เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ? คำถามโลกแตกที่หลายคนหาคำตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าคงไม่มีว่าที่คุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากให้ลูกน้อยต้องลำบาก การวางแผนการเงินก่อนมีลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เคยเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเลี้ยงดูเด็ก 1 คน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 21 ปี อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายจริงในการเลี้ยงดูลูกนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ สถานที่อยู่อาศัย รูปแบบการเลี้ยงดู และการศึกษา บางครอบครัวอาจใช้จ่ายน้อยกว่า 3 ล้านบาทมาก ในขณะที่บางครอบครัวอาจใช้จ่ายมากกว่านั้นหลายเท่าตัว
ค่าใช้จ่ายในช่วงตั้งครรภ์
การเตรียมตัวมีลูก ค่าใช้จ่ายในช่วงตั้งครรภ์ถือเป็นก้าวแรกของการเตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่ และมีค่าใช้จ่ายที่ควรคำนึงถึง ดังนี้
- ค่าฝากครรภ์: ค่าใช้จ่ายในการตรวจครรภ์แต่ละครั้ง รวมถึงค่าอัลตราซาวด์ ตรวจเลือด และการตรวจอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามโรงพยาบาล แพทย์ และความถี่ในการตรวจ โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ตลอดระยะเวลา 9 เดือน อยู่ที่ประมาณ 10,000 – 50,000 บาท
- ค่ายาบำรุง: วิตามิน แร่ธาตุ และอาหารเสริมต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับแม่และลูกในครรภ์ เช่น โฟลิก ธาตุเหล็ก แคลเซียม DHA ฯลฯ
- ค่าอุปกรณ์สำหรับแม่: เสื้อผ้าสำหรับคนท้อง ชุดชั้นใน ครีมบำรุงผิว หมอนรองท้อง ฯลฯ
- ค่าเตรียมคลอด: ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าผ่าตัดคลอด ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามโรงพยาบาล และแพทย์ โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 100,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เช่น คอร์สเตรียมคลอด หนังสือ การเดินทาง ฯลฯ
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงตั้งครรภ์ ต้องใช้เงินประมาณ 45,000 – 190,000 บาท
|
รายการ |
ค่าใช้จ่าย |
ค่าฝากครรภ์ |
|
ค่ายาบำรุง |
|
ค่าอุปกรณ์สำหรับแม่ |
|
ค่าเตรียมคลอด |
|
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ |
|
รวม |
|

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก แบ่งตามช่วงวัย
เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ช่วงวัย 0-3 ปี
ช่วงวัย 0-3 ปี ถือเป็นช่วงเวลาที่ลูกน้อยต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดที่สุด ร่างกายกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพัฒนาการเกิดขึ้นมากมาย และยังมีภูมิต้านทานต่ำ ค่าใช้จ่ายหลักในช่วงวัยนี้จึงเน้นไปที่ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต ได้แก่
- นม: เป็นอาหารหลักของลูกน้อย มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งนมแม่ นมผง และนม UHT ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ ชนิด และปริมาณที่ลูกดื่ม หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายนมผงได้มาก โดยเฉลี่ยแล้ว นมผงสำหรับเด็กแรกเกิด – 1 ปี ราคาประมาณ 800 – 1,500 บาทต่อกระป๋อง
- ผ้าอ้อม: เด็กเล็กต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยครั้ง เฉลี่ยวันละ 6-8 ชิ้น ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ชนิด และขนาด โดยเฉลี่ยแล้ว ผ้าอ้อมสำเร็จรูปราคาประมาณ 400 – 800 บาทต่อแพ็ค
- ของใช้จำเป็น: เช่น เสื้อผ้า เครื่องนอน ขวดนม จุกนม ผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำ คาร์ซีท รถเข็น เปล ฯลฯ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ คุณภาพ และความจำเป็นในการใช้งาน
- ค่ารักษาพยาบาล: เด็กเล็กมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย ค่าใช้จ่ายด้านนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น ค่าพบแพทย์ ค่ายา ค่าตรวจวินิจฉัย ค่าฉีดวัคซีน ฯลฯ ซึ่งอาจเลือกใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมให้กับลูกน้อยได้
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงวัย 0-3 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 60,000 – 156,000 บาท ต่อปี
|
รายการ |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายต่อปี |
นมผง |
3,000 – 5,000 บาท |
|
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป |
1,500 – 3,000 บาท |
|
ของใช้จำเป็น |
1,000 – 3,000 บาท |
|
ค่ารักษาพยาบาล |
500 – 2,000 บาท |
|
รวม |
5,000 – 13,000 บาท |
|

เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ช่วงวัย 3-6 ปี
ช่วงวัย 3-6 ปี เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพัฒนาการ เด็กๆ เริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษา มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และมีความสนใจในสิ่งรอบตัวมากขึ้น ค่าใช้จ่ายหลักในช่วงวัยนี้จึงเน้นไปที่การส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน ได้แก่
- การศึกษาปฐมวัย: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงเรียน เช่น
- โรงเรียนรัฐบาล: ค่าเทอมค่อนข้างถูก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย เช่น ค่าชุดนักเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท
- โรงเรียนเอกชน: ค่าเทอมสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล มีหลักสูตร สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่หลากหลายกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 100,000 บาท
- โรงเรียนนานาชาติ: ค่าเทอมสูงที่สุด เน้นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีหลักสูตรมาตรฐานสากล และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 200,000 – 500,000 บาท
- ของเล่นเสริมพัฒนาการ: ของเล่นในช่วงวัยนี้ควรส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ ภาษา สติปัญญา อารมณ์-สังคม เช่น ตัวต่อ บล็อกไม้ หนังสือนิทาน ดินสอสี แป้งโดว์ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามชนิด ขนาด และคุณภาพของเล่น
- กิจกรรมเสริมทักษะ: เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและความสนใจของเด็ก เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษา ฯลฯ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภท ระยะเวลา และสถานที่เรียน
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงวัย 3-6 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 48,000 – 210,000 บาทต่อปี
|
รายการ |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายต่อปี |
ค่าเทอม |
2,000 – 10,000 บาท |
|
ค่าอุปกรณ์การเรียน |
500 – 1,000 บาท |
|
ของเล่นเสริมพัฒนาการ |
500 – 1,500 บาท |
|
กิจกรรมเสริมทักษะ |
1,000 – 5,000 บาท |
|
รวม |
4,000 – 17,500 บาท |
|
เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ช่วงวัย 6-12 ปี
ช่วงวัย 6-12 ปี เด็กๆ เข้าสู่วัยเรียนอย่างเต็มตัว อยู่ในช่วงชั้นประถมศึกษา ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ ความสนใจและความต้องการของเด็กๆ เริ่มหลากหลายมากขึ้น ค่าใช้จ่ายหลักในช่วงวัยนี้จึงเน้นไปที่การศึกษา การเรียนรู้ และกิจกรรมต่างๆ ได้แก่
- การศึกษาภาคบังคับ: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงเรียน เช่นเดียวกับช่วงวัยอนุบาล
- โรงเรียนรัฐบาล: ค่าเทอมยังคงค่อนข้างถูก แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถรับ-ส่ง โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท
- โรงเรียนเอกชน: ค่าเทอมสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล มีหลักสูตร สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่หลากหลายกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท
- โรงเรียนนานาชาติ: ค่าเทอมสูงที่สุด เน้นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีหลักสูตรมาตรฐานสากล และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 800,000 บาท
- ค่าอุปกรณ์การเรียน: ในช่วงวัยนี้ เด็กๆ ต้องการอุปกรณ์การเรียนมากขึ้น เช่น กระเป๋า รองเท้า หนังสือ สมุด เครื่องเขียน ชุดพละ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ คุณภาพ และปริมาณที่ใช้
- กิจกรรมเสริมทักษะ: เพื่อพัฒนาความสามารถและส่งเสริมความสนใจของเด็ก เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษา คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภท ระยะเวลา และสถานที่เรียน
- ค่าเดินทาง: ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป-กลับโรงเรียน และการเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่ารถโดยสารสาธารณะ ค่ารถรับ-ส่ง ฯลฯ
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงวัย 6-12 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 84,000 – 372,000 บาทต่อปี
|
รายการ |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายต่อปี |
ค่าเทอม |
4,000 – 20,000 บาท |
|
ค่าอุปกรณ์การเรียน |
1,000 – 3,000 บาท |
|
กิจกรรมเสริมทักษะ |
1,000 – 5,000 บาท |
|
ค่าเดินทาง |
1,000 – 3,000 บาท |
|
รวม |
7,000 – 31,000 บาท |
|

เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ช่วงวัย 12-18 ปี
ช่วงวัย 12-18 ปี เป็นช่วงวัยรุ่น เด็กๆ กำลังเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง และเริ่มให้ความสำคัญกับสังคมเพื่อนฝูง ค่าใช้จ่ายในช่วงวัยนี้จึงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่
- การศึกษามัธยมศึกษา: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงเรียน เช่นเดียวกับช่วงวัยประถมศึกษา
- โรงเรียนรัฐบาล: ค่าเทอมยังคงค่อนข้างถูก แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถรับ-ส่ง โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
- โรงเรียนเอกชน: ค่าเทอมสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล มีหลักสูตร สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่หลากหลายกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 80,000 – 300,000 บาท
- โรงเรียนนานาชาติ: ค่าเทอมสูงที่สุด เน้นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีหลักสูตร สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมระดับนานาชาติ โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 400,000 – 1,000,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากวัยรุ่นเริ่มให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก การแต่งกาย และการเข้าสังคม เช่น ค่าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต ค่าสังสรรค์กับเพื่อน ฯลฯ
- กิจกรรมนอกหลักสูตร: เพื่อพัฒนาความสามารถ ส่งเสริมความสนใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อ เช่น การเรียนพิเศษ กีฬา ดนตรี ศิลปะ ภาษา ค่าย ฯลฯ ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภท ระยะเวลา และสถานที่เรียน
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงวัย 12-18 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 144,000 – 636,000 บาทต่อปี
|
รายการ |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายต่อปี |
ค่าเทอม |
6,000 – 30,000 บาท |
|
ค่าอุปกรณ์การเรียน |
1,000 – 3,000 บาท |
|
กิจกรรมนอกหลักสูตร |
2,000 – 10,000 บาท |
|
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว |
3,000 – 10,000 บาท |
|
รวม |
12,000 – 53,000 บาท |
|
เตรียมตัวมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ช่วงวัย 18-21 ปี
ช่วงวัย 18-21 ปี ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของชีวิต ลูกเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา บางคนอาจเริ่มทำงานพิเศษ หรือออกไปใช้ชีวิตอิสระ ค่าใช้จ่ายในช่วงวัยนี้จึงเน้นไปที่การศึกษา ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต ได้แก่
- การศึกษาในระดับอุดมศึกษา: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสถาบัน หลักสูตร และรูปแบบการเรียน
- มหาวิทยาลัยรัฐบาล: ค่าเทอมค่อนข้างถูก โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 15,000 – 50,000 บาท
- มหาวิทยาลัยเอกชน: ค่าเทอมสูงกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาล มีหลักสูตร สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่หลากหลายกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 50,000 – 300,000 บาท
- มหาวิทยาลัยต่างประเทศ: ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด รวมถึงค่าเทอม ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ฯลฯ โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 500,000 – 2,000,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประเทศ สถาบัน และหลักสูตร)
- ค่าครองชีพ: ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่อยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์ของลูก เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ฯลฯ
- พักอยู่กับครอบครัว: ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- เช่าหอพัก/อพาร์ทเม้นท์: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เช่น ค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ ค่ากิจกรรม ค่าเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ
โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วงวัย 18-21 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 132,000 – 540,000 บาทต่อปี
|
รายการ |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน |
ค่าใช้จ่ายต่อปี |
ค่าเทอม |
4,000 – 25,000 บาท |
|
ค่าครองชีพ |
5,000 – 15,000 บาท |
|
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ |
2,000 – 5,000 บาท |
|
รวม |
11,000 – 45,000 บาท |
|
***ข้อมูลค่าใช้จ่ายข้างต้นเป็นเพียงการประมาณกาiเท่านั้น ค่าเทอม ราคาสินค้าและบริการอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากโรงเรียน ร้านค้า และผู้ให้บริการต่างๆ อีกครั้งนะคะ
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก
นอกจากช่วงวัยของลูกแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก ได้แก่
- ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว: สภาพัฒน์เผยว่า ครอบครัวฐานะดีที่สุดใช้จ่ายกับลูกมากกว่าครอบครัวฐานะยากจนที่สุดถึง 7 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม
- สถานที่อยู่อาศัย: ค่าครองชีพในเมืองใหญ่ มักสูงกว่าต่างจังหวัด ส่งผลต่อค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- รูปแบบการเลี้ยงดู: การเลี้ยงลูกเอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด ขณะที่การจ้างพี่เลี้ยง หรือฝาก daycare มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- การศึกษา: ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ สูงกว่าโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนรัฐบาลตามลำดับ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม ฯลฯ
- กิจกรรมเสริม: ยิ่งลูกทำกิจกรรมเสริมมาก ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูงขึ้น เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษา ฯลฯ
พ่อแม่ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ ประกอบการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะ และความต้องการของครอบครัวค่ะ

วางแผนการเงินก่อนมีลูกอย่างไรดี
การวางแผนการเงินก่อนมีลูกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ และสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว โดยมี 3 หัวใจสำคัญ คือ
-
การออมเงิน
- ตั้งเป้าหมายการออม: กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออม และระยะเวลาในการออม เช่น ออมเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี
- เลือกวิธีการออมที่เหมาะสม: เช่น
- ฝากประจำ: ได้ดอกเบี้ยคงที่ ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับการออมระยะสั้น-กลาง
- กองทุนรวม: มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่า แต่มีความเสี่ยง เหมาะสำหรับการออมระยะยาว
- สลากออมสิน: มีโอกาสถูกรางวัล แต่ผลตอบแทนไม่แน่นอน
- ใช้เครื่องมือทางการเงิน: เช่น
- แอปพลิเคชัน: ช่วยบันทึกค่าใช้จ่าย และติดตามการออม
- บัญชีเงินฝากแยก: แยกบัญชีสำหรับค่าใช้จ่าย และบัญชีสำหรับการออม
-
การลงทุน
- ลงทุนระยะยาว: เพื่อให้เงินงอกเงย และสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตของลูก เช่น
- กองทุนรวม: ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือ อสังหาริมทรัพย์
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์: ได้รับความคุ้มครอง และผลตอบแทน
- ทองคำ: เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย รักษามูลค่าในระยะยาว
- กระจายความเสี่ยง: ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
-
ประกันชีวิตและสุขภาพ
- ประกันชีวิต: ช่วยรองรับความเสี่ยง หากผู้ปกครองเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพ ลูกจะได้รับเงินก้อน เพื่อใช้จ่ายในอนาคต
- ประกันสุขภาพ: ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย หากลูกเจ็บป่วย หรือ ประสบอุบัติเหตุ
การวางแผนทางการเงินที่ดี จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ มีความพร้อมในการเลี้ยงดูลูก และสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกน้อย อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูล และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกวิธีการออม การลงทุน และประกัน ที่เหมาะสมกับครอบครัวนะคะ
แม้ตัวเลขค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก อาจดูเป็นจำนวนที่สูงจนน่าตกใจ แต่สุดท้ายแล้ว เงินก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการเตรียมตัวมีลูกเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความพร้อมของคุณพ่อคุณแม่ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ มีความรัก ความเข้าใจที่จะดูแลลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และมีความสุขในชีวิตค่ะ
ที่มา : brandinside, ข้อมูลสินค้าและบริการรวบรวมจาก เว็บไซต์โรงเรียน, โรงพยาบาล และร้านค้าชั้นนำ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!