TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

เตรียมร่างกายก่อน คลอดธรรมชาติ 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 79

บทความ 5 นาที
เตรียมร่างกายก่อน คลอดธรรมชาติ 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 79

พบกันอีกครั้งกับ 100 สิ่งที่แม่ท้องต้องรู้ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการคลอดบุตร เพราะคุณแม่มือใหม่หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี ซึ่งจริง ๆ แล้วการคลอดทั้งสองแบบนี้อาจขึ้นอยู่ดุลพินิจของแพทย์ด้วย บทความนี้จะพาคุณแม่มาดูกันว่า คลอดธรรมชาติ ดีอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง และควรเตรียมอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันค่ะ

 

คลอดธรรมชาติ คืออะไร

คลอดธรรมชาติ หมายถึง การคลอดลูกเองโดยไม่ใช้การผ่าตัด ซึ่งอาจจะมีการใช้ยา ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะคลอด หรือใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คุณแม่ในการคลอดด้วย ทั้งนี้ควรปรึกษากับแพทย์ เกี่ยวกับวิธีการคลอดเสียก่อน คุณแม่ที่มีภาวะครรภ์ที่มีความเสี่ยงน้อยหลายคนสามารถเลือกคลอดธรรมชาติได้ ทว่าในครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง คลอดธรรมชาติ ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย แพทย์จึงอาจแนะนำให้ใช้การผ่าคลอดแทน

 

คลอดธรรมชาติดีอย่างไร

  • มีโอกาสเกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงจากการทำคลอดต่อแม่ และเด็กได้น้อย
  • รู้สึกตัวและตื่นตัวตลอดเวลาขณะคลอด คุณแม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และสามารถขยับเปลี่ยนท่าทางที่ช่วยให้รู้สึกสบาย และยังมีส่วนร่วมในการกระบวนการคลอดเมื่อถึงเวลาต้องเบ่งลูกออกมา
  • พ่อของเด็กอาจสามารถอยู่ใกล้ ๆ เพื่อเป็นกำลังใจและช่วยภรรยารับมือกับความเจ็บปวดจากการคลอดได้
  • คุณแม่รู้สึกมีพลัง และเกิดความภูมิใจเมื่อคลอดสำเร็จ

 

เตรียมตัวคลอดธรรมชาติอย่างไร

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทั้งหลายควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการคลอดลูก ทั้งการคลอดแบบธรรมชาติ และการผ่าคลอด รวมถึงวิธีบรรเทาอาการเจ็บขณะคลอดธรรมชาติ โดยนำมาฝึกปฏิบัติระหว่างเตรียมคลอดเพื่อให้ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วขณะคลอด การเตรียมตัว และศึกษาไว้ก่อนอาจช่วยคลายความเครียด เพราะความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นก่อนคลอดนั้น สามารถส่งผลให้การคลอดล่าช้าลง เนื่องจากระดับฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มขึ้นสูงอาจจะกระทบต่อการหดรัดตัวของมดลูกได้

อย่างไรก็ตาม แม้คุณแม่จะเตรียมพร้อม และมีความมั่นใจในการคลอดธรรมชาติเพียงใด แต่เมื่อการคลอดมาถึงก็อาจมีเหตุจำเป็นให้ไม่สามารถคลอดเอง กลับต้องใช้การผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัยของแม่ และเด็ก เช่นในกรณีที่ทารกไม่อยู่ในท่าเอาหัวลง ทารกตัวใหญ่เกินกว่าจะคลอดทางช่องคลอดได้ หรือเกิดภาวะเครียดของทารกในครรภ์ เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : เตรียมตัวก่อนคลอดลูก ต้องทำอะไรบ้าง? ของสิ่งไหนจำเป็น?

 

คลอดธรรมชาติ

 

ขั้นตอนการคลอดธรรมชาติ

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์พร้อมคลอดทั้งหลายจะต้องเผชิญกับระยะการคลอด 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะที่ 1 ปากมดลูกขยายออกและบางตัวลง

ระยะปากมดลูกเปิดตัวช้า

คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการหดรัดตัวเบา ๆ ของปากมดลูกที่จะเกิดขึ้นครั้งละประมาณ 30-45 วินาที ทุก ๆ 5-30 นาที การหดรัดตัวนี้ส่งผลให้ปากมดลูกเปิดออกและบางตัวลงเพื่อจะให้ทารกเคลื่อนมายังช่องทางการคลอด บางรายปากมดลูกอาจค่อย ๆ ขยายออกประมาณ 3-4 เซนติเมตร มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดท้องคล้ายเป็นประจำเดือน หรือปวดตึง ๆ บริเวณเชิงกราน และอาจสังเกตว่ามีน้ำสีออกชมพูหรือสีปนเลือดถูกขับออกมาด้วย

ในการตั้งครรภ์ครั้งแรก ระยะนี้อาจใช้เวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมง แต่หากไม่ใช่การตั้งครรภ์ครั้งแรกก็มักจะผ่านไปยังระยะต่อไปได้รวดเร็วกว่า โดยในช่วงนี้ คุณแม่จะยังสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อคลายกังวลและเบี่ยงเบนความสนใจอยู่ที่บ้านได้ เช่น ฟังเพลง ดูทีวี ลุกขึ้นเดินเบา ๆ อาบน้ำ ฝึกหายใจเพื่อผ่อนคลาย หรือเปลี่ยนท่าทาง ก็จะช่วยให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น

 

ระยะปากมดลูกเปิดตัวเร็ว

เป็นระยะที่ปากมดลูกจะค่อย ๆ เริ่มหดรัดตัวถี่และรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บที่บริเวณหลังส่วนล่าง ท้อง ต้นขา เกิดตะคริวที่ขา รวมถึงอาการคลื่นไส้ บางรายอาจมีน้ำคร่ำแตกออกมา แต่บางรายที่น้ำคร่ำไม่แตกออกมาก็จะทำให้รู้สึกถึงแรงกดที่หลังยิ่งขึ้น คุณแม่ควรรีบไปโรงพยาบาลเมื่อสังเกตเห็นสัญญาณใกล้คลอดเหล่านี้

ระยะนี้อาจคงอยู่ประมาณ 3-5 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น โดยปากมดลูกจะขยายตัวออกประมาณ 1 เซนติเมตรทุก ๆ 1 ชั่วโมง จากระยะแรก 4 เซนติเมตรเพิ่มเป็นประมาณ 7 เซนติเมตร และบีบรัดตัวครั้งละ 45-60 วินาที ในทุก 3-5 นาที ระหว่างนี้คุณแม่อาจลองใช้วิธีการฝึกหายใจหรือท่าออกกำลังกายแบบผ่อนคลายเพื่อต่อสู้กับความเจ็บที่เพิ่มมากขึ้น และหากขยับตัวได้โดยไม่มีเครื่องตรวจอัลตราซาวนด์ครรภ์ติดที่ท้องก็อาจลองเปลี่ยนท่าทางหรือใช้การนวดผ่อนคลาย

 

ระยะเปลี่ยนผ่าน

เป็นช่วงสุดท้ายของการคลอดระยะที่ 1 ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 20 นาที ไปจนถึง 2 ชั่วโมงหากเป็นการคลอดครั้งแรก แต่ในกรณีที่เคยคลอดลูกมาก่อนแล้วมักเปลี่ยนเข้าสู่ระยะที่ 2 ค่อนข้างเร็ว ในระยะนี้ปากมดลูกจะขยายออก 8-10 เซนติเมตร และมีการหดรัดตัวถี่ขึ้นอีกเป็นครั้งละ 60-90 วินาที ในทุก 0.5-2 นาที จนคุณแม่รู้สึกถึงแรงกดบริเวณหลังส่วนล่างและบริเวณช่องทวารหนัก ระหว่างนี้คุณแม่ที่มีความรู้สึกอยากเบ่งคลอดเกิดขึ้นให้รีบบอกแพทย์ทันที เพราะหากปากมดลูกยังไม่ขยายเต็มที่ แพทย์จะให้คุณแม่กลั้นไว้ก่อน เนื่องจากการเบ่งที่รวดเร็วเกินไปจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า และช่องคลอดบวม ส่งผลให้การคลอดล่าช้าออกไปได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : เรื่องน่ารู้! ขั้นตอนคลอดธรรมชาติ มีวิธีรับมืออย่างไรบ้างสำหรับคุณแม่ใกล้คลอด

 

คลอดธรรมชาติ

 

  • ระยะที่ 2 ระยะเบ่งคลอด

เป็นช่วงเวลาแห่งการคลอดของคุณแม่ที่อาจใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 นาที ไปจนถึง 2-3 ชั่วโมงในการเบ่งคลอด และอาจนานยิ่งขึ้นหากเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก หรือครรภ์ที่คุณแม่ใช้ยาระงับอาการปวดระหว่างคลอด โดยแพทย์จะบอกให้ออกแรงเบ่งเมื่อเกิดการหดรัดตัวของมดลูก หรือคอยให้จังหวะในการเบ่งคลอด นอกจากนี้ บางขณะ แพทย์อาจแนะนำให้คุณแม่เบ่งเบา ๆ หรือไม่ต้องเบ่งเลยก็ได้ เพื่อให้เวลาเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดได้ยืดตัวออก และป้องกันการฉีกขาด

คุณแม่ควรเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การเบ่งเมื่อแพทย์ให้จังหวะ ครั้นเมื่อหัวของทารกออกมาแล้ว ลำตัวส่วนที่เหลือก็จะตามออกมาในไม่ช้า เมื่อทารกคลอดออกมาเรียบร้อย อันดับแรกแพทย์อาจทำความสะอาดทางเดินหายใจของเด็กแล้วจึงตามด้วยการตัดสายสะดือ

 

  • ระยะที่ 3 ระยะคลอดรก

หลังจากที่คลอดทารกสำเร็จ การทำคลอดรกจะตามมาอย่างรวดเร็ว โดยอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือนานไปถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ยังมีกระบวนการทางการแพทย์หลังจากนั้นที่อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนี้คุณแม่ส่วนใหญ่กำลังต้องการสัมผัสและชื่นชมลูกน้อยที่เพิ่งออกมาจนอาจไม่ทันสนใจขั้นตอนการคลอดรกที่จะเกิดขึ้นต่อไป

บทความจากพันธมิตร
Plentitude เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Plenty Protein โปรตีนพืชสําหรับคุณแม่ ส่งต่อสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกพร้อมช่วยบํารุงนํ้านม
Plentitude เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Plenty Protein โปรตีนพืชสําหรับคุณแม่ ส่งต่อสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกพร้อมช่วยบํารุงนํ้านม
เพื่อลูกน้อย KUMO ผนึกกำลัง theAsianparent และโรงพยาบาลกรุงเทพ มอบ ถุงเก็บน้ำนมแม่ 9,000 ถุง หนุนคุณแม่ไทยให้นมลูกอย่างยั่งยืน
เพื่อลูกน้อย KUMO ผนึกกำลัง theAsianparent และโรงพยาบาลกรุงเทพ มอบ ถุงเก็บน้ำนมแม่ 9,000 ถุง หนุนคุณแม่ไทยให้นมลูกอย่างยั่งยืน
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก

เมื่อทารกน้อยออกมาแล้ว มดลูกของคุณแม่จะยังมีการหดรัดตัวเบา ๆ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นมดลูกก็จะกลับมาติดชิดกัน และรู้สึกเจ็บน้อยลง แพทย์จะขอให้ออกแรงเบ่งอีกครั้งเพื่อคลอดรกออกมา ซึ่งก่อน และหลังการคลอดรกนี้ แพทย์อาจให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก และลดการมีเลือดออก หรือให้คุณแม่ลองให้นมลูกเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหดรัดตัวของช่องคลอด และนวดเบา ๆ ที่ท้องเพื่อกระตุ้นให้รกลอกตัวออกมา

บทความที่เกี่ยวข้อง : เตรียมพร้อมก่อนคลอด เมื่อคลอดธรรมชาติ แม่ ๆ ต้องเตรียมตัวยังไง?

 

คลอดธรรมชาติ

 

หลังการคลอดธรรมชาติ

เมื่อคลอดรกออกมาแล้ว แพทย์จะตรวจดูความสมบูรณ์ของรก รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องนำออกมาจากมดลูก เพื่อป้องกันไม่ให้มีเลือดออก หรือเกิดการติดเชื้อ และแม้ว่ารกจะถูกคลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว มดลูกก็จะยังคงหดรัดตัวต่อไปเพื่อช่วยให้กลับคืนไปสู่สภาพปกติ ระหว่างนี้แพทย์หรือพยาบาลอาจช่วยนวดช่องท้องเพื่อให้แน่ใจว่ามดลูกยังกระชับอยู่ รวมถึงพิจารณาว่าจำเป็นต้องเย็บ หรือซ่อมแซมรอยฉีกที่เกิดขึ้นบริเวณช่องคลอดหรือไม่ โดยการเย็บแผลบริเวณดังกล่าวจะมีการให้ยาชาเฉพาะแห่งเสียก่อน

หลังการคลอด คุณแม่อาจให้นมบุตรได้ทันที แต่ควรให้ในขณะที่บุตรเองก็ต้องการน้ำนม เพราะไม่ใช่ทารกทุกคนที่ต้องการนมแม่ทันทีหลังจากคลอดออกมา ระหว่างนี้อาจอุ้มให้ริมฝีปากของทารกอยู่ใกล้หน้าอกของตนเองสักพัก เพราะทารกส่วนใหญ่จะค่อย ๆ เริ่มดูดนมแม่ตั้งแต่ช่วงชั่วโมงแรกหลังจากคลอดออกมาหากคุณแม่คอยอุ้มให้ทารกอยู่ใกล้ ๆ หน้าอกไว้ หากแต่ในกรณีที่คุณแม่ไม่ได้ให้นมลูก หรือปากมดลูกไม่หดตัวกลับ แพทย์จะให้ออกซิโทซินเพื่อช่วยให้มดลูกหดตัว และคุณแม่ที่มีเลือดออกมากเกินก็จะให้การรักษาไปพร้อม ๆ กันนี้ นอกจากนี้ในช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ คุณแม่อาจเผชิญอาการเจ็บหลังคลอด อาจทำให้รู้สึกปวดคล้ายอาการปวดประจำเดือน รู้สึกอ่อนเพลีย

 

5 สิ่งช่วยบำบัดคุณแม่

1. สมาธิ

สมาธิเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้คุณแม่คลอดธรรมชาติได้ ระหว่างคลอด หากคุณแม่ฝึกการทำสมาธิและกำหนดลมหายใจเข้าออก ฝึกการกำหนดจิตจดจ่อที่สิ่งต่าง ๆ เพื่อลดความเจ็บปวดได้ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดี เคล็ดลับคือ ขณะคลอด ให้คุณแม่หายใจเข้า ออก ปล่อยลมออกจากปากเป็นจังหวะ ความเจ็บปวดก็จะบรรเทาลงได้

 

2. น้ำอุ่น ๆ ช่วยบรรเทา

การคลอดในน้ำ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้คุณแม่คลอดธรรมชาติได้นะคะ เพราะคุณแม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถลดการหดเกร็งของช่องท้อง รวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี หากคุณแม่สนใจอยากคลอดในน้ำ ปัจจุบันก็มีโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านนี้แล้วค่ะ คุณแม่สามารถเลือกได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง : ดื่มน้ำเย็น ไม่ดีจริงหรือ? การดื่มน้ำอุ่น กับ น้ำเย็น ต่างกันอย่างไร!?

 

คลอดธรรมชาติ

 

3. ร่างกายที่พร้อมมาก

ระหว่างตั้งครรภ์ หากคุณแม่เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการทำร่างกายให้แข็งแรง ก็จะช่วยให้คุณแม่คลอดง่าย มีแรงเบ่งได้มากนะคะ คุณหมอแนะนำว่า คุณแม่ควรดูแลตัวเองให้ดีตลอดการตั้งครรภ์ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยแม่ท้องต้องนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และออกกำลังกายบ้างให้ร่างกายฟิตเสมอ

 

4. ท่าคลอดตามแรงโน้มถ่วงโลก

ท่านั่งคลอดที่ให้แรงโน้มถ่วงโลกช่วยในการคลอดจะทำให้คุณแม่คลอดได้ง่ายขึ้นนะคะ เช่น ท่าคลอดแบบท่าแมว หรือ  PSU Cat position ที่ใช้ประโยชน์ของแรงโน้มถ่วงช่วยในการเคลื่อนตัวของทารก และทำให้มดลูกหดรัดตัวได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในห้องคลอด คุณหมอจะเป็นผู้แนะนำคุณแม่ให้ใช้ท่าคลอดที่เหมาะสมที่สุดเองค่ะ

 

5. สามี

สำหรับตัวช่วยทางใจ คงไม่มีใครให้กำลังใจคุณแม่ในนาทีนี้ได้ดีไปกว่าสามีสุดที่รักอีกแล้วล่ะค่ะ ซึ่งนอกจากให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ แล้ว การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ให้ดีตลอดการตั้งครรภ์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณแม่คลอดง่ายเช่นกันนะคะ

 

นอกจาก 5 ตัวช่วยที่เราบอก คุณแม่อาจลดความกังวลเพื่อให้มีสมาธิจดจ่อกับการคลอด ด้วยการเตรียมตัวต้อนรับเบบี๋หลังคลอดให้พร้อม ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ เมื่อถึงวันคลอด คุณแม่จะได้สบายใจ เบ่งคลอดแบบชิล ๆ ได้นั่นเองค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

การคลอดธรรมชาติทำให้ลูกฉลาด จริงหรือ วิธีสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อย

ผ่าคลอดเจ็บไหม กี่วันหาย ผ่าได้กี่ครั้ง ตอบคำถามทุกข้อสงสัยจากการผ่าคลอด

หลังผ่าคลอดมีอะไรกับแฟนแล้วเจ็บ อันตรายหรือไม่ ? มีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่?

ที่มา : medthai, LINE TODAY, pobpad, happymom

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

ammy

  • หน้าแรก
  • /
  • การคลอด
  • /
  • เตรียมร่างกายก่อน คลอดธรรมชาติ 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 79
แชร์ :
  • ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? 37 สัปดาห์ถือว่า ครบกำหนดคลอด จริงไหม?

    ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? 37 สัปดาห์ถือว่า ครบกำหนดคลอด จริงไหม?

  • ปักหมุดวันดี! ฤกษ์คลอดครึ่งปีหลัง 2568 เสริมดวงชะตาลูกรักให้รุ่งโรจน์

    ปักหมุดวันดี! ฤกษ์คลอดครึ่งปีหลัง 2568 เสริมดวงชะตาลูกรักให้รุ่งโรจน์

  • ตารางการให้นมลูก ลูกควรกินนมแม่วันละกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละวัย (0–12 เดือน)

    ตารางการให้นมลูก ลูกควรกินนมแม่วันละกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละวัย (0–12 เดือน)

  • ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? 37 สัปดาห์ถือว่า ครบกำหนดคลอด จริงไหม?

    ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? 37 สัปดาห์ถือว่า ครบกำหนดคลอด จริงไหม?

  • ปักหมุดวันดี! ฤกษ์คลอดครึ่งปีหลัง 2568 เสริมดวงชะตาลูกรักให้รุ่งโรจน์

    ปักหมุดวันดี! ฤกษ์คลอดครึ่งปีหลัง 2568 เสริมดวงชะตาลูกรักให้รุ่งโรจน์

  • ตารางการให้นมลูก ลูกควรกินนมแม่วันละกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละวัย (0–12 เดือน)

    ตารางการให้นมลูก ลูกควรกินนมแม่วันละกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละวัย (0–12 เดือน)

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว