ปัญหาคนไม่อยากมีลูก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะล่าสุดมีรายงานจาก Global Statistics ที่ดึงข้อมูลจาก United Nations Population Division (UNPD) พบว่า “ประเทศไทย” ติดอันดับ 3 ของโลกในกลุ่มประเทศที่ อัตราการเกิดลดลง เร็วที่สุดในช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา!
ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี
จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 1950 จนถึงปี 2024 พบว่า อัตราการเกิดของคนไทยลดลงไปถึง 81% ซึ่งถือว่าน่าตกใจไม่น้อย และมากกว่าญี่ปุ่นที่ลดลง 80% เสียอีก โดย 5 อันดับแรกของประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงเร็วที่สุด ได้แก่:
- เกาหลีใต้ – ลดลง 88%
- จีน – ลดลง 83%
- ไทย – ลดลง 81%
- ญี่ปุ่น – ลดลง 80%
- อิหร่าน – ลดลง 75%
ชาวเน็ตบางส่วนวิเคราะห์ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกัน คือบทบาทและสถานะของผู้หญิงในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ทำให้หลายคนมองว่าการมีลูกคือ “ภาระ” มากกว่าจะเป็น “ความสุขของครอบครัว”
นอกจากนั้น สถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่มั่นคงทางอาชีพ มลพิษที่เพิ่มขึ้น และความกังวลเรื่องคุณภาพชีวิตในอนาคต ก็ยิ่งซ้ำเติมให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะ “อยู่แบบไม่มีลูก” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เจาะลึกเหตุผล ทำไมคนไทยไม่อยากมีลูก
1. ของแพงขึ้น แต่เงินเดือนนิ่งเป็นหิน
จะมีลูกทั้งทีต้องคิดแล้วคิดอีก ค่านม ค่าแพมเพิร์ส ค่าเทอม ค่าพี่เลี้ยง รายจ่ายยาวเป็นหางว่าว แต่รายได้กลับอยู่ที่เดิม หรือแย่กว่านั้นคือไม่แน่นอนเลย
2. ชีวิตยุคใหม่ = งานมาก เวลาน้อย
ผู้หญิงไทยเรียนเก่งขึ้น ทำงานเก่งขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน การมีลูกจึงไม่ใช่ priority แถมเวลาน้อยจนไม่มีโหมดเลี้ยงลูกให้สมบูรณ์แบบได้
3. โลกไม่น่าไว้ใจเท่าเมื่อก่อน
ทั้งฝุ่น PM 2.5, โรคระบาดมากมาย RSV เอย โรคตามฤดูกาลเอย, ภาวะโลกร้อน, อาหารไม่ปลอดภัย ใครบ้างจะอยากพาลูกมาเจอโลกแบบนี้?
4. อยากมีชีวิตแบบ “Me First”
คนรุ่นใหม่เน้นใช้ชีวิต มีอิสระ เที่ยว กิน ลงทุนกับตัวเอง มากกว่าจะทุ่มทั้งชีวิตไปกับการเลี้ยงลูก
5. สวัสดิการยังไม่ปังพอจะดันให้ปั๊มลูก
ลาคลอดน้อย เงินสนับสนุนมีแต่ไม่ทั่วถึง ค่าใช้จ่ายลูกไม่มีหักภาษีเต็มจำนวน ที่ฝากลูกก็ไม่มีให้เลือกเยอะ แบบนี้ใครจะกล้ามีลูก?
6. บ้านเล็กลง เมืองแน่นขึ้น
จากบ้านหลังใหญ่ กลายเป็นคอนโด 30 ตร.ม. จะมีลูกก็เหมือนจะต้องมีบ้านใหม่ก่อน
7. กลัวลูกโตมาไม่มีคุณภาพชีวิต
ค่าครองชีพสูง แต่คุณภาพการศึกษายังไม่เท่าไร หลายคนเลยรู้สึกว่า “มีลูกก็เหมือนโยนเขาไปลำบาก”
8. เลี้ยงแมวง่ายกว่า เลี้ยงลูกแพงกว่า
สัตว์เลี้ยงกลายเป็นลูกแทน มีความสุข ใช้งบไม่เยอะ ไม่ต้องส่งเรียนแพง ๆ แถมรักเราแบบไม่มีเงื่อนไข!
9. ความรักแบบคู่ชีวิตเปลี่ยนไป
แต่งงานช้าลง หรือไม่แต่งเลยก็เยอะขึ้น คู่รักหลายคนเลือกอยู่ด้วยกันแบบไม่อยากมีลูก

ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ถ้าไม่มีคนเกิด?
1. สังคมผู้สูงวัยมาแน่ แถมมาเร็วด้วย!
จากข้อมูลล่าสุด คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี มีมากกว่า 21.2% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าอีกไม่นาน ไทยจะเป็นสังคมที่ “มีผู้สูงวัยมากกว่าวัยแรงงาน”
2. ขาดแรงงานแบบจริงจัง
แรงงานลดลง = เศรษฐกิจสะดุด ธุรกิจหาแรงงานยาก ภาษีเก็บได้น้อย แต่สวัสดิการผู้สูงวัยต้องใช้เงินมากขึ้น
3. โรงเรียนร้าง โรงพยาบาลแน่น
เด็กน้อยลง โรงเรียนต้องควบรวม-ปิดกิจการ แต่โรงพยาบาลกลับต้องขยาย เพราะมีผู้ป่วยสูงวัยมากขึ้น
4. นวัตกรรมหยุดนิ่ง
คนรุ่นใหม่คือแรงผลักดันของเทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ้าเด็กน้อยลง โอกาสที่ประเทศจะมีแรงขับเคลื่อนในอนาคตก็จะหดตาม
5. ปัญหาด้านความมั่นคง
เมื่อประชากรลด แต่มีผู้อพยพหรือแรงงานต่างชาติเข้ามาแทนที่ อาจนำไปสู่ความท้าทายด้านวัฒนธรรม ความมั่นคง และการปรับตัวของสังคม

มองเพื่อนบ้าน-ต่างชาติ เขาแก้กันยังไง?
-
ญี่ปุ่น & เกาหลีใต้: แจกแล้วแจกอีก!
มีเงินอุดหนุนตั้งแต่คลอดจนเข้าโรงเรียน บางที่ให้เงินสดทุกเดือน + สิทธิพิเศษเพียบ เช่น daycare ฟรี บัตรสวัสดิการสำหรับแม่
-
สิงคโปร์: สายเปย์ระดับประเทศ
แจกโบนัสลูกแรก ลูกสอง และลดหย่อนภาษีแบบจัดเต็ม ช่วยเหลือจนรู้สึกว่า “มีลูกก็ไม่ลำบากอย่างที่คิด”
-
เยอรมนี: ระบบสวัสดิการแน่นเวอร์
รัฐดูแลทุกอย่างตั้งแต่เด็กเล็กจนโต ทั้งที่เรียน ที่ฝากลูก สิทธิ์ลางาน และการันตีความมั่นคงชีวิตครอบครัว
-
ฝรั่งเศส: ครอบครัวใหญ่คือเป้าหมาย
รัฐสนับสนุนการมีลูก 2-3 คนขึ้นไป มีที่พักรัฐให้เช่าในราคาพิเศษ สิทธิ์ลาพักร้อนของพ่อแม่ และการจ้างพี่เลี้ยงที่รัฐช่วยออกค่าใช้จ่าย
แล้วไทยจะรอดยังไง? ไม่ใช่แค่ให้คนมีลูก แต่ต้องสร้างระบบให้เลี้ยงได้แบบสบายใจ
-
ทำให้คนอยากมีลูก ไม่ใช่แค่ “ต้องมี”
เปลี่ยนแนวคิดจาก “ลูกคือภาระ” เป็น “ลูกคือพลังของชาติ” ผ่านสื่อ รณรงค์ และสร้างแรงจูงใจจริงจัง
เงินสนับสนุนลูกเดือนละ 1,000-2,000 บาท อย่างต่อเนื่องจนถึง 6 ขวบ ให้สิทธิ์ลาคลอดแบบยืดหยุ่น รวมไปถึงสนับสนุน daycare ใกล้บ้านและที่ทำงาน
-
ทำให้คนมั่นใจว่าเลี้ยงลูกแล้วไม่พัง
ช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น หักลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น, ค่าเรียนลดหลั่นตามรายได้ครอบครัว
-
เปิดทางเทคโนโลยี และแรงงานทดแทน
เพิ่มระบบอัตโนมัติในบางอุตสาหกรรม, เปิดรับแรงงานต่างชาติในจุดที่ขาดแคลน เพื่อรักษาสมดุลแรงงาน
-
สนับสนุนการทำงานแบบยืดหยุ่น
Work from home, เวลางานยืดหยุ่น, พื้นที่แม่และเด็กในที่ทำงาน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้คนกล้าตัดสินใจมีลูกมากขึ้น
เด็กไม่ได้แค่เป็นอนาคตของครอบครัว แต่คืออนาคตของทั้งประเทศ! หากวันนี้เรายังไม่เริ่มเปลี่ยนแปลง วันพรุ่งนี้ของประเทศไทยอาจกลายเป็นประเทศที่ “มีแต่คนแก่ เด็กหายไป เศรษฐกิจนิ่ง สังคมขาดพลัง” ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทุกคนต้องร่วมกันสร้างประเทศที่เลี้ยงลูกได้แบบมีคุณภาพ มีความสุข และไม่ต้องเลือกระหว่างงานกับครอบครัว
ที่มา: khaosod
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
นิด้าโพล เผย คนไทยไม่อยากมีลูก กังวลค่าใช้จ่าย ห่วงสภาพสังคม
YONO เทรนด์ใหม่! ปี 2025 ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสุขให้ครอบครัว
เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ? ประเมินค่าใช้จ่ายจริงที่คุณอาจคาดไม่ถึง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!