สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทํากับลูก ทำแล้วเกิดผลเสียต่อเด็ก
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทํากับลูก เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข เป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนต้องให้ความใส่ใจ อย่าเอาความหวังดีของพ่อแม่ที่รักลูก ตามใจลูกมากเกินไป มาทำลายลูกเพียงเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของลูกไปนานๆ ด้วยความที่ยังไงผู้ใหญ่ก็มักจะเห็นว่าลูกหลานเป็นเด็กอยู่เสมอ ใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ ให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามให้เด็กทำอะไรเองซะบ้าง ก่อนที่จะสายเกินไป ทาง TheAsianparent มีเทคนิคดีๆ ในการเลี้ยงลูกให้มีความสุขมาฝากค่ะ
เลิกคิดว่าเด็ก ยังไงก็เป็นเด็ก
ความรักที่พ่อแม่ให้ลูกเป็นสิ่งที่ดี แต่ขอบอกก่อนว่าพ่อแม่ควรที่จะรักลูกอย่างมีสติ ปล่อยให้เด็กได้ทำอะไรเองบ้าง และช่วยเหลือลูกน้อยในเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น เพราะถ้าเด็กเล็กเกินไปอาจยังไม่เข้าว่าตัวเองต้องทำอะไร ตอนนี้แหละที่พ่อแม่ควรเข้าไปบอกไปสอน บอกลูกถึงสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ อะไรที่ลูกทำได้ ทำไม่ได้
เมื่อลูกโตขึ้นมาอีกหน่อย การที่พ่อแม่เข้าไปมีส่วนร่วม หรือชี้นำให้ลูกคิด หรือตัดสินใจแทนลูก รู้ไหมว่าการทำแบบนี้เท่ากับการปิดกั้นไม่ให้เด็กมีการพัฒนาทางความคิดและการตัดสินใจเองได้ ทำให้เด็กเกิดความเคยชิน เมื่อถึงเวลาคับขันก็ทำอะไรไม่ถูก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และกลายไปเป็นนิสัยตอนโตขึ้น
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทํากับลูก
ห่วงลูกมากเกินไป เหมือนไข่ในหิน
พ่อแม่ทุกคนย่ิมรักและหวงลูกเป้นธรรมดา แต่การที่รักลูกมากไป ทำทุกอย่างแทนลูกจนบางครั้งเด็กขาดการยอมรับในตนเอง เมื่อเจอสถานการณ์ดังกล่าวลำพัง ลูกก็ไม่มีความมั่นใจในการตัดสินใจ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าทำอะไร สาเหตุมาจากที่พ่อแม่คิดว่าลูกเรายังไม่พร้อมที่จะทำอะไรเอง เมื่อเวลาผ่านไป เด็กโตขึ้น เขาก็จะรับรู้ว่า ตัวเองยังทำสิ่งนั้นไม่ได้ เพราะพ่อแม่บอกไว้ จนทำให้ลูกกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งนี้ดีหรือไม่ ต้องรอให้พ่อแม่เป็นคนบอกหรืออนุญาตก่อนถึงจะเริ่มทำได้
เด็กบางคน เมื่ออยู่ในภาวะที่พ่อแม่ห้ามทำนู้นทำนี้ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้จริงหรอ ก็จะเริ่มหาวิธีพิสูจน์ตัวเองว่าเขาสามารถทำได้ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีมากกว่าเรื่องดีก็ตาม เพื่อหาเหตุผลว่าตัวเองดี เจ๋ง สามารถทำอะไรก็ได้ เช่น มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยว แต่ต้องหนีเรียนนะ เด็กก็จะคิดว่าถ้าหนีเรียนไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วจะเป็นคนที่เก่ง พอตัวเองไม่เคยไปไหนมาก่อนก็อยากจะลองไปสักครั้ง เพราะอยากเป็นคนเก่งในสายตาเพื่อน เห็นเพื่อนทำได้ก็คิดว่าตัวเองก็น่าจะทำได้เหมือนกัน และถ้าพากันไปทำเรื่องเสื่อมเสียจะยิ่งไปกันใหญ่ เนื่องจากตอนนี้ลูกได้ติดเพื่อนและทำอะไรตามเพื่อนไปหมดแล้ว พอเพื่อนเห็นว่าตัวเองทำตาม เพื่อนในกลุ่มก็ยอมรับ ตัวเด็กก็จะเกิดความรู้สึกดีเพราะคิดว่าพ่อแม่ไม่ยอมรับในตัวเขา
คิดว่าลูกต้องเดินตามรอยพ่อแม่
ความคิดแบบนี้ อาจไม่สามารถใช้ได้กับเด็กทุกคน บางคนมีความแข็งแกร่งพอ แต่บางคนพอโดนบังคับมากๆ สติหลุดก็มี ดังนั้น การที่พ่อแม่คอยวางแผนการดำเนินชีวิตไว้ วางกรอบ วางกฎระเบียบให้ลูกเดินตามแบบไม่มีผ่อนปรน เพื่อให้ลูกได้โตไปเป็นอย่างที่พ่อแม่ต้องการ ให้คนอื่นมาชมตัวเองว่าเลี้ยงลูกดี เป็นหน้าเป็นตาแก่พ่อแม่
เมื่อลูกอยากทำนู้นทำนี้ ก็จะเริ่มห้ามไม่ให้ทำ พอลูกรู้สึกอึดอัด ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ อยากจะมีช่วงเวลาที่อิสระบ้าง พอถึงจุดๆ หนึ่ง ลูกก็จะกลายเป็นคนที่ต่อหน้าอีกอย่าง ลับหลังอีกอย่าง หรือบางคนลุกขึ้นมาโวยวายและทิ้งทุกอย่างไม่ทำตามพ่อแม่อีกต่อไป สิ่งนี้แหละที่จะทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจเพราะคุณทำร้ายลูกไม่รู้ตัว ทางที่ดีต้องพูดคุยกับลูก หาจุดพอดี ให้ลูกได้มีความคิดที่เป็นอิสระตามวัยบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทํากับลูกน้อย
เกิดปัญหาอย่างไร เมื่อลูกโตขึ้น
อีกครอบครัวหนึ่ง มีลูกเป็นเด็กชายวัยก่อนวัยรุ่น มีปัญหากังวลใจ ไม่มั่นใจในตัวเอง เด็กเป็นเด็กที่เรียนดีมาก ไอคิวสูงกว่ามาตรฐาน แต่ไม่ค่อยกล้าเวลาออกไปพรีเซนต์งานหน้าห้อง พอออกไปก็จะมีอาการใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง มือเย็นเท้าเย็น และมักตื่นเต้นเวลาที่ต้องทำอะไรใหม่ๆ ไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรเอง แม่เล่าว่า จริงๆ แล้วลูกเป็นเด็กฉลาด ร่าเริงดี แต่ติดต้องให้แม่ทำอะไรๆ ให้มาตลอด พอบอกให้ทำเองก็ไม่ทำ แม่ต้องเป็นคนทำให้
เมื่อถามย้อนกลับไป แม่เล่าว่าแต่เดิม ลูกไม่ค่อยได้ช่วยเหลือตัวเอง เพราะตอนเด็กๆ ป่วยเป็นโรคหอบ ทำให้พ่อแม่ดูแลทำให้ทุกเรื่อง กลัวว่าถ้าลูกทำอะไรเองจะเจ็บป่วย ตอนลูกยังเล็กหลายครั้งที่เค้าพยายามจะทำอะไรเอง แต่แม่ไม่ยอม พอโตขึ้นมาก็อยากให้ลูกฝึก ให้ลูกลอง แต่เหมือนว่ามันช้าเกินไป เด็กเลยกลายเป็นคนที่ไม่กล้าจะทำอะไร และกลัวไปหมด
รักลูกอย่างไรให้พอดี
ความรักเป็นสิ่งที่ดี เด็กทุกคนต้องการการดูแล เอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ควรจะปล่อยโอกาสให้ลูกได้ฝึกที่จะทำอะไรเองบ้าง ซึ่งต้องดูตามความเหมาะสมตามวัยของลูก โดยที่คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ลูกทำอะไรลำพัง เพราะบางครั้งลูกก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่เช่นกัน แต่ก่อนที่พ่อแม่จะเข้าไปช่วยเหลือ ต้องดูก่อนว่าลูกเราพยายามเต็มที่แล้วหรือยัง หากเกินความสามารถของเด็กก็ให้รีบเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมกับสอนวิธีการแก้ปัญหาด้วย เพื่อให้เขาเกิดการเรียนรู้แล้วนำมาปรับใช้ในอนาคต
พ่อแม่ต้องเชื่อมั่นในตัวลูก ต้องคิดว่าลูกเราต้องทำได้ ให้เขาได้ใช้ความคิด ฝึกลองทักษะต่างๆ ในการเอาตัวรอด เมื่อลูกทำงานที่มอบหมายสำเร็จ หรือทำกิจกรรมที่ลูกอยากทำได้แล้ว พ่อแม่ก็ควรชมลูก เพื่อให้เขาเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับตนเองของเด็กได้ โดยที่ไม่ต้องไปแสวงหาการยอมรับจากภายนอก โดยเฉพาะเพื่อนเพราะจะนำพาลูกเราไปในทางที่ไม่ดีค่อนข้างสูง
ที่มา: สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
ควรให้ลูกเริ่มหย่านมแม่เมื่อไหร่ดี?
เลี้ยงลูกมันเหนื่อยจริง! พ่อแม่ทุกคนมีสิทธิ์เป็น โรคซึมเศร้า เราจะทำยังไงดี
พฤติกรรมผิดๆ ที่พ่อแม่ใช้เลี้ยงลูกวัย 2 ขวบ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!