เรียกได้ว่า โรคติดต่อ RSV เป็นอีกหนึ่งโรคในเด็กเล็กที่น่าห่วงเลยค่ะ เพราะเป็นอีกหนึ่งอาการที่ยังคงมีการติดเชื้อทุกปี และเด็กที่เคยป่วยไปแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีกในทุก ๆ ปี แถมในปัจจุบันการใช้วัคซีนกับโรคนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วย ซึ่งล่าสุดทางกรมควบคุมโรค ก็ได้ออกมาประกาศเตือนถึงประเด็นที่ว่า เชื้อไวรัส RSV สามารถอยู่ในอากาศได้นานหลายชั่วโมง และมีแนวโน้มที่จำนวนผู้ป่วยจะสูงขึ้น หากสังเกตว่าเด็กมีอาการผิดปกติ ควรให้หยุดเรียนทันที
โรคติดต่อ RSV ระบาดหนัก! พบผู้ป่วยสะสม 1,226 ราย เสียชีวิต 3 ราย
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยถึงข้อมูลจากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ เชื้อก่อโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 จนถึง วันที่ 8 มิถุนายน 2567 พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส RSV ผอายุระหว่าง 9 วัน ถึง 87 ปี จำนวน 1,226 ราย จากผู้ป่วยทางเดินหายใจทั้งหมด 19,179 ราย
ซึ่งพบผู้ป่วยมากที่สุดในกลุ่มเด็ก ที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ถึง 573 ราย รองลงมาคือ อายุ 2-5 ปี 472 ราย และ อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป 181 ราย ในขณะเดียวกันพบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อ RSV 28 ราย เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังอย่างไรก็ตามน่าเศร้าที่พบผู้เสียชีวิต 3 ราย โดย ผู้เสียชีวิตอายุน้อยสุด 1 ปี 8 เดือน และสูงสุด 86 ปี
ข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นว่า RSV เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก และอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ ผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังก็มีความเสี่ยงต่อโรคนี้เช่นกัน
โดย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้อธิบาย ดังนี้
“ข้อมูลจากการเฝ้าระวังโรคฯ ของกองระบาดวิทยา พบว่าเชื้อ RSV มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดปอดอักเสบรุนแรงในเด็กและผู้สูงอายุ หากดูลักษณะทางระบาดวิทยาในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มา จะพบโรคติดเชื้อไวรัส RSV ได้บ่อยในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้อาการ และการติดต่อมีความคล้ายกัน จึงคาดว่าจะเริ่มมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มสูงมากขึ้น ในช่วงระยะนี้เป็นต้นไป ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกาย ได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ และเชื้อยังแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอ หรือการจาม เช่นเดียวกับโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ”
ซึ่งเรื่องนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยได้ออกมาชี้แจงถึง โรคติดต่อ RSV ในเด็ก ในปี 2565 แล้ว ด้วยการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” พูดถึงประเด็น RSV ในเด็กเล็กที่มีการติดเชื้อสูงขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการภูมิต้านทานที่ได้รับจากมารดาจะมีการลดลงอย่างรวดเร็วใน 6 เดือน โดยได้ระบุข้อความว่า
“RSV ในเด็กไทยมีอุบัติการณ์การติดเชื้อที่สูงเป็นแล้วเป็นซ้ำได้
งานวิจัย RSV ของศูนย์ ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร International Journal of Infectious Disease จะเห็นได้ว่า ภูมิต้านทานส่งต่อจากมารดาและจะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 6 เดือน หลังจากนั้นก็จะมีการติดเชื้อขึ้นเป็นจำนวนมากในปีแรก และปีต่อ ๆ มา หรืออาจกล่าวได้ว่า เมื่อโตถึงอายุ 4 ขวบ เกือบทุกคนเคยติดเชื้อ RSV และมีบางคนมีการติดเชื้อซ้ำ หรือซ้ำแล้วซ้ำอีกเกือบทุกปี
บทความที่เกี่ยวข้อง : เช็กอาการไวรัส RSV โรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว
การศึกษานี้เป็นการศึกษาระยะยาว ในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 4 ขวบ มีการตรวจหาภูมิต่อเชื้อ RSV โดยเห็นว่าภูมิจากมารดาจะส่งมาปกป้องลูกน้อยได้ในระยะเวลาค่อนข้างสั้น และเมื่อภูมิลดลง หรือหมดไป เด็กก็จะเริ่มมีการติดเชื้อจึงไม่แปลก การติดเชื้อเห็นได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก และจะสูงขึ้นหลัง 6 เดือนขึ้นไป การติดเชื้อปีนี้แล้ว ปีหน้าก็อาจจะมีการติดเชื้อได้อีก และโดยทั่วไปการติดเชื้อในเด็กเล็กอาการจะรุนแรงมากกว่าเด็กโต
และเมื่ออายุเกิน 3 ขวบไปแล้ว การติดเชื้อ RSV ส่วนใหญ่อาการจะไม่มากแล้ว และเมื่อเกิน 5 ขวบ ก็ยังมีการติดเชื้อได้ แม้กระทั่งในผู้ใหญ่ จะไปสร้างปัญหาอีกครั้งหนึ่งในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ และก็เช่นเดียวกับโควิด-19
ขณะเดียวกัน การศึกษาระยะยาวในกลุ่มประชากรเด็ก ใช้เวลาทำการศึกษามากกว่า 5 ปี ได้เห็นข้อมูลของเด็กไทยชัดเจน โดยเฉพาะระดับการตรวจพบภูมิต้านทาน และการตรวจ พบว่ามีการเป็นซ้ำ ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในอนาคตในกรณีที่มีวัคซีนในการป้องกัน ก็ควรจะให้ก่อน 6 เดือนแรก
การศึกษาที่กำลังทำอยู่ ดูสายพันธุ์ของไวรัสที่มีการติดเชื้อซ้ำ พบว่าถึงแม้จะเป็นไวรัสกลุ่มเดียวกัน RSV-A หรือ RSV-B ก็ยังสามารถเป็นซ้ำได้ แม้กระทั่งสายพันธุ์ย่อยเดียวกันเช่น ON1 ติดแล้วก็ยังเป็นซ้ำได้อีก รายละเอียดการศึกษาโครงจะมีการเผยแพร่ในวารสารนานาชาติต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ทำมีความสำคัญมากเป็นองค์ความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการที่จะนำวัคซีนมาใช้ จึงไม่เป็นเรื่องง่ายในการป้องกันการติดเชื้อ RSV”
กลุ่มเสี่ยงต่อ RSV มากที่สุด
- อายุน้อย มีอายุ ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ลงไป
- เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่อายุตอนคลอดต่ำกว่าเกณฑ์
- มีอาการผิดปกติในปอดตั้งแต่เกิด
- เด็กที่เกิดมาพร้อมโรคหัวใจ บางประเภท
- เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
- เด็กที่มีอาการแพ้อาหารชนิดต่าง ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ผื่นคัน ภัยใกล้ตัวที่พ่อแม่มองข้าม แต่เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้พัฒนาการลูกสะดุด!
เช็กอาการไวรัส RSV
- ในช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล
- เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ
- ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมาก ๆ
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
จำเป็นต้องโทรหาแพทย์ทันทีหรือขอรับการรักษาฉุกเฉินหากทารกมีอาการหายใจลำบาก เช่น
- ความเหนื่อยล้า
- หายใจเร็ว
- ผนังหน้าอกดึงเข้าเมื่อหายใจออก
- สีฟ้ารอบริมฝีปากหรือเล็บ
เหตุผลอื่น ๆ ที่ควรไปพบแพทย์ ได้แก่ หากทารก
- กินหรือดื่มไม่เพียงพอ
- กำลังอ่อนแรงหรือไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเดิม
- มีอาการหวัดรุนแรงหรือแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
- มีอาการไอไม่หาย
- การป้องกัน
- RSV เป็นโรคติดต่อได้สูง หมายความว่ามันแพร่กระจายระหว่างผู้คนได้ง่ายมาก
มาตรการที่ตรงไปตรงมาบางอย่างสามารถช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการติดโรคหรือแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ บางส่วนของมาตรการเหล่านี้รวมถึง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่อาจจะป่วย การติดต่อรวมถึงการจูบ การกอด และการจับมือ
- หลีกเลี่ยงการแบ่งปันสิ่งของที่ปนเปื้อนกับผู้อื่น ถ้วย ขวด และของเล่นล้วนเป็นพาหะของไวรัส ซึ่งสามารถอยู่รอดได้หลายชั่วโมง
- ล้างมือบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา ปาก หรือจมูก
การป้องกัน โรคติดต่อ RSV
ในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค RSV หรือยาที่สามารถป้องกัน RSV ได้อย่าง 100% เราจึงควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ทุกคนในบ้านควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือตนเองและลูกน้อย เพราะการล้างมือนอกจากจะลดเชื้อ RSV แล้ว ยังสามารถลดเชื้ออื่น ๆ ที่ติดมากับมือ ของลูกและทุกคนในบ้านได้ทุกชนิด ทั้งเชื้อไวรัส และ แบคทีเรียได้ถึงร้อยละ 70
- ควรใช้แอลกอฮอล์เจลในการล้างมือจะช่วยป้องกันโรคได้
- หลีกเลี่ยงให้เด็กไม่ว่าจะสบายดี หรือ ป่วย ไปในชุมชนที่อึดอัด
- ควรรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา
- สำหรับคุณพ่อ และ คุณแม่ หากมีลูกที่ป่วยควรจะคัดแยกเด็กป่วยกับเด็กปกติออกจากกัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ
เพราะโรค RSV ยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าโรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส และในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันได้อย่าง 100% โดยวิธีที่จะช่วยป้องกันได้ดีที่สุดคือการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกัน และนอกจากการป้องกันเด็กแล้วนั้น ก็อยากให้ระวังในผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะโรค RSV ก็สามารถติดต่อได้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเช่นกัน
ที่มา : khaosod, tnnthailand
Facebook: Yong Poovorawan
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรค RSV และ โรคมือเท้าปากในเด็ก โรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว
RSV ในเด็กเล็ก พร้อมการเยียวยาด้วยวิธีธรรมชาติขั้นพื้นฐาน ทำได้ที่บ้าน
เช็คRSV อาการ เป็นอย่างไร ต่างกับหวัดอย่างไร? มาดูไปพร้อมกันนะคะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!