ในวันที่สังคมเต็มไปด้วยการตัดสิน และการเปรียบเทียบ พ่อแม่จำนวนมากเริ่มมองหาวิธี เลี้ยงลูกให้รักตัวเอง เพราะรู้ว่าความรัก และการยอมรับในตัวเอง คือเกราะป้องกันชั้นดีให้ลูกกล้าคิด กล้าลอง และเติบโตอย่างมีความสุข การเลี้ยงดูแนวนี้ ไม่ใช่การชมพร่ำเพรื่อ หรือปล่อยตามใจ แต่คือการวางรากฐานทางอารมณ์ด้วยความเข้าใจ รับฟัง และกำกับด้วยขอบเขตที่อบอุ่น เพื่อให้ลูกค่อย ๆ เรียนรู้ว่า “ฉันมีคุณค่า แม้ยังไม่เก่งที่สุด หรือยังไม่สมบูรณ์แบบ”
ทำไมการ เลี้ยงลูกให้รักตัวเอง ถึงสำคัญ
การ “รักตัวเอง” ไม่ใช่ความหลงตัวเอง แต่คือรากฐานทางอารมณ์ที่มั่นคง เพื่อให้ลูกเคารพตัวเอง รวมไปถึงจะส่งผล ให้เป็นคนที่เคารพผู้อื่นในอนาคตด้วย
- การรักตัวเอง คือการรู้คุณค่าของตัวเอง เด็กที่เห็นคุณค่าในตนเอง จะตัดสินใจบนพื้นฐานของความเคารพตัวเองและผู้อื่น กล้าลองผิดลองถูก และฟื้นตัวจากความผิดหวังได้เร็ว
- ความยืดหยุ่นทางใจ (resilience) เริ่มจากการรู้ว่า “พลาดได้ แก้ไขได้” ไม่ใช่ “พลาด = แย่”
- ลดปัจจัยเสี่ยงในอนาคต เด็กที่เติบโตด้วยคำกร่นด่า หรือการเปรียบเทียบรุนแรง มักสร้างเสียงวิจารณ์ในใจต่อตัวเอง (inner critic) ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจ ความสัมพันธ์ และการเรียนรู้

วิธีเลี้ยงลูกให้รักตัวเอง “ผ่านคำพูด”
คำพูด คือเครื่องมือทรงพลังที่สุดในบ้าน เราใช้ภาษาสร้างกรอบความคิดให้ลูกทุกวัน ต่อไปนี้คือ คู่มือคำพูด ที่สามารถช่วยให้ลูกรักตัวเองได้
หลักการของการใช้คำพูด ที่ช่วยให้เห็นคุณค่าในตัวเอง
- ชมความพยายาม หรือกระบวนการ มากกว่าผลลัพธ์ เช่น “หนูตั้งใจต่อบล็อกอยู่ตั้งนาน เกือบสำเร็จแล้ว ลองอีกครั้งไหม” เด็กจะเชื่อมความสำเร็จ กับการฝึกฝน ไม่ใช่พรสวรรค์ล้วน ๆ
- อธิบายให้เห็นผลของการกระทำ เช่น “หนูแบ่งของเล่นให้เพื่อน เพื่อนยิ้มกว้างเลย” คำบรรยายพฤติกรรม จะทำให้เด็กเห็นความหมายของการกระทำ
- แยกพฤติกรรมออกจากตัวตน เช่น “วันนี้หนูตีกลองดังไปนิด เราลดเสียงลงหน่อยนะ” แทนการบอกว่า “ดื้อ หรือซนเกินไป” เด็กจะเรียนรู้ว่าพฤติกรรมปรับได้ แต่คุณค่าไม่ลด
- หลีกเลี่ยงการแปะป้าย แม้ดูเป็นคำชม เช่น “เด็กดีต้องไม่ร้องไห้” เพราะจะสร้างความกดดันให้กับเด็ก ให้ลองเปลี่ยนเป็น “หนูพยายามมามากเลย แม่ภูมิใจในความตั้งใจของหนู”
- ไม่เปรียบเทียบ ทั้งเชิงบวกและลบ เช่น “แม่เห็นหนูพยายามของหนูเอง แม่ดีใจในความก้าวหน้าของหนู” ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น
ตัวอย่างประโยค สำหรับสถานการณ์ประจำวัน
- เมื่อลูกทำของหก หรือทำผิดพลาด ให้ลองเปลี่ยนจาก “ดูซุ่มซ่ามจัง!” เป็น “หกแล้ว เรามาเช็ดด้วยกันนะ ครั้งหน้าเราค่อย ๆ เท ทีละนิดก็ได้”
- หากลูกแพ้เกม หรือเสียหน้า ให้เปลี่ยนจากการซ้ำเติม เป็นคำพูดเชิงบวก เช่น “แพ้แล้วรู้สึกยังไง เล่าให้แม่ฟังได้เลยนะ ครั้งหน้าเราซ้อมเพิ่มท่าไหนดี”
- เมื่อลูกยังทำไม่ได้สักที ให้ใช้วิธีการให้กำลังใจ เช่น “ร่างกายหนูยังต้องฝึกอีกหน่อย ลองแบ่งเป็นขั้นเล็ก ๆ กันไหม แม่อยู่ข้าง ๆ”
- หากลูกอารมณ์ปะทุ ให้สอนให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์ เช่น “แม่เห็นว่าหนูโกรธมาก แม่อยู่กับหนูนะ หายใจลึก ๆ ก่อน แล้วนั่งเงียบ ๆ สักพักดีไหม”
- ถ้าลูกไม่อยากลองของใหม่ แม่ลองอยู่ข้าง หรือชวนให้ลอง โดยไม่กดดัน พร้อมให้ทางเลือก เช่น “รู้สึกยังไม่พร้อมใช่ไหม หนูอยากให้แม่ช่วยตรงไหน หรืออยากลองดูแค่นิดเดียวก่อน”
คำพูดที่ควรเลี่ยง และทางเลือกที่ดีกว่า
- “ร้องอะไรนักหนา” → “หนูเสียใจใช่ไหม มาหาที่เงียบ ๆ แล้วค่อยเล่าให้แม่ฟัง”
- “ดูสิ เพื่อนทำได้หมดแล้ว” → “เราค่อย ๆ ทำตามในแบบของเรา แม่ช่วยคิดขั้นแรกด้วยกัน”
- “เด็กดีต้องไม่ดื้อ” → “ถ้าหนูไม่เห็นด้วย หนูบอกเหตุผลได้ แต่เรายังต้องเก็บของก่อนกินขนมนะ”
- “เก่งที่สุดในห้อง!” → “แม่ชอบที่หนูซ้อมทุกวัน เห็นความก้าวหน้าของหนูชัดเลย”

วิธีรับมือ เมื่อสังคมภายนอกทำให้ลูกสงสัยคุณค่าของตัวเอง
โลกภายนอกอาจเร็ว และแรงกว่าที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแซว, การเปรียบเทียบ, การโดนกีดกัน เวลาที่เด็กยังไม่ถนัด สิ่งสำคัญคือ การเปลี่ยนเหตุการณ์เหล่านี้ ให้กลายเป็นภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูก
หลัก 3A: Acknowledge – Anchor – Assist
- Acknowledge (รับรู้ความรู้สึก): “หนูเสียใจที่โดนล้อใช่ไหม เล่าให้แม่ฟังได้เลย” ให้แม่รองรับความรู้สึกของลูก ก่อนสอนอะไรเสมอ เด็กจะเปิดใจรับฟัง
- Anchor (ย้ำคุณค่าภายใน): “หนูมีน้ำใจ แม่เห็นหนูแบ่งของเล่นเสมอ นี่คือสิ่งที่ทำให้หนูพิเศษ” เชื่อมโยงเหตุการณ์ กลับไปยังคุณค่าในตัวของลูก
- Assist (ช่วยวางแผน): “คราวหน้าถ้าเจออีก เราพูดว่า ‘ไม่เอานะ เราไม่ชอบ’ หรือเดินออกมาหาครูดีไหม ลองซ้อมพูดกันตอนนี้”
ตัวอย่างเหตุการณ์ พร้อมประโยคแนะนำ
โดนแซวเรื่องรูปร่าง ผิว ทรงผม
- พูดกับลูก: “คำพูดนั้นทำให้หนูเจ็บใช่ไหม หนูรู้ไหมว่า ร่างกายไม่ว่าจะแบบไหน ก็พาให้หนูทำสิ่งที่ชอบได้ตั้งเยอะ”
- พูดกับผู้ใหญ่ที่แซวลูก: “ขอใช้คำอื่นแทนนะคะ เด็กกำลังเรียนรู้คุณค่าจากคำของผู้ใหญ่ เราอยากให้เขาภูมิใจกับตัวเองค่ะ”
โดนเปรียบเทียบเรื่องทักษะ
- พูดกับลูก: “คนเราใช้เวลาไม่เท่ากัน หนูกำลังฝึกของหนูอยู่ แม่เห็นความพยายามชัดมาก”
- พูดกับครู หรือญาติ: “บ้านเราพยายามโฟกัสความก้าวหน้าส่วนตัวของเด็ก มากกว่าอันดับนะคะ”

สิ่งที่พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยง
บางครั้งพ่อแม่ก็อาจจะทำพฤติกรรม ที่ส่งผลต่อการเห็นค่าในตัวเองของลูก ลองมาเช็กกันดูสิว่า เราเผลอทำแบบนี้กันบ้างไหม
- ลงโทษแบบทำให้อับอาย เช่น การทำโทษต่อหน้าเพื่อน การพูดจาเสียดสี ประชดประชัน
- เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ควรเปลี่ยนเป็นเปรียบเทียบให้เห็นความก้าวหน้าในตัวเองแทน
- ชื่นชมเกินจริง การให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย
- ตั้งความคาดหวังสูง
- บังคับให้ลูกคิดบวกตลอดเวลา
- การรักแบบมีเงื่อนไข เช่น การให้ความสนใจเฉพาะตอนทำดี
- แก้ปัญหาแทนตลอดเวลา เด็กจะไม่ได้ฝึกลองผิดลองถูก
- โพสต์โซเชียลแซวลูก หรือทำให้อับอาย
การ เลี้ยงลูกให้รักตัวเอง คือการค่อย ๆ สร้างรากฐานในใจ ให้เด็กเชื่อว่า ฉันมีคุณค่า แม้กำลังเรียนรู้ แม้ยังไม่เก่งที่สุด พ่อแม่สามารถทำได้ ด้วยวิธีเล็ก ๆ ที่สม่ำเสมอ จากคำพูดที่อ่อนโยน ยอมรับอารมณ์ ตั้งขอบเขตชัด และสอนทักษะรับมือโลกภายนอก บ้านอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นที่ที่ลูกกล้ากลับมาเติมพลังเสมอ และเมื่อถึงวันหนึ่ง ลูกจะได้ยินเสียงของตัวเองกระซิบว่า “ฉันลองใหม่ได้ ฉันขอความช่วยเหลือได้ และฉันรักตัวเองได้” เพราะสุดท้ายแล้ว การเลี้ยงลูกให้รักตัวเอง คือของขวัญที่พ่อแม่สามารถให้เขาได้ตั้งแต่ยังเล็ก และจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สอนลูกให้มี ทักษะคิดแก้ปัญหา เอาตัวรอดได้ ในวันที่พ่อแม่ไม่สามารถอยู่ช่วยลูกได้ตลอด
ไขจิตวิทยา ทำไมพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นหมอ : ลูกไม่ต้องเป็นหมอก็ได้ ถ้ามีความสุข
เลี้ยงลูกยังไงให้อยากไปโรงเรียน สร้างความสุขในการเรียนรู้ ตั้งแต่ก้าวแรก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!