โรงเรียนเป็นอีกก้าวสำคัญของพัฒนาการเด็ก ๆ การที่ลูกจะรู้สึกดี และพร้อมที่จะไปโรงเรียนนั้น เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนปรารถนา บทความนี้จะมาช่วยแนะนำว่า เลี้ยงลูกยังไงให้อยากไปโรงเรียน เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างมีความสุข และเต็มศักยภาพ

เลี้ยงลูกยังไงให้อยากไปโรงเรียน
1. สร้างทัศนคติเชิงบวก: กุญแจสำคัญสู่การอยากไปโรงเรียน
การปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ คือสิ่งสำคัญอันดับแรก พ่อแม่ควรเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี! ลองเล่าเรื่องราวสนุก ๆ เกี่ยวกับโรงเรียนให้ลูกฟังบ่อย ๆ อาจจะยกตัวอย่างเรื่องราวสมัยที่คุณพ่อคุณแม่ยังเป็นเด็ก ๆ เช่น “แม่จำได้ตอนเด็ก ๆ แม่ชอบเล่นที่สนามเด็กเล่นโรงเรียนมาก ๆ เลย มีเครื่องเล่นเยอะแยะเลยนะ” หรือ “พ่อเคยมีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเยอะแยะเลยนะ เราทำกิจกรรมด้วยกันทุกวันเลย”
การพูดถึงสิ่งดี ๆ ที่ลูกจะได้รับจากการไปโรงเรียน เช่น การได้เจอเพื่อนใหม่ที่น่ารัก การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ การได้เล่นสนุกกับคุณครูและเพื่อน ๆ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกในใจลูกได้ หลีกเลี่ยงการพูดขู่ หรือใช้โรงเรียนเป็นเครื่องมือในการลงโทษ เช่น “ถ้าดื้อจะส่งไปโรงเรียนแต่เช้าเลยนะ” หรือ “ถ้าไม่กินข้าวจะให้คุณครูตี” เพราะนั่นจะทำให้ลูกรู้สึกกลัว และไม่อยากไปโรงเรียน พ่อแม่ควรให้ความมั่นใจ และสื่อสารกับลูก ๆ ว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความสุข
2. เตรียมความพร้อมรอบด้าน: ลดความกังวล สร้างความมั่นใจ
การเตรียมความพร้อมก่อนวันไปโรงเรียนจริง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มจากการพาไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่จริงก่อนวันเปิดเรียน อาจจะนัดคุณครู เพื่อพาลูกไปเยี่ยมชมโรงเรียน ทำความรู้จักกับคุณครูประจำชั้น เดินดูสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน เช่น ห้องเรียนที่ลูกจะต้องใช้ สนามเด็กเล่น ห้องน้ำ หรือมุมหนังสือ
การทำความคุ้นเคยล่วงหน้า จะช่วยลดความกังวล และทำให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น เมื่อถึงวันจริงลูกจะรู้สึกเหมือนได้กลับมายังสถานที่ที่เคยเห็นแล้ว ไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ การเลือกซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ลูกชื่นชอบ เช่น กระเป๋าลายการ์ตูนที่ลูกชอบ กล่องดินสอสีสันสดใส หรือชุดนักเรียนที่ลูกรู้สึกสบายและชอบ ก็ช่วยเพิ่มความตื่นเต้น และทำให้ลูกอยากไปโรงเรียนมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าได้เป็นเจ้าของสิ่งของเหล่านั้น และพร้อมที่จะนำไปใช้ที่โรงเรียนแล้ว

3. สร้างกิจวัตรประจำวัน: ปรับตัวง่าย สบายใจลูก
การสร้างกิจวัตรประจำวัน ที่สอดคล้องกับตารางเวลาของโรงเรียน จะช่วยให้ลูกปรับตัวได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ลองเริ่มปรับเวลาการตื่นนอน และเข้านอน ให้ตรงตามเวลาที่ต้องตื่นไปโรงเรียน หรือรับประทานอาหารเช้าให้ตรงเวลา เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน กับการเริ่มต้นวันใหม่ในเวลาเดียวกันทุกวัน
พ่อแม่สามารถสร้างตารางกิจกรรมประจำวันที่บ้าน ให้คล้ายกับที่โรงเรียน เช่น กำหนดช่วงเวลาอ่านหนังสือ เล่นของเล่น หรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคง รู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อไหร่ และพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่ที่โรงเรียน โดยไม่รู้สึกสับสน หรือกังวลมากเกินไป การฝึกกิจวัตรเหล่านี้ ยังช่วยให้ลูกรู้จักวินัย และความรับผิดชอบ ตั้งแต่เด็กอีกด้วย
4. สอนทักษะช่วยเหลือตนเอง: สร้างความมั่นใจให้ลูกพร้อมใช้ชีวิตที่โรงเรียน
นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจแล้ว การฝึกฝนทักษะพื้นฐาน ในการช่วยเหลือตนเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจ และพร้อมที่จะใช้ชีวิตที่โรงเรียนได้อย่างมีความสุข เมื่อลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เช่น การรับประทานอาหารด้วยตัวเอง การเข้าห้องน้ำได้เอง การเก็บของเล่น หรือการสวมใส่เสื้อผ้าได้เอง จะช่วยลดความกังวล ในการต้องพึ่งพาผู้อื่นตลอดเวลา และทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจในความสามารถของตนเอง
พ่อแม่สามารถเริ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้ ได้ตั้งแต่ที่บ้าน โดยให้โอกาสลูกได้ลองทำด้วยตัวเอง แม้จะใช้เวลา หรือทำไม่เรียบร้อยในตอนแรก แต่การให้กำลังใจ และชื่นชมความพยายามของลูก จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกอยากฝึกฝนต่อไป ทักษะเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญ ของการพัฒนาตนเองในอนาคตอีกด้วย
5. ส่งเสริมความสัมพันธ์: สร้างสังคมที่ดีให้ลูก
ความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณครูและเพื่อน ๆ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยที่โรงเรียน พ่อแม่ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณครูประจำชั้น หมั่นสอบถามความเป็นไปของลูกที่โรงเรียน พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณครูอย่างสม่ำเสมอ และให้ความร่วมมือกับคุณครูในการดูแล และส่งเสริมพัฒนาการของลูก
การที่พ่อแม่และคุณครูสื่อสารกันอย่างเปิดอก จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่า มีผู้ใหญ่ที่พร้อมให้การสนับสนุน ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียน นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ลูกได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ จะช่วยให้ลูกรู้สึกสนุก และมีสังคมที่โรงเรียน อาจจะชวนเพื่อน ๆ ของลูกมาเล่นที่บ้าน หรือพาลูกไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ นอกโรงเรียนบ้าง เช่น ไปสนามเด็กเล่นด้วยกัน หรือไปงานวันเกิดของเพื่อน การมีเพื่อนสนิท จะทำให้ลูกรู้สึกผูกพันกับโรงเรียนมากขึ้น และอยากไปโรงเรียนเพื่อเจอเพื่อน ๆ ค่ะ

ลูกงอแงเวลาต้องไปโรงเรียน ทำอย่างไรดี?
เป็นเรื่องปกติ ที่เด็กบางคนจะงอแง หรือต่อต้านการไปโรงเรียน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปรับตัว สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ต้องใจเย็น และเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของการงอแง
1. รับฟังและรับรู้ความรู้สึก
ก่อนอื่นให้ลูกได้แสดงความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะร้องไห้ โวยวาย หรือเงียบไป พ่อแม่ควรรับฟังโดยไม่ตัดสิน เช่น “แม่รู้ว่าลูกไม่อยากไปโรงเรียนตอนนี้” หรือ “ลูกรู้สึกกังวลอะไรอยู่หรือเปล่าจ๊ะ” การที่ลูกรู้สึกว่าความรู้สึกของเขาได้รับการยอมรับ จะช่วยให้ลูกผ่อนคลายขึ้น
2. หาสาเหตุของการงอแง
ลองพูดคุยกับลูก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อาจจะเกิดจากความกลัวการพลัดพรากจากพ่อแม่ ความกังวลที่ไม่รู้จักเพื่อนใหม่ ความไม่เข้าใจบทเรียน หรือแม้กระทั่งรู้สึกไม่สบายตัว การทราบสาเหตุ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
3. สร้างความมั่นใจ และให้กำลังใจ
เน้นย้ำข้อดีของการไปโรงเรียนอีกครั้ง เช่น “ลูกจะได้เจอเพื่อนใหม่นะ” หรือ “คุณครูรอจะสอนสิ่งสนุกๆ ให้ลูกอยู่นะ” บอกให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่จะไปรับเมื่อเลิกเรียน และจะคิดถึงลูกเสมอ การกอด และให้กำลังใจก่อนไปโรงเรียนก็ช่วยได้มาก

4. กำหนดขอบเขต และสร้างความสม่ำเสมอ
แม้จะเข้าใจความรู้สึกของลูก แต่ก็ต้องคงความสม่ำเสมอในการไปโรงเรียนไว้ หากพ่อแม่ยอมให้ลูกหยุดบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้การไปโรงเรียนเป็นเรื่องยากขึ้น อาจจะตกลงกันว่า “ลูกต้องไปโรงเรียนนะ แต่ถ้าไม่สบายจริง ๆ หรือมีอะไรที่ลูกกังวลมาก ๆ ให้บอกแม่ได้เลย”
5. สร้างปฏิสัมพันธ์ในการบอกลา
การมีปฏิสัมพันธ์ง่าย ๆ ในการบอกลา เช่น การกอด การหอมแก้ม การโบกมือลา จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคง และรู้ว่าการจากกันนั้น เป็นเพียงชั่วคราว
6. ประสานงานกับคุณครู
แจ้งให้คุณครูทราบถึงสถานการณ์ที่บ้าน และขอความร่วมมือจากคุณครูในการช่วยปรับตัว หากลูกมีปัญหาที่โรงเรียน คุณครูจะสามารถช่วยสังเกต และจัดการได้อย่างเหมาะสม
7. ให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อลูกสามารถไปโรงเรียนได้ง่ายขึ้น หรือทำกิจกรรมบางอย่างที่โรงเรียนได้สำเร็จ อาจจะมีคำชื่นชม การกอด หรือรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ และแรงจูงใจ
การเลี้ยงลูกให้อยากไปโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และการสร้างบรรยากาศที่ดี ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การปลูกฝังทัศนคติเชิงบวก การเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน การสร้างกิจวัตรประจำวัน การส่งเสริมทักษะช่วยเหลือตนเอง การส่งเสริมความสัมพันธ์กับคุณครูและเพื่อน ไปจนถึงการรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของลูก รวมถึงการจัดการกับสถานการณ์ที่ลูกงอแงอย่างถูกวิธี เมื่อลูกรู้สึกมีความสุข ปลอดภัย และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างสนุกสนาน โรงเรียนก็จะกลายเป็นสถานที่ที่ลูกอยากไปในทุก ๆ วัน และพร้อมที่จะเติบโตเป็นเด็กที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิธีสอนลูก เรื่องการคบเพื่อน ป้องกันลูกเดินทางผิด เพราะกลัวเพื่อนไม่คบ
แม่โพสต์ถาม ลูกแพ้การบ้าน เปิดสมุดทีไรตาบวมทุกที ลูกใครเป็นบ้าง?
โรงเรียนอนุบาลทางเลือก ใน กทม. และปริมณฑล ที่ไหน? ค่าเทอมเท่าไร?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!