X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ผ่าคลอดเจ็บไหม กี่วันหาย ผ่าได้กี่ครั้ง ตอบคำถามทุกข้อสงสัยจากการผ่าคลอด

บทความ 5 นาที
ผ่าคลอดเจ็บไหม กี่วันหาย ผ่าได้กี่ครั้ง ตอบคำถามทุกข้อสงสัยจากการผ่าคลอด

เมื่อคุณแม่กำลังจะต้องไปผ่าคลอดตามคำแนะนำของแพทย์ จนอาจเกิดข้อสงสัยต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย ยิ่งถ้าเป็นครั้งแรกของคุณแม่อาจมีความกังวลหลายเรื่อง เช่น ผ่าคลอดเจ็บไหม หรือแผลเป็นจะเป็นอย่างไร ต้องดูแลตนเองแบบไหน บทความนี้จะช่วยหาคำตอบให้คุณแม่เบาใจได้อย่างแน่นอน

 

ผ่าคลอดเจ็บไหม ?

สำหรับคุณแม่บางคนอาจมีความกังวลถึงความเจ็บปวด ว่าหากต้องผ่า อาจต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ แพทย์จะมีวิธีทำให้คุณแม่รับมือกับความเจ็บปวดได้ ด้วยการให้ยาสลบ หรือบล็อกหลังของคุณแม่ ทำให้คุณแม่ไม่เจ็บขณะผ่าคลอด ดังนั้นคุณแม่สามารถสบายใจเรื่องความเจ็บปวดไปได้เลย ในทางกลับกันการคลอดโดยธรรมชาติ จะมีความเจ็บปวดจากการคลอดมากกว่าแบบผ่าตัดด้วย อย่างไรก็ตามคุณแม่ยังต้องเผชิญกับบาดแผลจากการผ่าคลอดด้วย ซึ่งทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

  • การดมยาสลบ : ทำให้ไม่รู้สึกตัวขณะที่ผ่าคลอดเลย ช่วยลดความกังวล หรือความเครียดได้ดี ในส่วนของวิสัญญีแพทย์จะสามารถควบคุมการหายใจ และระบบไหลเวียนเลือดได้สะดวกขึ้น ส่วนข้อเสีย คือ หลังผ่าคลอดแล้วจะทำให้ปวดแผลมากขึ้น เพราะไขประสาทยังเจ็บอยู่ คุณแม่จะมีเวลาปรับตัวน้อย หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เจ็บคอ, เสียงแหบ, คลื่นไส้อาเจียน หรือมีอาการเบลอ ๆ เป็นต้น
  • การบล็อกหลัง : เป็นวิธีที่ทำให้คุณแม่ยังรู้สึกตัว แต่จะไม่มีความเจ็บปวด ด้วยการใช้ยาชาจะไปกดระบบประสาททำให้ไม่เจ็บแผลในทันที เมื่อทารกคลอดสามารถเห็นหน้าลูกได้เลย ส่วนข้อเสีย คือ หลังคลอดจะขยับตัวลำบาก ไม่สามารถขยับขาได้ 2 – 4 ชั่วโมง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาจมีอาการปวดหลังหลังจากผ่าคลอดมาใหม่ ๆ เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : เคยผ่าคลอดมาแล้ว จะคลอดแบบธรรมชาติได้ไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง

 

วิดีโอจาก : PRAEW

 

แผลหลังผ่าคลอดกี่วันหาย ?

หลังจากที่ผ่าคลอดแล้ว จะต้องรอให้แผลหายสนิทก่อน โดยปกติแล้วจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 30 – 45 วัน ถึงแม้จะทำการผ่าคลอดไปแล้ว แต่หลังจากผ่าคลอดแพทย์อาจทำการนัดคุณแม่ เพื่อตรวจความสมบูรณ์ และลักษณะของแผลผ่าตัดว่าปกติดีหรือไม่ ซึ่งขณะอยู่ที่บ้าน คุณแม่สามารถดูแลแผลผ่าคลอดได้เบื้องต้น ดังนี้

 

  • ระมัดระวังการเคลื่อนไหว ไม่ให้เร็วเกินไป หรือกระทบกับแผล เวลาลุกนั่ง ยืน หรือเดิน ควรทำอย่างค่อย ๆ ช้า ๆ เพื่อไม่ให้แผลที่หน้าท้องเกิดความตึงมากจนเกินไป โดยอาการปวดแผลส่วนใหญ่จะค่อย ๆ บรรเทาลงหลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมง
  • ไม่ควรยกของหนัก หรือใช้งาน หรือเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ควรงดเว้นการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องยืดกล้ามเนื้อจนกว่าแผลจะหาย เนื่องจากอาจจะทำให้มีอาการเจ็บแผล หรือแผลเกิดอักเสบได้
  • ระวังห้ามแกะแผล และระวังไม่ให้แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาด โดยแพทย์จะนัดตรวจแผลผ่าตัด หลังจากตัดไหม หรือหลังจากแผลแห้งดีแล้ว หากโดนน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ควรใช้ผ้าสะอาดซับน้ำออก หรือเช็ดแผลเบา ๆ เท่านั้น
  • คุณแม่สามารถใส่ผ้ารัดหน้าท้องได้ โดยผ้าจะช่วยให้อาการเจ็บแผลบรรเทาลงได้ดี และไม่ให้แผลผ่าตัดถูกดึงรั้งจากผนังหน้าท้องที่อาจยังหย่อนอยู่ หลังจากผ่านการผ่าคลอดมา

 

ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ?

จริง ๆ แล้วสำหรับการผ่าคลอด สามารถทำได้หลายครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่ไม่ควรผ่าเกิน 3 ครั้ง เนื่องจากอาจทำให้คุณแม่เริ่มมีความเสี่ยงในการผ่าตัดมากขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีการผ่าตัด จะเกิดผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวได้ เช่น จะมีพังผืดเป็นแผลเป็นเกิดขึ้นที่อวัยวะภายในของร่างกาย พังผืดเหล่านี้จะดึงรั้งอวัยวะที่อยู่ใกล้กับมดลูกเข้ามาใกล้ เมื่อมีการผ่าตัดใด ๆ เกี่ยวกับอวัยวะเหล่านั้น จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะผ่าโดนอวัยวะใกล้เคียงมากขึ้นตามไปด้วย โดยอวัยวะที่เสี่ยงต่อการผ่าตัดเพื่อรักษาโรค ได้แก่ กระเพาะปัสสาวะ และระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

นอกจากนี้หากเคยผ่าคลอดมาก่อน เมื่อคุณแม่มีท้องสอง ควรผ่าคลอดอีกครั้ง เนื่องจาก การผ่าคลอดทำให้คุณแม่มีแผลเป็นที่มดลูก ท้องถัดไปเมื่อมดลูกขยาย และบีบตัว ความยืดหยุ่นของมดลูกจะลดลง ทำให้มดลูกตึงมีโอกาสแตกประมาณ 1 % จากที่มดลูกปริได้ การคลอดธรรมชาติจึงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม นอกจากจะเป็นคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

ผ่าคลอดมีเพศสัมพันธ์ได้ตอนไหน ?

หลังจากผ่าคลอดแล้วสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ 6 สัปดาห์ขึ้นไปหลังจากนั้น แต่ต้องให้แพทย์ทำการตรวจแผลก่อนทั้งแผลด้านนอก และแผลด้านในว่าแห้งแค่ไหน ปกติหรือยัง หากยังไม่แห้ง การมีเพศสัมพันธ์จะเจ็บมาก แน่นอนว่าระยะเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของคุณแม่แต่ละคนด้วย

นอกจากนี้หลังจากคลอดแล้ว ร่างกายจะต้องใช้เวลาในการปรับฮอร์โมนอยู่ อาจจะทำให้ประจำเดือนยังไม่มา อาจกินเวลาหลายเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณแม่แต่ละคนเช่นกัน

 

ผ่าคลอดเจ็บไหม

 

ผ่าคลอดน้ำคาวปลาหมดกี่วัน ?

ถึงแม้ว่าจะคลอดด้วยวิธีการผ่าคลอด แต่คุณแม่ก็จะยังคงมีน้ำคาวปลาอยู่ตามปกติ ไม่ต่างจากการคลอดแบบธรรมชาติ โดยน้ำคาวปลาในวันแรก ๆ จะมีสีแดงสด และมีปริมาณมากด้วย หลังจากนั้นสีจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยจะมีสีอ่อนลง และมีปริมาณลดลงตามไปด้วย คุณแม่ควรใช้ผ้าอนามัย และคอยดูแลเปลี่ยนบ่อย ๆ สำหรับน้ำคาวปลานี้ จะหยุด หรือแห้งไปเองในสัปดาห์ที่ 2 – 3 หลังจากการผ่าคลอด

 

ผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง ?

คำถามนี้หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่าการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่คงเป็นคำตอบ สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอดมาก็เช่นกัน นอกจากนี้ยังควรปรับให้มื้ออาหาร เน้นอาหารที่อยู่ในกลุ่มโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา เพราะมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการซ่อมแซม และสร้างเนื้อเยื่อ รวมถึงอาหารประเภทผักใบเขียว และผลไม้ต่าง ๆ เช่น มะละกอสุก, ส้ม หรือฝรั่ง เป็นต้น เพราะมีวิตามินซีสูง จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้แผลหายไว และป้องกันการเกิดแผลเป็น

นอกจากนี้อาจมีคุณแม่หลายคนสงสัยว่า “ผ่าคลอดกินทุเรียนได้ไหม” สำหรับทุเรียนนั้น ถือเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน และมีธาตุอาหารสูง การที่คุณแม่หลังผ่านการคลอดกินทุเรียน อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยจากภาวะร้อนได้ หากทานมากจนเกินไป ดังนั้นจึงควรไว้ก่อนดีกว่า หากจะกินควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของคุณแม่เอง

 

การทำหมันกับการผ่าคลอด

การทำหมันหลังคลอด (Post-partum sterilization) ถือเป็นช่วงเวลาการทำหมันที่นิยมกันมากที่สุด โดยจะสามารถทำได้พร้อมกับการผ่าคลอด หรือทำภายหลังไม่กี่วันจากการคลอดธรรมชาติ ควรทำภายใน 12 – 24 ชั่วโมงหลังคลอด โดยสามารถเลือกทำได้หลายแบบ เช่น ทำผ่าน Laparoscope, ทำแบบ Laparotomy ข้อควรระวัง คือ ไม่แนะนำให้ทำแบบ Hysteroscope หลังจากแท้งน้อยกว่า 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจต่าง ๆ ควรปรึกษา และขอข้อมูล รวมถึงข้อควรระวังจากแพทย์ก่อน

 

การผ่าคลอดไม่ได้เจ็บอย่างที่คุณแม่คิด มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป หากสามารถดูแลตนเองตามวิธีที่ถูกต้อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อยู่เสมอ คุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไปหลังจากผ่าคลอด

 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ผ่าคลอด VS คลอดธรรมชาติ ส่งผลกับภูมิต้านทานตั้งต้นอย่างไร

ผ่าคลอดเป็นยังไง แชร์ประสบการณ์ผ่าคลอด ละเอียดยิบ !

ผ่าคลอด มีกี่รูปแบบ ? มีข้อดี ข้อเสียต่างกันอย่างไร

ที่มา : phyathai, sikarin, samitivejhospitals

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Sutthilak Keawon

  • หน้าแรก
  • /
  • แม่ผ่าคลอด
  • /
  • ผ่าคลอดเจ็บไหม กี่วันหาย ผ่าได้กี่ครั้ง ตอบคำถามทุกข้อสงสัยจากการผ่าคลอด
แชร์ :
  • โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก
    บทความจากพันธมิตร

    โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก

  • หมดกังวลเรื่องพัฒนาการของเด็กผ่าคลอด ด้วย 2 สิ่งสำคัญที่แม่ผ่าคลอดต้องรู้
    บทความจากพันธมิตร

    หมดกังวลเรื่องพัฒนาการของเด็กผ่าคลอด ด้วย 2 สิ่งสำคัญที่แม่ผ่าคลอดต้องรู้

  • แม่ผ่าคลอดพร้อมมั้ย? เตรียมให้พร้อมตั้งแต่วันแรก ด้วยการสร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอดพร้อมส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
    บทความจากพันธมิตร

    แม่ผ่าคลอดพร้อมมั้ย? เตรียมให้พร้อมตั้งแต่วันแรก ด้วยการสร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอดพร้อมส่งเสริมภูมิคุ้มกัน

  • โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก
    บทความจากพันธมิตร

    โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก

  • หมดกังวลเรื่องพัฒนาการของเด็กผ่าคลอด ด้วย 2 สิ่งสำคัญที่แม่ผ่าคลอดต้องรู้
    บทความจากพันธมิตร

    หมดกังวลเรื่องพัฒนาการของเด็กผ่าคลอด ด้วย 2 สิ่งสำคัญที่แม่ผ่าคลอดต้องรู้

  • แม่ผ่าคลอดพร้อมมั้ย? เตรียมให้พร้อมตั้งแต่วันแรก ด้วยการสร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอดพร้อมส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
    บทความจากพันธมิตร

    แม่ผ่าคลอดพร้อมมั้ย? เตรียมให้พร้อมตั้งแต่วันแรก ด้วยการสร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอดพร้อมส่งเสริมภูมิคุ้มกัน

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว