ภาวะ RDS (Respiratory Distress Syndrome) หรือ ภาวะหายใจลำบากในทารกแรกเกิด เป็นอย่างไร คุณแม่ ๆ อยากรู้ใช่ไหมว่า โรคหายใจลำบาก เกิดจากสาเหตุใดบ้าง พร้อมวิธีดูแลครรภ์อย่างไร ไม่ให้ทารกเสี่ยงเป็นโรคหายใจลำบาก มาดูกัน
RDS คืออะไร
RSD คือ อะไร
RDS คือ ภาวะหายใจลำบากในทารกแรกเกิด เกิดจากการที่ปอดยังสร้างไม่สมบูรณ์ และขาดสารลดแรงดึงผิว (Surfactant) จึงมีผลทำให้ปอดแฟบ หายใจเข้าออกผิดปกติ เช่น หายใจดัง หายใจเร็ว ตัวเขียว อึดอัดขณะหายใจ หากรุนแรง ทารกก็จะไม่สามารถหายใจเองได้
ภาวะ RDS ส่วนใหญ่พบในทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อน 28 สัปดาห์ เมื่อคลอดแล้วจำเป็นจะต้องรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายล้มเหลวและอันตรายถึงชีวิต
บทความที่เกี่ยวข้อง : 4 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง
ปัจจัยเสี่ยง ภาวะหายใจลำบากในทารกแรกเกิด
ปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดก็คือ “การคลอดก่อนกำหนด” ค่ะ ยิ่งคลอดเร็วเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงได้แก่
หากคุณแม่อายุมาก มีโรคประจำตัวมาก เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือระหว่างตั้งครรภ์มีภาวะแทรกซ้อน คุณแม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ก็จะมีโอกาสทำให้เด็กไม่แข็งแรง คลอดก่อนกำหนด และเสี่ยงเป็นภาวะโรคหายใจลำบาก
หากพบว่าเด็กมีอาการผิดปกติหรือพิการแต่กำเนิด ก็จะสามารถทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ หรือในกรณีของตั้งครรภ์แฝด ก็สามารถเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด และเสี่ยงเป็นโรคหายใจลำบากได้เช่นกัน
คุณแม่อาจมีการติดเชื้อแฝง หรือรกมีความผิดปกติ เช่น รกเกาะต่ำ จนทำให้มีภาวะเลือดออกง่าย ก็เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้คุณแม่เจ็บครรภ์ จนคลอดก่อนกำหนดได้
อาการแบบไหน…ที่บ่งบอกว่าลูกอาจมีภาวะ RDS?
ทารกที่มีภาวะหายใจลำบากในทารกแรกเกิด จะแสดงอาการในระยะเวลาไม่นานหรือทันทีหลังคลอด โดยจะเห็นได้ชัดว่าทารกมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น
- หายใจเร็วและหอบ (มากกว่า 60 ครั้งต่อนาที)
- หายใจมีเสียงดัง หรือร้องคราง ทุกครั้งที่หายใจออก จมูกบานหรือกว้างขึ้นเวลาหายใจ
- หยุดหายใจเป็นเวลาสั้น ๆ เป็นพักๆ
- หน้าอกบุ๋ม หรือช่วงระหว่างซี่โครงยุบลงไป
- ริมฝีปาก ปลายมือและปลายเท้าเป็นสีม่วงคล้ำ เพราะออกซิเจนไม่เพียงพอ
- ปริมาณของปัสสาวะลดลง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกมีน้ำมูกเรื้อรัง…เกิดจากไซนัสอักเสบได้หรือไม่?
การวินิจฉัย เมื่อลูกมีภาวะหายใจลำบาก
โรคหายใจลำบาก RSD คือ อะไร
เมื่อคุณหมอสงสัย ภาวะหายใจลำบากในทารกแรกเกิด จะมีการวินิจฉัยเพื่อยืนยันและประเมินความรุนแรงค่ะ
- การตรวจร่างกาย: สังเกตอาการหายใจลำบากที่กล่าวไปข้างต้น
- เอกซเรย์ปอด: จะเห็นลักษณะเฉพาะของปอดที่ขาดสารลดแรงตึงผิว คือจะเห็นเป็นฝ้าขาวทึบคล้ายกระจกฝ้า
- การตรวจวัดออกซิเจน: ทั้งการวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนที่ปลายนิ้ว และการเจาะเลือดเพื่อดูค่าออกซิเจนในเลือดโดยตรง
- การตรวจเลือด: เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วยหรือไม่
การรักษาภาวะ RDS
หัวใจสำคัญของการรักษา RDS คือการช่วยให้ลูกหายใจได้ดีขึ้น และให้เวลาปอดของลูกน้อยได้พัฒนาจนแข็งแรง
- การให้สารลดแรงตึงผิวทดแทน: นี่คือการรักษาที่สำคัญที่สุดค่ะ คุณหมอจะให้สารลดแรงตึงผิวสังเคราะห์เข้าไปในปอดของทารกโดยตรงผ่านทางท่อช่วยหายใจ เพื่อให้ถุงลมกลับมาทำงานได้ดีขึ้น
- การช่วยหายใจ: มีหลายระดับขึ้นอยู่กับความรุนแรง
- CPAP (ซี-แพ็บ): การใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดไม่ต้องใส่ท่อ โดยครอบหน้ากากเล็ก ๆ ที่จมูกเพื่อส่งแรงดันบวกเข้าไปช่วยให้ถุงลมไม่แฟบ
- เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator): ในกรณีที่รุนแรงมาก ลูกอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อใ้เครื่องช่วยควบคุมการหายใจให้ทั้งหมด
- การดูแลแบบประคับประคองใน NICU: ลูกน้อยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในหออภิบาลทารกแรกเกิด (NICU) ทั้งการควบคุมอุณหภูมิ สารน้ำ และโภชนาการที่เหมาะสม
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะหายใจลำบาก
เนื่องจากปอดของทารกแรกเกิดยังบอบบางและร่างกายยังไม่แข็งแรง ภาวะ RDS อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ ในระยะยาวแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เช่น
- เกิดอากาศสะสมบริเวณรอบหัวใจหรือทรวงอก
- มีปัญหาในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิดและภาวะปอดแฟบ เป็นต้น
- ความผิดปกติในด้านพัฒนาการด้านต่าง ๆ เช่น ความบกพร่องทางสติปัญญา มีปัญหาด้านการมองเห็น เป็นต้น
- เกิดการแข็งตัวของเลือด ลิ่มเลือด
- มีเลือดออกในสมองหรือปอด
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
- ไตวาย
ดูแลครรภ์อย่างไร ไม่ให้ทารกเสี่ยง ภาวะหายใจลำบาก
RDSโรคหายใจลำบาก RSD คือ อะไร
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน RDS คือการป้องกัน “การคลอดก่อนกำหนด” ค่ะ
- ฝากครรภ์สม่ำเสมอ ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องพบสูติแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเข้ารับการตรวจว่ามีภาวะเสี่ยงหรือเปล่า
- ใส่ใจการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่ งดใช้สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ในกรณีที่คุณแม่มีภาวะเสี่ยง เช่น อายุมาก หรือตั้งครรภ์เกินอายุ 35 ปีขึ้นไป มีภาวะเบาหวาน ตั้งครรภ์แฝด หรือครรภ์เป็นพิษ จะถือว่ามีภาวะเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด และจะต้องได้รับการดูแลแบบเฉพาะทางพิเศษอย่างใกล้ชิด
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เจ็บท้องผิดปกติ มีมูกเลือดออกจากช่องคลอด ลูกดิ้นน้อยลง หรือคุณแม่มีไข้ ตกขาวมีกลิ่นเหม็นหรือไม่ เพื่อจะได้รับพบแพทย์ได้ทันเวลา
- หากมีอาการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด และมาพบแพทย์ได้ทัน แพทย์จะสามารถให้ยายับยั้งไม่ให้คลอดก่อนกำหนดได้ ก็จะทำให้เด็กปลอดภัยจากภาวะหายใจลำบากมากขึ้น หรือมีอาการที่ไม่รุนแรงมากนัก
หากคุณแม่ดูแลตัวเองอย่างดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ แต่หากสุดท้ายแล้ว คุณแม่คลอดก่อนกำหนด ก็ขอให้คุณแม่มั่นใจในทีมแพทย์และเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบันนะคะ เด็ก ๆ ที่เป็น RDS ส่วนใหญ่สามารถเติบโตและมีพัฒนาการที่แข็งแรงได้ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิจัยชี้! คนท้องทำงานกะดึก เพิ่มความเสี่ยงแท้งลูก-คลอดก่อนกำหนด
ต้องเบ่งกี่ครั้งกว่าลูกจะคลอด? เคล็ดลับ “เบ่งคลอด” ให้ราบรื่นและปลอดภัย
วางแผนลาคลอด ตอนกี่สัปดาห์? รวมคำแนะนำจากประสบการณ์คุณแม่
ที่มา : pobpad,phyathai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!