อีกหนึ่งคำถามที่เชื่อว่าแม่ ๆ หลายคนน่าจะกำลังกังวล และสงสัยอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ ทำไมถึงต้องผ่าคลอด คลอดธรรมชาติไม่ดีตรงไหน ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ต้องรู้ก็คือ การผ่าคลอดเป็นวิธีสำหรับแม่ที่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ค่ะ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากลูกตัวใหญ่เกินกว่าที่จะคลอดปกติ หรือรกเกาะอยู่ต่ำ หากคลอดธรรมชาติก็มีความเสี่ยงสูง วันนี้เราจึงจะมาแชร์ข้อมูล ข้อดี ข้อเสีย คลอดธรรมชาติกับผ่าคลอด ให้แม่ ๆ รู้กัน หากอยากรู้แล้ว ตามเข้าไปอ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
แม่ท้องต้องรู้ ข้อดี ข้อเสีย คลอดธรรมชาติกับผ่าคลอด
ข้อดีของการคลอดธรรมชาติ
- ฟื้นตัวเร็วกว่า เจ็บแผลหลังคลอดน้อยกว่าการผ่าคลอด
- ไม่ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่
- กระบวนการคลอดธรรมชาติ จะมีการขับของเหลวออกจากปอดของทารก จึงเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการหายใจเมื่อแรกคลอด
- ทารกได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ดีที่อยู่ในช่องคลอดของแม่ ทำให้มีภูมิคุ้มกัน ไม่เจ็บป่วยบ่อย
ข้อเสียของการคลอดธรรมชาติ
- เสี่ยงต่อการยืดและการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด
- เสี่ยงของการหย่อนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปัสสาวะและการเคลื่อนไหวของลำไส้
- อาจจะมีอาการเจ็บท้องมากช่วงใกล้คลอด และยาวนานในท้องแรก
- ทารกอาจได้รับบาดเจ็บหากต้องใช้เครื่องมือ เช่น คีม หรือเครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอดออกมา
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีการหายใจ 4 ขั้นตอนลดความเจ็บปวดขณะเบ่งคลอด
การเตรียมตัวก่อนคลอดธรรมชาติ มีอะไรบ้าง ?
การเตรียมตัวก่อนคลอดธรรมชาติ คุณแม่สามารถเริ่มทำได้ทันทีตั้งแต่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์เลยค่ะ เริ่มจากการมาฝากครรภ์กับแพทย์ที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อมาตรวจเช็กร่างกายให้พร้อม เพราะบางครั้งก็อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ได้ ยิ่งสำหรับคุณแม่ฝากครรภ์เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเด็กในท้องมากขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้คุณหมอให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุด จนนำไปสู่การคลอดที่ประสบความสำเร็จได้ หรือถ้าหากพบความผิดปกติเกิดขึ้นในภายหลัง แพทย์ก็จะได้แนะนำการดูแลตัวเองเพื่อเตรียมตัว สำหรับผ่าคลอดให้กับคุณแม่ได้อย่างใกล้ชิดนั่นเองค่ะ
ข้อดีของการผ่าคลอด
- สามารถกำหนดวันคลอดได้
- คุณแม่ไม่ต้องใช้เวลาในการคลอดยาวนาน
- เป็นตัวเลือกสำหรับคุณแม่ที่มีเชิงกรานแคบ และมีความเสี่ยงหากคลอดธรรมชาติ
ข้อเสียของการผ่าคลอด
- คุณแม่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากยาระงับความรู้สึกหรือยาสลบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ลูกที่คลอดจากแม่ที่ได้รับยาสลบ อาจเกิดการขาดออกซิเจนและตัวเขียว
- ภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด หลังผ่าตัดสูงกว่ามาก เช่น ไข้ ติดเชื้อ ลิ่มเลือดอุดตัน เป็นต้น
- ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น ปวดท้องเรื้อรัง พังผืด ลำไส้อุดตัน เป็นต้น
- ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่
- เสียเลือดมากกว่า โดยทั่วไปแล้วเสียเลือดเป็นสองเท่าของการคลอดทางช่องคลอด
- ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวหลังคลอด เจ็บแผลนานกว่าคลอดธรรมชาติ
- มีแผลเป็นที่หน้าท้อง และมดลูกเป็นแผลขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะมากกว่าแผลฝีเย็บ
- ทารกมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาการหายใจเมื่อแรกคลอด
- ทารกไม่ได้สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องคลอดของแม่ ในระยะยาวจะทำให้เด็กป่วยง่าย
- เพิ่มภาวะแทรกซ้อนในครรภ์ต่อไปหลายประการ เช่น รกเกาะต่ำ รกติด ตกเลือดหลังคลอด
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธี ให้แผลเป็นเนียนเร็ว
การผ่าคลอดส่งผลต่อภูมิต้านทานของลูกยังไงบ้าง ?
อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัย เด็ก 1.9 ล้านคน พบว่าเด็กที่ผ่านการผ่าคลอด มีความเสี่ยงต่อการมีภูมิต้านทานอ่อนแอเพิ่มสูงถึง 46% ซึ่งเสี่ยงต่อโรคหอบหืดถึง 23% เลยค่ะ และยังเสี่ยงต่อโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังอีก 20% เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเราสามารถเร่งคืนภูมิต้านทานให้กับลูกน้อยได้ด้วยน้ำนมของคุณแม่ค่ะ ถือเป็นโภชนาการที่เหมาะสมในการสร้างเสริมภูมิต้านทานได้ดีมาก โดยเฉพาะจุลินทรีย์สุขภาพ (หรือจุลินทรีย์โพรไบโอติก) และอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (ใยอาหารพรีไบโอติก) ซึ่งเขาจะทำงานร่วมกันแบบ ซินไบโอติก ประกอบกับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม แค่นี้ก็สามารถเร่งคืนภูมิต้านทานให้ลูกน้อยได้อย่างดีแล้วค่ะ
คลอดธรรมชาติดีต่อแม่และทารกอย่างไร
- ข้อดีสำหรับแม่ คือ คุณแม่จะฟื้นตัวได้เร็วมากเลยค่ะ เพราะไม่มีรอยแผลจากการผ่าตัด และในขณะคลอดก็เสียเลือดน้อย มีน้ำนมมาเร็ว ถึงแม้ว่าในช่วงที่คลอดแม่จะเจ็บมาก แต่มันคือการเจ็บแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากลูกออกมาแล้ว ถ้าคุณแม่แข็งแรงดีก็แทบไม่มีอาการเจ็บอีกเลยค่ะ
- ข้อดีสำหรับทารก คือ ทารกจะได้ผ่านช่องคลอดของแม่ ซึ่งเคยมีงานวิจัยมาแล้วว่า ช่วยทำให้ปอดของทารกแข็งแรงมากกว่าการผ่าตัดคลอด
คลอดแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
1. การผ่าคลอด
เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะครรภ์ไม่ปกติหรือไม่สามารถคลอดเองได้ จึงจำเป็นต้องผ่าคลอด เช่น ทารกท่าก้นหรือทารกไม่กลับหัว ทารกตัวโตเกินไป อุ้งเชิงกรานแคบ ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิด หรือทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า เป็นต้น หากมีภาวะข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งทางทีมแพทย์ก็จะวินิจฉัยให้ผ่าคลอดแทนการคลอดด้วยตัวเองค่ะ
2. การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ
สำหรับวิธีนี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง และมีภาวะครรภ์ปกติ มีแรงเบ่ง ทำให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
3. การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดในน้ำ
เป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับคุณแม่ที่เป็นโรคติดต่อ ติดเชื้อ ความดันสูง และครรภ์เป็นพิษ หรือกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด รวมไปจนถึงทารกที่มีน้ำหนักตัวมาก ตัวใหญ่และไม่อยู่ในท่าคลอดปกติค่ะ
ผ่าคลอดเจ็บไหม ?
อาการปวด หรือเจ็บในการผ่าคลอดของแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือกับความรู้สึกเจ็บร่วมด้วย หรือปวดแตกต่างกันออกไป จึงไม่สามารถระบุระดับของความเจ็บได้ชัดเจนค่ะ ทั้งนี้ในระหว่างทำการผ่าคลอดจะมีการใช้ยาชาระงับความเจ็บปวดเป็นตัวช่วยค่ะ จึงทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการผ่าคลอด อย่างไรก็ตาม คุณแม่อาจจะรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดได้จากแผลผ่าคลอดในช่วงพักฟื้นก็ได้ค่ะ
คลอดธรรมชาติกับผ่าคลอดคุณแม่เลือกได้หรือไม่ ?
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์คลอด คงมีคำถามในใจว่า เราควรคลอดแบบธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี ? แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจต้องผ่านการวินิจฉัยจากหมอก่อนเท่านั้นค่ะ เนื่องจากการคลอดเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณแม่และลูกน้อยอย่างมาก จึงไม่สามารถตัดสินใจโดยปราศจากคำแนะนำ หรือความคิดเห็นจากทางแพทย์
สำหรับคุณแม่ที่กำลังจะผ่าคลอด อาจจะมีความกังวลก่อนการผ่าใช่ไหมคะว่า การผ่าคลอดจะเจ็บกว่าการคลอดธรรมชาติหรือไม่ แผลผ่าคลอดเจ็บไหม หรือหลังผ่าคลอดต้องพักฟื้นกี่วันถึงจะเดินได้ แน่นอนว่าการคลอดแต่ละวิธีนั้นมันก็มีความเจ็บปวดแตกต่างกันไป แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน คุณแม่มั่นใจได้เลยว่ายังไงก็มีตัวช่วยอย่างยาชา เข้ามาช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการผ่าคลอดได้แน่นอนค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
รู้รอบขอบเตียงกรรมวิธี “ผ่าคลอด”แบบเจาะลึก
บล็อกหลังคลอดลูก คืออะไร มีแบบไหนบ้าง ปลอดภัยต่อแม่ท้องหรือไม่
คลอดธรรมชาติ เจ็บไหม? วิธีคลอดธรรมชาติอย่างปลอดภัย ต้องทำอย่างไร?
ที่มา : Doctor, Hifamilyclub, Paolohospital
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!