สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) กรมการแพทย์ แนะพ่อแม่ผู้ปกครองตั้งสติและดูแลบุตรหลานเบื้องต้นอย่างถูกวิธีเมื่อเกิดอาการ ลูกชักจากไข้ โดยเน้นย้ำว่าอาการชักส่วนใหญ่มักหยุดได้เองภายใน 3-5 นาที
ลูกชักจากไข้ “ไม่งัด ไม่ง้าง ไม่ถ่าง ไม่กด”
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กฯ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรทำเมื่อ ลูกชักจากไข้ คือตั้งสติ และปฏิบัติดังนี้
- จัดท่า: ให้เด็กนอนตะแคง เพื่อให้ทางเดินหายใจเปิดโล่ง ป้องกันการสำลัก
- เคลียร์พื้นที่: นำสิ่งของอันตรายรอบข้างออก เพื่อป้องกันการกระแทกระหว่างชัก
- ห้ามเด็ดขาด: ห้ามงัด ง้าง ถ่าง กด หรือพยายามนำสิ่งใดๆ เข้าปากเด็กขณะชัก เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือสำลักได้
- สังเกตและจับเวลา: หากอาการชักไม่หยุดเองภายใน 3-5 นาที ให้รีบโทรสายด่วน 1669 ทันที
“ชักจากไข้” ไม่ใช่ “โรคลมชัก”
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบายว่า ภาวะชักจากไข้ (Febrile Seizures) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก และโดยทั่วไปไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการหรือการเรียนรู้
ชักจากไข้ VSโรคลมชัก ต่างกันอย่างไร
ชักจากไข้: เกิดขึ้นเมื่อมีไข้สูงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกินยากันชักต่อเนื่อง
โรคลมชัก: อาการชักเกิดขึ้นได้โดย ไม่มีไข้ มักเกิดซ้ำ และจำเป็นต้องกินยากันชักต่อเนื่อง
แม้ว่าเด็กที่ชักจากไข้จะมีโอกาสพัฒนาเป็นโรคลมชักในอนาคตได้ แต่ก็พบน้อยมาก แพทย์ต้องประเมินให้แน่ใจว่าอาการชักและไข้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในสมอง ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
การป้องกันและดูแลเมื่อ ลูกมีไข้
นายแพทย์กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล กุมารแพทย์ประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กฯ กล่าวว่า 80% ของอาการชักจากไข้มักเกิดขึ้นในวันแรกที่มีไข้ ดังนั้นการดูแลลดไข้จึงสำคัญมาก
- ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลทุก 4-6 ชั่วโมง
- เช็ดตัวลดไข้ร่วมด้วย โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หากเด็กมีอาการซึมลง แม้ยังไม่ชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
โดยสรุป อาการชักระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีผลต่อสมอง แต่หากชักนานอาจส่งผลกระทบได้ ทั้งนี้ โอกาสชักซ้ำพบได้ประมาณ 30-50% ขึ้นอยู่กับอายุที่ชักครั้งแรก

จากข่าวที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) ได้ออกมาให้คำแนะนำผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีรับมือเมื่อลูกชักจากไข้สูง คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจยิ่งสงสัยว่า จริงๆ แล้ว “ภาวะชักจากไข้” ที่คุณหมอพูดถึงคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงเกิดขึ้นบ่อยในเด็กเล็ก และแตกต่างจากโรคลมชักที่น่ากังวลอย่างไร เรามาทำความเข้าใจภาวะนี้ให้ชัดเจนกันค่ะ
ภาวะชักจากไข้ คืออะไร?
“ภาวะชักจากไข้” (Febrile Seizures) คือ อาการชักที่เกิดขึ้นในเด็กเล็ก โดยมีไข้เป็นตัวกระตุ้น ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของสมองโดยตรง แม้ว่าภาพที่เห็นลูกชักจะดูน่ากลัวมากสำหรับพ่อแม่ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ ภาวะชักจากไข้ชนิดทั่วไป (Simple Febrile Seizures) มักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง และไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการหรือสติปัญญาของลูกในระยะยาว
ช่วงวัยที่พบบ่อย
ภาวะนี้พบบ่อยที่สุดในเด็กเล็กช่วงอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี โดยมักจะพบมากที่สุดในช่วงอายุ 12-18 เดือน (ประมาณ 1 ขวบ ถึง 1 ขวบครึ่ง) หากเด็กโตเกิน 6 ปีแล้วยังมีอาการชัก แพทย์มักจะพิจารณาหาสาเหตุอื่นนอกเหนือจากภาวะชักจากไข้
ลูกชักจากไข้ สาเหตุที่แท้จริง
สาเหตุเกิดจากสมองของเด็กในวัยนี้ยังพัฒนาไม่เต็มที่ และไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (ไข้สูง) โดยไข้มักเกิดจาก
- การติดเชื้อไวรัส (พบบ่อยที่สุด): เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่ หรือโดยเฉพาะโรคส่าไข้ (Roseola) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เด็กมีไข้สูงจัด 3-5 วัน แล้วไข้จะลดลงพร้อมกับมีผื่นขึ้น (หลายครั้งที่เด็กมาชักจากไข้สูงของโรคส่าไข้ ก่อนที่ผื่นจะขึ้นเสียอีก)
- การติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือ หูชั้นกลางอักเสบ ก็สามารถทำให้ไข้สูงและชักได้
- ไข้หลังรับวัคซีน: สามารถเกิดขึ้นได้ แต่พบน้อยมาก
ภาวะชักจากไข้ ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ดูแลลูกไม่ดีหรือไม่รีบเช็ดตัว แต่เป็นปฏิกิริยาของสมองเด็กที่ตอบสนองต่อไข้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ที่แม่ๆ สงสัย
Q1: ลูกชักจากไข้ อันตรายถึงชีวิตหรือไม่? มีผลต่อสมองหรือพัฒนาการไหม?
A: โดยทั่วไป ภาวะชักจากไข้แบบสั้นๆ ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และไม่มีผลกระทบต่อสมอง สติปัญญา หรือพัฒนาการของเด็กในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากเป็นการชักแบบซับซ้อน ชักนานเกิน 15 นาที หรือชักซ้ำ อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
Q2: ทำไมถึงห้ามงัดปาก หรือป้อนยา/น้ำ ตอนที่ลูกกำลังชัก?
A: เพราะการพยายามงัดปากหรือใส่สิ่งของเข้าไป อาจทำให้ฟันหัก บาดเจ็บในช่องปาก หรือสิ่งของนั้นอาจหลุดลงไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การป้อนยาหรือน้ำขณะที่เด็กไม่รู้สึกตัว จะทำให้เกิดการสำลักลงปอด ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งและอาจทำให้ปอดติดเชื้อรุนแรงได้
Q3: ลูกเคยชักจากไข้แล้ว จะเป็นอีกไหม?
A: มีโอกาสชักซ้ำได้ค่ะ ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กฯ ระบุว่า โอกาสชักซ้ำพบได้ประมาณ 30-50% ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชักซ้ำได้ง่ายขึ้น คือ:
- เริ่มชักครั้งแรกเมื่ออายุน้อยกว่า 18 เดือน
- มีประวัติคนในครอบครัว (พ่อแม่พี่น้อง) เคยชักจากไข้
- ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีไข้จนถึงตอนชักสั้น เช่น มีไข้ไม่กี่ชั่วโมงก็ชักเลย
Q4: ชักจากไข้บ่อยๆ ลูกจะกลายเป็นโรคลมชักไหม?
A: เด็กส่วนใหญ่ที่ชักจากไข้ จะไม่กลายเป็นโรคลมชัก โอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นโรคลมชักในอนาคตนั้นพบน้อยมาก ประมาณ 2-7% ซึ่งใกล้เคียงกับเด็กทั่วไป แต่สูงกว่าเล็กน้อย โรคลมชักคือภาวะที่ชักซ้ำโดย “ไม่มีไข้” เป็นตัวกระตุ้น
Q5: ถ้าลูกชักครั้งแรก ต้องไปโรงพยาบาลหรือไม่?
A: ควรไปพบแพทย์ทุกครั้ง โดยเฉพาะหากเป็นการชักครั้งแรก เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงของไข้ และตรวจแยกโรคที่อันตรายร้ายแรง (แม้จะพบน้อย) เช่น ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือการติดเชื้อในสมอง ซึ่งมีอาการไข้และชักได้เช่นกัน
การเตรียมพร้อมศึกษาวิธีดูแลลูกเมื่อ ลูกชักจากไข้ ไว้ล่วงหน้า เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ เพราะจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือได้อย่างมีสติ สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกวิธี และสบายใจได้ว่าลูกจะปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสมองในระยะยาวค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
หมอวิเคราะห์สาเหตุ! เด็ก 7 ขวบ หัวใจหยุดเต้นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
วิธีดูแลลูกเมื่อมีไข้ โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ฉบับอัพเดทล่าสุด!
ลูกไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันไข้ไม่มี ทำไมกลางคืนกลับตัวร้อนจี๋อีกแล้ว?
ที่มา
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!