก ไข่
- พืชตระกูลถั่ว (ถั่วและถั่วลันเตา) ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองถั่วและเมล็ดพืช
- มีไขมันอิ่มตัวไขมันทรานส์คอเลสเตอรอลเกลือ (โซเดียม) และน้ำตาลที่เติมต่ำ
- อยู่ภายในความต้องการแคลอรี่ประจำวันของคุณ
- อ่านต่อการลดน้ำหนักลดพุง แบบไม่อดอาหาร ลดน้ำหนักลดพุงด้วยการคุมอาหาร
บทความที่น่าสนใจ : อาหารคลีนลดน้ําหนัก 24 เคล็ดลับการกินคลีนลดน้ำหนักแบบยั่งยืน
2. ลดน้ำหนัก ด้วยการกินแบบ IF
วิธีลดน้ำหนัก แบบIF หรือ termittent Fasting เป็นวิธีลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ยิ่งหมู่คนรุ่นใหม่หรือกลุ่มวัยรุ่นหรือช่วงอายุวัยกลางคน เป็นการเริ่มต้นควบคุมอาหารที่ฟังดูง่ายๆเพราะเลือกกินช่วงเวลาหนึ่งและงดกินในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ลดน้ำหนักแบบ IF ก็ยังต้องใช้ความอดทนอยุ่เช่นกัน เพราะควบคุมแคลอรี และจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร
เน้นการควบคุมช่วงเวลาการกินและไม่กินโดยมีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ จำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และงดมื้ออาหาร 16 ชั่วโมง รูปแบบนี้ ฮิตมาก เพราะเป็นรูปแบบที่ทำได้ง่ายสำหรับคนในยุคนี้
- ทำให้ดูเด็กกว่าอายุ และสุขภาพแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ กระตุ้นร่างกายและสามารถต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
- เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังน้อยลงช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกายให้ลดน้อยลง ทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังน้อยลง โดยเฉพาะโรคมะเร็ง และอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
- ร่างกายของเรามีระบบทำความสะอาดตัวเอง “Waste Removal” หรือ “Autophagy” ซึ่งจะเกิดขึ้นตอนเราอดอาหารกระบวนการทำความสะอาดตัวเองของเซลล์นี้ จะเป็นการกำจัดเซลล์เก่า และของเสียออกไป ทำให้เซลล์ภายในร่างกายแข็งแรงขึ้นมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันก็จะแข็งแรง
- ช่วยส่งเสริมสมอง อาจจะเป็นการกระตุ้น การสร้างเซลล์ประสาทขึ้นมาใหม่ (New Nerve Cells) ซึ่งส่งผลให้การทำงานของสมองดีขึ้น ความจำดีขึ้น ช่วยทำให้ยีนส์ที่ดีบางตัวแสดงออกได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการเป็น โรคอ้วน และโรคหัวใจ โรคเบาหวาน
3. วิธีลดน้ำหนัก ด้วยการกินคีโต
วิธีลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิก เป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีไขมันสูงซึ่งมี ความคล้ายคลึงกันมากกับการทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมากและแทนที่ด้วยการทานไขมันแทน การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตนี้จะทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่สภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่าคีโตซิสนั่นเอง ซึ่งเราจะอธิบายรายเลียดในการลดน้ำหนักแบบคีโตอีกครั้งหนึ่งในบทความต่อไป ถ้าเล่าโดยรวมเมื่อร่างการลดการทานคาร์โบไฮเดรตลง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ร่างกายของคุณจะเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว ซึ่งอาหารคีโตเป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินและปรับการเผาผลาญของร่างกายให้ห่างไกลจากการทานคาร์โบไฮเดรตไปสู่ไขมันและคีโตน
อาหารคีโตเจนิกมีหลายเวอร์ชัน ได้แก่
- อาหารคีโตเจนิกมาตรฐาน (SKD): เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำโปรตีนปานกลางและอาหารที่มีไขมันสูง โดยทั่วไปประกอบด้วยไขมัน 70% โปรตีน 20% และทานคาร์โบไฮเดรตเพียง 10%
- อาหารคีโตเจนิกแบบวัฏจักร (CKD): อาหารนี้เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่มีการบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่สูงขึ้นเช่น 5 วันคีโตเจนิกตามด้วย 2 วันที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
- อาหารคีโตเจนิกที่กำหนดเป้าหมาย (TKD): อาหารนี้ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคาร์โบไฮเดรตในการออกกำลังกายได้
- อาหารคีโตเจนิกโปรตีนสูง: คล้ายกับอาหารคีโตเจนิกมาตรฐาน แต่มีโปรตีนมากกว่า อัตราส่วนนี้มักเป็นไขมัน 60% โปรตีน 35% และทานคาร์โบไฮเดรต 5%
อย่างไรก็ตามมีการศึกษาว่าการลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิกโปรตีนมาตรฐานและโปรตีนสูง เท่านั้นที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง อาหารคีโตเจนิกในรูปแบบอื่น อาหารคีโตเจนิกที่กำหนดเป้าหมายและอาหารคีโตเจนิกแบบวัฏจักร อาจใช้ในแง่ของนักกีฬา หรือโดยเฉพาะนักเพาะกาย
4. ลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกาย
วิธีลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดความอ้วน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การออกกำลังกายนั้นแม้จะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักเพียงแค่20%แต่การควบคุมโภชนาการมีความสำคัญมากถึง 80% ถึงอย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักก็ต้องใช้การออกกำลังกายควบคุมอยู่ดี เพราะร่างกายถ้ามีการควบคุมการกินที่ดีแล้วและบวกการออกกำลังกายเสริมเข้าไปจะยิ่งทำให้รูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น
- เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจากการออกกำลังกายขอแนะนำ การออกกำลังกายแบบง่ายๆ ให้คุณออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 20 นาทีต่อครั้ง อย่างไรก็ตามมากกว่า 20 นาทีจะดีกว่าถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักจริงนะคะ
- การผสมผสานการออกกำลังกายระดับปานกลางเพียง 15 นาทีเช่นเดินหนึ่งไมล์เป็นประจำทุกวันจะเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินได้ถึง 100 แคลอรี่ (สมมติว่าคุณไม่กินแคลอรี่ส่วนเกินในอาหารหลังจากนั้น)
จริงๆแล้วจำนวนการออกกำลังกายทั้งหมดที่คุณมีส่วนร่วมในระหว่างวัน และเป็นกิจวัตรประจำวันของคุณ มีความสำคัญมากกว่าที่คุณจะทำหักโหมออกกำลังกายเพียงแค่วันหรือสองวันค่ะ นั่นเป็นสาเหตุที่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกิจวัตรประจำวันของคุณสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในรอบเอวของคุณ
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพที่แนะนำให้คุณแม่และสาวๆได้ลองนำไปปรับใช้ เป็นอีก วิธีลดน้ำหนัก ที่ทำได้ง่ายๆ ได้แก่
- เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานหรือ เลือกการเดินขณะทำธุระยังสถานที่ใกล้ๆ
- ลองขึ้นบันได แทนการใช้ลิฟต์
- จอดรถให้ไกลจากจุดหมายและเดินไปตามระยะทางที่เหลือ
- และนอกจากนั้นเรายังมีไอเดียการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆมาแนะนำเป็นทางเลือกในการลดน้ำหนักให้คุณแม่และสาวๆเพิ่มเติมด้วย
บทความประกอบ : ลดความอ้วนกับการออกกำลังกาย จำเป็นต้องออกกำลังกายช่วงลดน้ำหนักหรือไม่?
5. วิธีลดน้ำหนัก แบบ low carb
วิธีลดน้ำหนัก แบบกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำหรือการจำกัดการปริมานการกินคาร์โบไฮเดรต เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มาแรงในยุคสมัยนี้ เชื่อว่าคุณแม่และสาวๆอาจผ่านตาการลดน้ำหนักรูปแบบนี้มาบ้าง ซึ่งคาร์โบไฮเดรตที่พบส่วนใหญ่มักอยู่ในอาหารที่มีน้ำตาล และอาหารจำพวกเส้นและ อาหารจำพวกขนมปัง แทนที่จะกินคาร์โบไฮเดรตคุณควรกินอาหารทั้งมื้อรวมทั้งโปรตีนจากธรรมชาติ ไขมัน และผัก ประกอบกันโดยไม่ได้เน้นแค่การกินอาหารจำพวกแป้งน้ำตาลที่มากจนเกินไป การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำสามารถส่งผลให้น้ำหนักลดลงและมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
- วิธีนี้ใช้มานานหลายทศวรรษและได้รับการแนะนำจากแพทย์หลายคน เพราะแป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลดังนั้นมีการวิจัยมากมายที่สรุปผลการวิจัยว่าน้ำตาลนั้นมีโทษต่อร่างกาย
- การลดน้ำหนักแบบลดคาร์โบไฮเดรตนั้นอาจไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี่ แต่สิ่งที่ควรทำคือคุณควรกินอาหารให้ครบหมู่เพื่อให้ได้อาหารที่ครบถ้วนมีคุณค่าทางโภชนาการและอิ่มท้องแต่ให้พิจรณาการรับสารอาหารจำพวกแป้งมากกว่า สารอาหารชนิดอื่นๆค่ะ
- ซึ่งการลดน้ำหนักด้วยการลดหรือจำกัดปริมานการทานแป้งนั้นควรเรียนรู้ เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและการปรับใช้วิธีนี้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป้าหมายในการลดน้ำหนักเฉพาะบุคคลให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุดนะคะ
เทคนิคการ และ วิธีลดน้ำหนักรูปแบบนี้ คือ
1 เน้นกิน: เนื้อปลาไข่ผักที่เติบโตจากพื้นดินและไขมันธรรมชาติ (เช่นเนย)
2 หลีกเลี่ยง: อาหารประเภทน้ำตาลและแป้ง (เช่นขนมปังพาสต้าข้าวถั่วและมันฝรั่ง)
กินเมื่อคุณหิวและหยุดเมื่อคุณพอใจ อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูง่าย และคุณไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี่หรือรู้คุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปแต่ให้พิจรณาเฉพาะอาหารจำพวกแป้งให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่า คุณแม่และสาวๆ คงได้ไอเดียในการลดน้ำหนักในรูปแบบต่างๆไม่มากก็น้อย และขอแนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลการลดน้ำหนักแต่ละแบบ เพื่อปรับให้เข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณแม่และสาวๆแต่ละท่านนะคะ
สุดท้ายนี้ วิธีลดน้ำหนักแต่ละแบบที่เราหยิบยกมานั้น ย่อมครอบคลุมเป้าหมายหลักของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ รวมทั้งช่วงเวลานี้ ขณะคุณแม่หรือสาวๆทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home ได้แน่นอน ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ชีวิตในช่วงเวลากักตัว หรือช่วงเวลาที่ต้องทำงานที่บ้านในระยะยาว แต่ประโยชน์และประเด็นสำคัญคือการ ลดน้ำหนักแบบยั่งยืน ไม่โยโย่ และส่งผลต่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ที่มา : healthline
บทความที่น่าสนใจ :
ลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ด้วยเคล็ดลับ 25 ข้อ ลดน้ำหนักไวพร้อมปรับสุขภาพของคุณ
โปรไบโอติกสามารถช่วยคุณลดน้ำหนัก และไขมันหน้าท้องได้อย่างไร
ลดน้ำหนักแบบBalanced Diet ได้ผลและทำให้สุขภาพดีระยะยาวจริงหรือไม่?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!