การเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และความสุข เป็นเป้าหมายของพ่อแม่ทุกคน แต่ในบางครั้ง วิธีการที่เราใช้ โดยไม่ทันตระหนัก กลับกลายเป็นการ เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ และสุขภาพจิตของเด็กในระยะยาว การทำความเข้าใจ และตระหนักถึงสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าเรากำลัง “เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง” อยู่ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และส่งเสริมการเติบโตที่ดีของลูกน้อย

สัญญาณเตือน! คุณกำลัง เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง อยู่!
1. ลงโทษทางร่างกายเป็นประจำ
การตี การหยิก การบังคับให้ทำท่าทางที่เจ็บปวด เช่น การให้ยืนนิ่งเป็นเวลานานในท่าที่ไม่สบาย หรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ลูก รู้สึกเจ็บปวดทางร่างกาย ไม่ว่าจะเพื่อลงโทษ หรือด้วยอารมณ์โกรธ ล้วนเป็นการใช้ความรุนแรง ที่จะทำให้ลูกรู้สึกเจ็บปวด และหวาดกลัว
2. เขย่าตัวลูกอย่างแรง
การเขย่าตัวลูกอย่างแรง เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ต่อสมองและร่างกายได้นะคะ
3. ใช้กำลังบังคับ
การลาก ดึง หรือจับลูกอย่างรุนแรง เมื่อพวกเขาไม่ทำตามที่เราต้องการ เป็นสัญญาณของการ เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้กำลังบังคับ เพราะนอกจากจะกระทบร่างกายลูกแล้ว ยังกระทบจิตใจในระยะยาวด้วย
4. ละเลยลูก
การปล่อยปละละเลยลูก จนเกิดอันตรายทางร่างกาย รวมไปถึง การไม่ดูแลเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย ยา และสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน จนลูกได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ใครทำอยู่ต้องรีบปรับเลยค่ะ
5. ใช้คำพูดรุนแรง
การตะคอก ด่าทอ ใช้คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม ประชดประชัน หรือลดทอนคุณค่าของลูก จะทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย ไร้ค่า และส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองได้
6. ข่มขู่ลูก
การข่มขู่ หรือทำให้หวาดกลัว ขู่ว่าจะทำร้าย ทอดทิ้ง หรือลงโทษอย่างรุนแรง จะทำให้ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย และสร้างความวิตกกังวล
7. บงการลูกมากเกินไป
การควบคุม และบงการมากเกินไป กำหนดทุกอย่างในชีวิตลูก โดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ตัดสินใจ หรือแสดงความคิดเห็น ส่งผลให้ลูกรู้สึกขาดอิสระ และอาจนำไปสู่ปัญหาการต่อต้านในภายหลัง
8. เพิกเฉยต่อความรู้สึกของลูก
การไม่รับฟัง ไม่ใส่ใจ หรือปฏิเสธความรู้สึกของลูก ทำให้พวกเขารู้สึกว่า ตนเองไม่สำคัญ และไม่ได้รับการยอมรับ
9. เปรียบเทียบลูกกับผู้อื่น
การเปรียบเทียบลูก กับพี่น้อง หรือเพื่อน ๆ ในลักษณะที่ตำหนิ และด้อยค่า ทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ จะสร้างผลกระทบในระยะยาวได้นะคะ
10. ทำให้ลูกรู้สึกผิดเป็นประจำ
การใช้คำพูด หรือท่าทาง ที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระ หรือเป็นต้นเหตุของปัญหาในครอบครัว ถือเป็นสัญญาณอันตราย ที่พ่อแม่ต้องรีบหยุดทำเลยนะคะ เพราะจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็กได้ในหลาย ๆ ด้านเลย
11. ลงโทษด้วยการไม่ให้ความรัก
การลงโทษ ด้วยการไม่ให้ความรัก หรือความสนใจ เช่น การเมินเฉย ไม่พูดคุย แสดงความเย็นชาต่อลูกเมื่อพวกเขาทำผิด ถือเป็นการลงโทษที่ผิด ยังมีวิธีการสอนลูกอีกมากมาย ที่จะช่วยพัฒนาลูกในเชิงบวกได้
12. คาดหวังสูง
การคาดหวังในตัวลูก สูงเกินกว่าวัย และความสามารถ ก็เป็นอีกสัญญาณเตือนค่ะ เมื่อลูกทำไม่ได้ตามที่คาดหวัง ก็แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง จะทำให้ลูกมีปัญหาด้านพฤติกรรมตามมา ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ และพัฒนาการทางสมอง

ผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูก
การเลี้ยงดูลูกด้วยความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กในระยะยาว โดยอาจสังเกตได้ จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกน้อย
- ลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าว: อาจแสดงออกต่อพี่น้อง เพื่อน หรือแม้กระทั่งพ่อแม่
- ลูกมีความวิตกกังวล หรือหวาดกลัวมากเกินไป: เช่น กลัวการทำผิด กลัวการถูกลงโทษ หวาดระแวงพ่อแม่
- ลูกมีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริง: สังเกตได้ง่าย ๆ จากการขาดความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ และดูเศร้าหมอง
- ลูกขาดความเชื่อมั่นในตนเอง: ไม่กล้าแสดงออก กลัวการตัดสินใจ และรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ
- ลูกมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น: อาจมีปัญหาในการเข้าสังคม หรือการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น
- ลูกมีปัญหาด้านการเรียนรู้: สมาธิสั้น ไม่สนใจเรียน หรือมีผลการเรียนตกต่ำลง
- ลูกมีอาการทางร่างกายที่เกิดจากความเครียด: เช่น ปวดท้อง ปวดหัว โดยไม่มีสาเหตุทางกายภาพ
ผลกระทบระยะยาวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
นอกจากผลกระทบทางด้านพฤติกรรมเบื้องต้นแล้ว หากพ่อแม่ เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง ก็จะส่งผลกระทบต่อเนื่องในระยะยาว ไปจนเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย
- ปัญหาด้านสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่: ประสบการณ์การถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรงในวัยเด็ก สามารถนำไปสู่ปัญหาทางจิตเวชได้ เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล บุคลิกภาพผิดปกติ รวมไปถึง PTSD (Post-traumatic Stress Disorder)
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์: เด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรง อาจมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และไว้ใจกับผู้อื่นในอนาคต
- ปัญหาด้านพฤติกรรมในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่: มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ในการมีพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การใช้สารเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หรือการก่ออาชญากรรม
- การส่งต่อวงจรความรุนแรง: เด็กที่เคยถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรง มีแนวโน้มที่จะเลี้ยงดูบุตรของตนเอง ด้วยวิธีที่คล้ายคลึงกัน ก็ถือเป็นการส่งต่อวงจรความรุนแรง ที่ถ้าตัดได้ ก็ควรรีบตัด ก่อนจะเกิดปัญหาตามมาค่ะ

แนวทางการป้องกัน และการสร้างเสริมการเลี้ยงลูกเชิงบวก
หากคุณตระหนักว่า ตนเองกำลังมีพฤติกรรมการเลี้ยงดู ที่เข้าข่ายความรุนแรง สิ่งสำคัญคือต้องรีบปรับเปลี่ยนค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลี้ยงดู ต้องใช้เวลา และความอดทน แต่เพื่ออนาคต และสุขภาพจิตที่ดีของลูก การเริ่มต้นวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: นักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านครอบครัว ที่สามารถให้คำแนะนำ และแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูได้
- เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน: การพูดคุยกับพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน สามารถช่วยให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้รับกำลังใจในการเลี้ยงดูลูก
- ศึกษาหาข้อมูล: อ่านหนังสือ บทความ หรือเข้าร่วมอบรม เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเชิงบวก และปราศจากความรุนแรง จะช่วยให้พ่อแม่นำความรู้ มาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกได้ค่ะ
- ฝึกจัดการอารมณ์: ดูแลสุขภาพจิตของพ่อแม่ เรียนรู้เทคนิคการควบคุมความโกรธ และความเครียด เพื่อป้องกันภาวะเครียด และอารมณ์ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ที่จะส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูลูกในอนาคต
การเลี้ยงลูกเป็นภารกิจใหญ่ ที่ต้องอาศัยความรัก ความเข้าใจ และความอดทนอย่างสูง อย่างไรก็ตาม บางครั้งวิธีการที่เราใช้ในการอบรมสั่งสอนลูก กลับกลายเป็นการใช้ความรุนแรง โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงดู สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และส่งเสริมพัฒนาการที่ดีให้กับลูกน้อยได้ค่ะ
ที่มา: starfishlabz
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ลูกผิดได้ พ่อแม่ก็ผิดได้ พ่อแม่ที่ดีต้องกล้าขอโทษลูกเมื่อตัวเองทำผิด
เลี้ยงลูกเหนื่อยจนร้องไห้ 12 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง Burn out หมดไฟในการเลี้ยงลูก
เลี้ยงลูกแบบไม่ดุ 7 เคล็ดลับ ปรับวิธีพูดให้ลูกเชื่อฟัง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!