สำหรับคุณแม่เวิร์กกิ้งวูแม่นที่รู้ตัวว่าเริ่มตั้งครรภ์ สิ่งที่ควรจะเริ่มทำก็คือ การวางแผนการลาคลอดไว้เสียแต่เนิ่น แต่คุณแม่บางคนก็อยากจะทำงานให้ดีที่สุด เผลอ ๆ ก็ไปลาใกล้วันกำหนดคลอด จริง ๆ แล้วคุณแม่ควร ลาคลอดตอนกี่สัปดาห์ หรือไปลาใกล้วันกำหนดคลอดเอาเลย เรามาดูกันค่ะ
รู้จักกฎหมายลาคลอด
กฎหมายกำหนดให้ผู้หญิงลาได้นานถึง 90 วัน ในระหว่างลาคลอดนายจ้างต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติ แต่กฎหมายกำหนดให้นายจ้างจ่ายเพียงครึ่งเดียวคือ 45 วัน และสามารถเบิกประกันสังคมได้อีกครึ่งหนึ่ง จึงทำให้คุณไม่ขาดรายได้ระหว่างลาคลอด นอกจากนี้ประกันสังคมยังกำหนดอัตราการจ่ายเพิ่มเติมให้อีกท้องละ 4,000 บาท แต่คนหนึ่งเบิกได้ไม่เกินสองท้องเท่านั้นค่ะ
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีนโยบายสนับสนุนให้ ข้าราชการหญิงสามารถลาคลอดต่อเนื่องจาก 90 วัน เป็น 180 วัน เพื่อให้แม่ยุคใหม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด และขยายสิทธิให้พ่อลางานเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงลูกหลังคลอด และได้รับค่าแรงจากนายจ้าง จาก 15 วัน เป็น 30 วัน เพื่อส่งเสริมความอบอุ่นสถาบันครอบครัวอีกด้วย
ผู้หญิงทำงานเมื่อตั้งครรภ์แล้ว จะทำงานต่อดีไหม
ก่อนที่คุณจะตั้งครรภ์ คุณก็ทำงานในสำนักงานตามปกติจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณไปแล้ว คุณอาจจะทำต่อไปก็ได้ แต่ทำนานขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วล่ะค่ะ คุณอาจจะอยากทำงานต่อไปหลังจากที่รู้ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์ ผู้หญิงส่วนมากมองว่า การทำงานระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ การทำงานทำให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจในตัวเอง นอกจากนี้ พวกเธอยังรู้สึกว่า การตั้งครรภ์ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปมากนัก แน่นอนว่าไม่มีใครอยากปฏิเสธเงินที่เข้ากระเป๋าสักหน่อย
บทความที่เกี่ยวข้อง : กลับไปทำงานหลังคลอด หรืออยู่เลี้ยงลูกที่บ้านดี แบบไหนที่จะทำให้ลูกมีความสุข
ลาคลอดเมื่อไหร่ดี
แม่ท้องที่ทำงานหลายคนยังลังเลใจ จะขอลาคลอดตอนสัปดาห์ที่เท่าไหร่ดี ยิ่งท้องแก่ใกล้วันกำหนดคลอดมาแล้ว ร่างกายในส่วนต่าง ๆ ของคุณแม่จะต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ และข้อต่อต่าง ๆ ก็ต้องทำงานหนักขึ้นด้วย ดังนั้นการได้มีเวลาพักผ่อนเยอะ ๆ ให้ไม่เครียดจนเกินไป การเตรียมตัวเพื่อลาคลอดจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
คุณหมอส่วนใหญ่แนะนำให้คุณแม่วางแผนลาพักงานในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ หรือมีเวลา 1 เดือนก่อนคลอด เพื่อที่จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ให้ร่างกายพร้อมสู่วันกำหนดคลอด และมีเวลาเตรียมตัวจัดกระเป๋า จัดของลูก จัดการเรื่องต่าง ๆ ในช่วงโค้งสุดท้าย หรือหากคุณแม่คนขยันกังวลเรื่องงาน โดยทั่วไปมักจะใช้สิทธิลาคลอดในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนถึงวันกำหนดคลอด
วางแผนลาคลอดอย่างไรดี
การลาคลอดหรือสิทธิการลาหลังคลอดนั้น ในกฎหมายใหม่จาก พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 “ให้ลูกจ้างหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาตรวจครรภ์ กฎหมายเดิมให้ลาเพื่อการคลอดบุตร 90 วัน มีการตีความกฎหมายใหม่และแก้ไขให้มีความชัดเจนว่า ลาเพื่อไปตรวจครรภ์ระหว่างที่ยังตั้งครรภ์ได้รวมระยะเวลา 90 วัน เป็นการใช้สิทธิร่วมกับลาคลอดเดิมนั่นเอง โดยลูกจ้างได้ค่าแรง 45 วันจากประกันสังคม และ 45 วันจากนายจ้าง รวมได้ค่าจ้างครบ 90 วันเต็ม”
แต่ทั้งนี้บางแห่งก็ยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและสวัสดิการของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งคุณแม่ควรสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลากิจตลอดจนลาคลอดของบริษัทตัวเองให้ดีก่อนที่จะขอลาคลอด พร้อมทั้งปรึกษาแผนกทรัพยากรบุคคล เกี่ยวกับสิทธิในการลาคลอด หรือประโยชน์ที่พึงจะได้รับระหว่างการลาคลอดบุตร
บทความที่เกี่ยวข้อง : เพิ่มวันลาคลอด ลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ ลาก่อนคลอด-หลังคลอด ได้เพิ่มขึ้นกี่วัน เช็กเลย!
เมื่อไหร่ที่ควรลาคลอด
ผู้หญิงทุกคนควรตัดสินใจเองว่า ควรจะลาคลอดเมื่อไหร่ บางคนสามารถทำงานได้จนวินาทีสุดท้ายก่อนคลอดลูก แต่บางคนก็ต้องลาคลอดเร็วขึ้นมาสักหน่อย ขึ้นอยู่กับการปรับตัวในการตั้งครรภ์ของร่างกายแต่ละคน นอกจากนี้สุขภาพและปัจจัยอื่น ๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
คุณอาจจะเลือกทำงานต่อ แทนที่จะออกมาเตรียมตัวเป็นแม่ และใช้เวลากับลูกในท้องให้เต็มที่ หรือใช้เวลากับตัวเองก่อนคลอด ผู้หญิงส่วนมากเลือกที่จะลาคลอด 2 อาทิตย์ ก่อนถึงกำหนดคลอดเพื่อเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นก่อนลูกเกิด อีกอย่างช่วงใกล้คลอด ก็อาจจะทำให้คุณไม่มีสมาธิทำงานสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าคุณอาจจะตื่นเต้น หรืออาจจะเจ็บท้องเตือนบ่อยครั้ง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่า คุณจะหยุดเมื่อไหร่ให้ลองพิจารณาจากปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ สุขภาพของคุณและลูก
สุขภาพของว่าที่คุณแม่
ผลการวิจัยพบว่า สตรีมีครรภ์ที่มีความเครียดมีความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ นั่นก็หมายความว่า งานที่เครียดก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อการตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณจะเคยชินกับงานที่ทำอยู่แล้ว แต่ระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายมีวิธีรับมือกับสถานการณ์ความเครียดที่ต่างออกไป ระดับฮอร์โมนเพิ่มสูงขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์อยู่แล้ว ดังนั้น ฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวันย่อมอันตรายต่อคุณ และลูกในท้อง
บรรยากาศของการทำงานบางแห่ง ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ของคุณ เช่น การทำงานที่ยาวนานต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงกลางคืน การยืนเป็นเวลานาน ทำงานกับสารเคมี หรืองานที่ต้องใช้แรง และการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก
หากคุณพบว่าคุณทำงานที่มีความเครียดสูง และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ของคุณ ลองคุยกับเจ้านาย หรือเจ้าของกิจการเพื่อลองหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้คุณระหว่างตั้งครรภ์ บางครั้งคุณหมออาจแนะนำให้หยุดทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ยังไม่มาก เพราะมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่ส่งผลต่อสุขภาพของคุณและลูกในท้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง : สิทธิแม่ลาคลอด 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 80
วิธีป้องกันสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์
ไม่ว่าคุณจะทำงาน หรือไม่ทำงานในระหว่างตั้งครรภ์ก็ตาม คุณควรดูแลสุขภาพของคุณระหว่างตั้งครรภ์ตามวิธีต่อไปนี้
- พยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่สร้างความเครียดให้คุณ คุณอาจจะขอทำงานที่บ้านอาทิตย์ละ 2-3 วัน หรือ เปลี่ยนมาเป็นทำงานพิเศษแทนการทำงานประจำ หากบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการทำงานค่อนข้างตึงเครียด
- คุณอาจจะขอลางานในช่วงไตรมาสแรก หากคุณมีอาการแพ้ท้องที่รุนแรง แต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 คุณจะรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นและ สามารถกลับไปทำงานต่อได้
- หลีกเลี่ยงการยืนและนั่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดื่มน้ำเยอะ ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตลอดวัน
หากคุณรู้สึกว่าร่างกายของคุณไม่แข็งแรงขณะตั้งครรภ์ คุณอาจต้องหยุดทำงานเพื่อความปลอดภัยของคุณและลูก
คุณแม่ควรตัดสินใจเองว่าควรลาออกเมื่อไหร่ เพราะบางคนอาจทำงานได้จนถึงช่วงใกล้คลอด แต่บางคนอาจต้องลาคลอดไวหน่อย เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปัจจัยสำคัญคือการพิจารณาสุขภาพของตัวคุณแม่เองว่าไหวหรือไม่ หากมีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อย ก็ต้องพิจารณาได้แล้วว่าควรลาคลอดแล้วหรือไม่
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลาคลอดเมื่อไหร่ดี? แล้ว กฎหมายคุ้มครองผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง?
ช่องทางหารายได้ช่วงลาคลอด หาเงินจากไหนดี? สวัสดิการรัฐช่วยอะไรบ้าง?
ห้องคลอด น่ากลัวมั้ย มีอะไรในห้องคลอดบ้าง ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนเข้าห้องคลอด
ที่มา : Nationtv, siamsafety
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!