โรคเริมในเด็ก
นี่ไม่ใช่โรคผิวหนังอักเสบ แต่มันคือ โรคเริมในเด็ก รุนแรง! ทำให้ลูกเสียชีวิตได้เลย มารู้จักอาการโรคเริมในเด็ก และสาเหตุของโรคเริม เกิดจากอะไร ทำยังไงลูกถึงติดโรคเริม
หนูติดโรคเริมจากพ่อค่ะ
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกส โดยเว็บไซต์ เดอะซัน ได้นำเสนอข่าวคราวของเด็กสาวตัวน้อย วัยเพียง 3 ขวบ ต้องทนทรมานกับอาการผื่นคันตามผิวหนัง
จากสภาพที่เห็น แพทย์ได้วินิจฉัยในเบื้องต้นว่าเธอเป็นโรคผิวหนังอักเสบ และได้จ่ายยาทาปฏิชีวนะ ยาทาสเตียรอยด์ และยาต้านฮีสทามีน เพื่อบรรเทาอาการคัน แต่ยาเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เธอดีขึ้น จนกระทั่งสัปดาห์ต่อมา เธอถูกพาไปยังโรงพยาบาลเดอบรากา
ลูก 3 ขวบ เป็นเริม
แม่ของเด็กน้อยวัย 3 ขวบ เล่าว่า พ่อของเด็ก เป็นโรคเริมจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ โดยเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์นั้นเป็นสาเหตุของหลายโรค ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายที่เชื้อแพร่กระจาย และภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โชคดีที่คุณหมอ เจอโรคที่ถูกต้อง เธอได้รับยาเพื่อรักษาโรคเริม ผื่นคันจึงหายไปใน 10 วัน
ดร.ไอเนส มีเดโรส คุณหมอผู้รักษาเด็กหญิงวัยสามขวบ อธิบายถึงการติดเชื้อว่า การติดเชื้อโดยทั่วไปจะเกิดบริเวณผิวหนัง ตา ช่องปาก และอวัยวะสืบพันธุ์รวมถึงทวารหนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับการติดเชื้อนั้นสามารถหายได้เอง เว้นเสียแต่ว่า ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำอยู่แล้ว หรือเด็กที่ติดเชื้ออยู่ในวัยทารก
การติดเชื้อจากไวรัสเฮอร์ปีส์
ไวรัสเฮอร์ปีส์ติดได้ง่ายมากในเด็กทารกและเด็กวัยหัดเดิน สามารถติดเชื้อผ่านการสัมผัสผิวหนัง ปากผ่านการจูบ หอม และไม่น่าเชื่อว่า ความรุนแรงของโรค ถึงขั้นคร่าชีวิตคนได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทารกแรกเกิด หรือทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน
ที่มา : https://www.khaosod.co.th
โรคเริมในเด็กไม่ได้ติดต่อด้วยการ “จูบ” เพียงอย่างเดียว
รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ให้ข้อมูลว่า โรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ (Herpes simplex virus หรือ HSV) มี 2 ชนิด คือ ชนิด HSV-1 และ HSV-2 โดย HSV-1 มักก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากและริมฝีปาก HSV-2 มักก่อให้เกิดการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ ระบบประสาท และ โรคเริมชนิดแพร่กระจายทั่วร่างกายในทารกแรกเกิด
HSV ทั้งสองชนิดอาจเป็นสาเหตุติดเชื้อกับเนื้อเยื่อส่วนไหนก็ได้เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลง เช่น ที่เยื่อหุ้มสมอง สมอง ตา เป็นต้น
โรคเริมติดต่อ อย่างไร
- โรคเริมในเด็กแรกเกิดอาจติดจากคุณแม่ได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ แต่มีรายงานการเกิดน้อยมาก ทารกจะมีอาการผื่นหรือแผลเริม ตาอักเสบ และขนาดหัวเล็กกว่าปกติ ส่วนมากโรคเริมในเด็กแรกเกิดมักเกิดจากการติดเชื้อในช่วงระหว่างการคลอดทางช่องคลอด ถ้าขณะคลอดมารดาติดเชื้อนี้ที่อวัยวะเพศ
- โรคเริมในเด็กที่โตกว่าวัยทารกแรกเกิดและผู้ใหญ่มักติดโรคเริมจากการสัมผัสกับแผลที่เป็นโรค, น้ำลาย, หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย จึงเกิดเมื่อสัมผัสใกล้ชิด ใช้ของใช้หรือทานอาหารด้วยภาชนะร่วมกัน การจูบ การกิน ทางเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อจะแทรกเข้าทางเยื่อบุหรือผิวหนังที่ถลอกเป็นแผล
อาการของโรคเริมมีอะไรบ้าง?
อาการของโรคเริมมีได้หลายแบบ ทั้งโรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปาก โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริมแบบแพร่กระจายทั่วตัว และโรคเริมในระบบประสาท เป็นต้น เมื่อเป็นโรคเริมครั้งแรกจะมีอาการรุนแรง แตกต่างจากอาการที่เป็นซ้ำครั้งต่อๆ มา ที่มักเป็นเพียงรอยอักเสบหรือถลอกเล็กน้อย และหายเร็วกว่า โดยเมื่อเป็นครั้งแรกแล้วเชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในปมประสาท และเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เชื้อจะออกมาตามเส้นประสาทและเกิดโรคซ้ำที่ผิวหนังหรือเยื่อบุผิว
โรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปากในเด็กมีอาการอย่างไร?
โรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปากในเด็กมักจะเป็นครั้งแรกจึงมีอาการมากคือ มีรอยบวมแดงบริเวณที่มีการติดเชื้อ ได้แก่ ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปาก เกิดเป็นตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มๆ อย่างรวดเร็ว แตกเป็นแผล ปวด อาจมีต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้รอยโรคอักเสบและโตขึ้น บางคนอาจมีไข้ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว นำมาก่อน
โรคเริมแบบแพร่กระจายทั่วตัวมีอาการอย่างไร? ยาทาเริม
โรคเริมแบบแพร่กระจายทั่วตัวจะมีการติดเชื้อโรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆของร่างกาย เช่น ตับ ปอด และสมอง ทำให้มีอาการตับโต ตาเหลืองตัวเหลือง ปอดอักเสบ ซึม ชัก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรือไม่เสียชีวิตก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาทและสมองอย่างรุนแรงได้ มักพบในทารกแรกเกิดที่ติดเชื้อโรคเริมซึ่งจะมีผื่นที่ผิวหนังและเยื่อบุตาอักเสบ และมีการติดเชื้อในระบบประสาท ร่วมด้วย
การติดเชื้อโรคเริมแบบแพร่กระจายนี้อาจเป็นได้ในเด็กวัยที่โตกว่าทารกแรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวหรือมีภาวะที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม ป้องกันลูกเป็นเริม ห้ามคนอื่น “จูบลูก” อย่างเดียวคงไม่พอ
เห็นอย่างนี้แล้ว พ่อแม่ห้ามประมาท อย่างเด็ดขาด หากลูกมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อให้ได้รับแนวทางการวินิจฉัยที่ถูกต้อง อย่าเสี่ยงซื้อยามาทาเอง หรือป้อนยาลูกเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์นะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทารกป่วยโรคไอกรน สูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง ส่วนใหญ่อายุน้อยกว่า 1 ปี ติดเชื้อจากคนในครอบครัว
เริม ร้อนใน แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนอันตรายกว่ากัน
ส่าไข้ ทารก ไข้ออกผื่น เกิดจากอะไร แม่อาบน้ำให้ลูกได้ไหม ทำยังไงถึงจะหาย
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!