X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที

บทความ 3 นาที
วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด เคล็ดลับที่ทำให้ลูกเก่ง มีพัฒนาการที่ดี เริ่มได้ตั้งแต่แรกเกิดเป็นต้นไป เคล็ดลับดีๆ ที่อยากบอกต่อพ่อแม่ทุกคน

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที

พัฒนาการทารก โดยเฉพาะเด็กขวบปีแรกเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต และยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองมากที่สุด แต่เด็กน้อยหลายคนได้พลาดกิจกรรมในการเสริมสร้างทักษะการอ่านและการพูด

ดร. จอห์น ฮัตตั้น นักกุมารแพทย์และนักวิจัยด้านคลินิกของโรงพยาบาลเด็กซินซินนาติ กล่าวว่า “ผลการวิจัยที่น่าแปลกใจก็คือเด็กโตที่อายุ 6 ถึง 8 ขวบ ประมาณสองในสามของครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือเป็นประจำ มันเหมือนกับว่าพ่อแม่ไม่ได้ฝึกให้ลูกได้อ่านออกเสียงในช่วงอายุดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด

อ่านหนังสือแค่วันละ 15 นาทีก็พอแล้ว

คุณหมอได้บอกว่า การอ่านประมาณ 15 นาที นั่นสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิดเป็นต้นไป โดยพ่อแม่สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อน จากงานวิจัยจาก American Academy of Pediatrics พบว่า การให้เด็กอ่านหนังสือในวัยเด็กช่วยเพิ่มคำศัพท์ เพิ่มทักษะการอ่านก่อนที่จะเข้าโรงเรียน และการเสริมสร้างลักษะนิสัยด้วย

พ่อแม่ต้องเน้นเกี่ยวกับการสร้างกิจวัตรประจำวันที่มีเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวันของลูกน้อย เพราะจะทำให้เด็กได้รู้สึกว่าตนได้รับความรัก ความเอาใจใส่ และได้คุ้นเคยกับเสียงของแม่อีกด้วย ทั้งยังสามารถที่จะเริ่มสร้างทักษะทางภาษาในช่วงต้นและความรู้สึกที่สอดคล้องกันได้ด้วย

เมื่อเด็กๆ โตขึ้น การอ่านนออกเสียงเป็นมากกว่ากระบวนการกลับไปกลับมาเพราะเด็กจะเข้ามามีส่วนร่วม มีการชี้ไปที่ภาพ และการอ่านทวนคำซ้ำๆ ดังนั้น พ่อแม่ต้องใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยเรื่องราวที่มีมากกว่าแค่ในหนังสือตรงหน้า โดยพยายามตั้งคำถามเยอะๆ หน่อย เพื่อให้ลูกน้อยได้นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

Advertisement

คุณหมอบอกว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าตนเองไม่ว่าง ไม่สามารถอ่านหรือพูดคุยกับลูกได้นานๆ แต่แท้จริงแล้ว ใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็พอที่จะทำให้เด็กๆ ได้ประโยชน์จากการอ่านพร้อมกับพ่อแม่แล้ว แต่คุณสามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้เสมอ หากวันไหนมีเวลากับลูกหน่อยก็สามารถอ่านหนังสือด้วยกันได้นาน อาจจะประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนวันไหนที่ไม่มีเวลาก็ทำแค่ 15 นาทีพอ ที่สำคัญต้องอย่าลืมว่าต้องอ่านด้วยกันทุกวันถึงจะดีที่สุด

วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด

วิธีพัฒนาสมองลูก

เทคนิคอ่านหนังสือกับลูก

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า คุณแม่สามารถเริ่มอ่านให้ลูกน้อยฟังได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิด อาจแบ่งเวลาอ่านเป็น 3 ช่วง เช่น หลังกินข้าว ก่อนนอนตอนกลางวัน หรือ ก่อนเข้านอนกลางคืน แต่ถ้าวันไหนที่ลูกอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากจะฟัง คุณแม่ก็อย่าไปบังคับลูกเพราะจะทำให้ลูกมีทัศนคติที่ไม่ดีกับการฟังนิทานอีกต่อไป ทั้งยังไม่ควรดุหรือว่าลูก หรือห้ามลูกไม่ให้เดินไปเดินมาระหว่างที่กำลังเล่านิทาน ถ้าหากมีตอนที่ตื่นเต้น ลูกจะสนใจและจะเข้ามาฟังใกล้ๆ เอง

สำหรับหนังสือที่ใช้ แนะนำให้เลือกรูปภาพใหญ่ๆ ที่มีสีสันสดใส เนื้อหาเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความจดจำได้ง่ายและติดหู หากมีเพลงได้ก็จะดีเพราะเด็กๆ มักจะชื่นชอบเสียงเพลง หรือแม้แต่หนังสือที่มีการสัมผัส

ถ้าลูกมีอายุ 9 เดือนขึ้นไป วัยนี้เด็กจะเริ่มแสดงความต้องการเป็นของตัวเอง ทำให้บางครั้งก็อยากที่จะถือและอยากจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเอง ถ้าลูกมีพฤติกรรมแบบนี้คุณแม่ก็อย่าลืมเตรียมหนังสือให้ลูกไว้อีกเล่ม เด็ก ๆจะได้มีไว้ถือเล่น เปิดเล่นได้ตามที่ต้องการ

เวลาพ่อแม่อ่านหนังสือต้องแสดงออกทั้งท่าทาง สีหน้า และน้ำเสียงตามอารมณ์ของเรื่อง โดยใช้เสียงโทนสูงต่ำ และพยายามเปลี่ยนเสียงไปตามตัวละคร แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือตามทุกตัวอักษร อาจมีการดัดเปลี่ยนไปบ้างตามความรู้สึกในขณะนั้น แลละทำเสียงเป็นสัตว์ต่างๆ เพื่อให้ลูกน้อยเกิดความสนใจ แล้วคุณก็สามารถที่จะถามคำถามกับลูกได้

เด็กจะเกิดการเลียนแบบและเรียนรู้จากการกระทำของพ่อแม่ซ้ำๆ เมื่อลูกน้อยโตขึ้นก็จะสามารถติดนิสัยการอ่านหนังสือไปได้เอง

 

ที่มา: wtop.com . เพจสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:

พี่อิจฉาน้อง หวงแม่และกลัวถูกแย่งความรัก อาการเหล่านี้จัดการอย่างไร

ลูกชอบตีหัวตัวเอง เอาหัวโขกพื้น จะเป็นอันตรายไหม?

ลูกจามบ่อย เป็นอะไรไหม สังเกตอย่างไรว่าจามเพราะฝุ่นหรือลูกไม่สบาย

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Khunsiri

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที
แชร์ :
  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เทคนิคเลี้ยงลูกตามวัย สร้างสายใยไว้ใจ เลี้ยงลูกยังไง ให้กล้าคุยกับพ่อแม่

    เทคนิคเลี้ยงลูกตามวัย สร้างสายใยไว้ใจ เลี้ยงลูกยังไง ให้กล้าคุยกับพ่อแม่

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เทคนิคเลี้ยงลูกตามวัย สร้างสายใยไว้ใจ เลี้ยงลูกยังไง ให้กล้าคุยกับพ่อแม่

    เทคนิคเลี้ยงลูกตามวัย สร้างสายใยไว้ใจ เลี้ยงลูกยังไง ให้กล้าคุยกับพ่อแม่

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว