13พ่อแม่ใช้ยาผิด นั้นอาจทำให้ลูกของพวกคุณอยู่ในอันตรายได้ เพราะฤทธิ์ของยาที่เข้าสู่ร่างกายนั้นอาจเกินขนาด หรือผิดประเภท ทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต หรือไม่มีภูมิต้านทานมากเพียงพอ มาดูกันดีกว่าค่ะว่า พ่อแม่มักใช้ยาผิดกับลูกในลูกแบบไหนบ้าง
การใช้ยากับเด็กปลอดภัยใช่ไหม?
การใช้ยาสำหรับเด็กนั้นเป็นเรื่องยากที่จะปลอดภัย และผู้ปกครองหลายคงเองก็จะรู้สึกกดดัน และเป็นกังวลทุกครั้งที่จะต้องใช้ยากับเด็ก โดยที่พวกคุณเองก็ทราบกันเป็นอย่างดีว่าหากให้ในปริมาณมาก หรือน้อยจนเกินไปก็อาจส่งผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ ทางที่ดีที่สุดคุณควรสังเกตอาการของพวกเขา และให้ร่างกายของพวกเขาฟื้นตัว หรือซ่อมแซมตัวเองดีที่สุด แต่จะต้องไม่ใช่โรคหลายแรง หรืออาการร้ายแรงที่คุณไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งอาการที่สามารถปล่อยให้พวกเขาหายเองโดยไม่ทานยาได้เป็นเพียงอาการเล็กน้อยอย่างการเป็นหวัดนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : ลูกไม่สบายทำไงดี? เป็นไข้ น้ำมูกไหล ทำยังไงดี ลูกร้องไห้ไม่หยุด
ก่อนจะให้ยากับเด็ก ๆ คุณควรทราบอะไรก่อนบ้าง?
การอ่านฉลาก หรือการจดจำรายละเอียดของตัวยาที่คุณได้มาจากคุณหมอที่โรงพยาบาล หรือร้านขายยาโดยเภสัชกรก็ตาม คุณจะต้องใส่ใจ และจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวยาให้เป็นอย่างดี เพื่อความปลอดภัย และการใช้งานอย่างถูกต้อง โดยสิ่งที่ต้องทราบมีดังต่อไปนี้
- ชื่อยา และวัตถุประสงค์ของยา
- ระยะเวลาในการทาน (ความถี่ และจำนวนครั้ง)
- วิธีการใช้ยา (ในกรณีที่ไม่ใช่ยาสำหรับรับประทาน)
- คำแนะนำอื่น ๆ เช่น ทานก่อน หรือหลังอาหาร หรือก่อนนอน
- วิธีเก็บรักษายา
- วันหมดอายุ และวิธีการทำลายยาที่ถูกวิธี
- ผลข้างเคียง หรือปฏิกิริยาหลังทานยา
- ปฏิกิริยาอื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกับยาอีกประเภท
- หากมีอาการแพ้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ควรทำอย่างไรบ้าง
สิ่งที่ควรทราบ หากต้องไปซื้อยาที่ร้านขายยา
เนื่องจากปริมาณของยานั้นมีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายของเด็ก ๆ ดังนั้นคุณควรทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็น อายุ ส่วนสูง และน้ำหนัก เพราะการจ่ายยานั้นจะต้องอ้างอิงจากข้อมูลดังกล่าว เพื่อไม่ให้การจ่ายยานั้นมีผลกระทบต่อร่างกายของเด็กที่อาจได้รับความเข้มข้นของยามากจนเกินไป ดังนั้นคุณควรตอบคำถามของเภสัชกรตามความจริงเพื่อให้ได้รับยาที่ถูกต้อง และเหมาะสม ดังต่อไปนี้
- อาการแพ้ยา หรือตัวยาที่เด็กเคยมีประวัติการแพ้ยามาก่อน
- เภสัชกรจะจ่ายยาตามอาการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่จ่ายยาเกินขนาด
- เภสัชกรจะไม่จ่ายยาแก้ไอให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีเป็นอันขาด ยกเว้นแต่เภสัชกรจะแจ้งมาว่าไม่เป็นไร
นอกจากนี้หากคุณได้รับยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จำเป็นต้องกินให้ครบโดสทั้งหมด แม้ว่าอาการจะหยุดลงแล้วก็ตาม มิฉะนั้นการติดเชื้ออาจกลับมา
ใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัย?
หากเราใช้ยาไม่ถูกประเภท หรือให้เหมาะสมกับบุคคลก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้รับประทานยาได้ ดังนั้นเราจะต้องรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของการใช้ยาให้ปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบ หรือพาบุตรหลานไปหาแพทย์เพื่อดูอาการก่อนเสมอ หากคุณไม่แน่ใจว่าอาการนั้นต้องได้รับการรักษาในรูปแบบไหน
- อย่าใช้ที่เหลือจากการพบแพทย์เด็กขาด บางครั้งเภสัชกรที่จ่ายยาอาจจ่ายยาหละหลวมมากเกินความจำเป็น หากคุณมียาน้ำเหลือให้ทิ้งได้ทันทีหลังจากเลิกใช้แล้ว สำหรับยาเม็ดให้ตรวจสอบวันหมดอายุ หากได้ยานานแล้วให้ทิ้งทันที
- อย่านำยาคนอื่นให้กับบุตรหลานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นยาของเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม หรือทั้งสองคนมีอาการเหมือนกัน เพราะยานั้นจะต้องจำหน่ายตามบุคคลที่เป็นโรค หรือป่วยคนเดียวเท่านั้น
- เวลาซื้อยาที่ร้านขายยากรุณาตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน และเภสัชกรก่อนที่จะทำการซื้อ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวยา หรือการจ่ายยาผิดพลาด
บทความที่น่าสนใจ : ลูกแพ้ยา รู้ได้อย่างไรว่าเด็ก ๆ แพ้ยา เช็กได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
แบบไหนที่เรียกว่า พ่อแม่ใช้ยาผิด ?
แม้แต่พ่อแม่ที่มีสติสัมปชัญญะที่สุดก็ยังทำผิดพลาด เพราะการใช้ยากับเด็กนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่มักใช้ยาผิดกับเด็ก ดังต่อไปนี้
-
ให้ยาผิด
คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เภสัชกร หรือตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยปริมาณยาสำหรับเด็กส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ซึ่งถือเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการจ่ายยา ในการใช้ยาประเภทน้ำนั้นแนะนำให้วัดปริมาณเป็นมิลลิลิตร (มล.) แม้ว่าคุณอาจจะคุ้นเคยกับช้อนชา หรือช้อนโต๊ะก็ตาม แต่การใช้ช้อนที่ใช้ในการทานข้าว หรือทำครัวนั้นถือเป็นเรื่องที่ผิด เพราะอาจเกิดความผิดพลาดของปริมาณยาได้ คุณควรเลือกใช้ช้อนยาที่ให้มาในกล่องยา หรือที่แพทย์ให้มาเท่านั้น
-
ใช้ยาซ้ำ
การเผลอใช้ยาซ้ำโดยไม่ได้ตั้งใจถือเป็นข้อผิดพลาดทั่วไปในการใช้ยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กทารกที่ไม่สามารถบอก หรือพูดกับคุณได้เมื่อพวกเขาได้รับยาเหล่านั้นไปแล้ว คุณควรตั้งสติก่อนให้ยาทุกครั้ง และหมั่นเช็ดให้แน่ใจเกี่ยวกับตัวยาแต่ละอันที่อาจมีความใกล้เคียงกัน เพราะถ้าหากคุณลืมว่าให้พวกเขาทานไปแล้ว หมายความว่าพวกเขาจะได้รับยาเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาได้รับยาที่เกินขนาด และอย่าพยายามเพิ่มปริมาณของยาทดแทนการลืมทานยาครั้งก่อนหน้าเป็นอันขาด
-
หน่วยของยาที่สับสน
คุณควรสอบถามแพทย์ หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาให้ละเอียด และเข้าใจก่อนที่จะนำกลับมาใช้กับเด็ก ๆ เพราะในบางครั้งการสื่อสารระหว่างคุณและแพทย์ หรือบนฉลากกับคุณนั้นมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับหน่วยของยา ซึ่งยานั้นมีหน่วยที่หลากหลายดังต่อไปนี้
-
- มิลลิกรัม = ยาเม็ด
- มิลลิลิตร = ยาน้ำ
- ไม่โครกรัม = ยาสูดพ่น
ดังนั้นคุณควรศึกษาวิธีการใช้ยา ปริมาณของยาให้เข้าใจก่อนที่จะนำมาใช้กับเด็ก เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาในการรับปริมาณของยาที่มาก หรือน้อยจนเกินไป
-
ใช้ให้เหมาะสมกับตัวบุคคล
อ่านคำแนะนำ และวันหมดอายุบนฉลากเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่ายาไม่ได้หมดอายุแล้ว หรือเหมาะสมกับอาการและอายุของเด็ก นอกจากนี้หากยังไม่ได้อายุ ห้ามแกะฉลากยาออกจากขวดเด็ดขาด
-
ใช้ยาผิดวัตถุประสงค์
ส่วนใหญ่แล้วการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์นั้นจะพบมากในยาที่ใช้ภายนอก ที่ไม่ใช่การทานยาเข้าไปทาปาก เช่น ยาทาปาก ยาหยอดตา ยาใช้บนผิวหนัง ดังนั้นคุณควรอ่านฉลากให้เป็นอย่างดีว่ายานั้นมีวัตถุประสงค์ให้ใช้กับบริเวณใด และใช้อย่างไร
บทความที่น่าสนใจ : ป้อนยาลูกให้ถูกวิธี ทารก เบบี๋ เล็กเด็ก เด็กโต ไร้ปัญหาเรื่องกินยา
ควรเก็บรักษายาอย่างไร?
คุณควรอ่านฉลากยาเกี่ยวกับข้อแนะนำในการเก็บรักษายา เพราะยาบางชนิดอาจต้องแช่เย็น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถเก็บรักษาไว้ในที่แห้ง และต้องห่างจากการโดนแสงแดดโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคงเคยเห็นภาพยนตร์บางเรื่องที่มักจะเก็บตู้ยาไว้ในห้องน้ำ นั้นเป็นสิ่งที่ผิด เนื่องจากความชื้นจะทำให้ตัวยานั้นเสื่อมสภาพได้ ที่เก็บยาที่ดีที่สุดคือที่ไม่โดนแสงแดดส่อง และไม่ชื้น ยิ่งไปกว่านี้คือจะต้องห่างไกลจากมือของเด็ก ๆ ด้วย ก่อนที่จะนำยาไปเก็บในตู้ยาควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าซิปล็อคนั้นถูกปิดสนิทแล้ว เพื่อป้องกันความชื้นเข้าไปทำลายยาด้านใน เช่นเดียวกับยาชนิด คุณควรปิดฝาให้สนิทก่อนที่นำไปแช่ตู้เย็นในช่องที่เด็ก ๆ ไม่สามารถหยิบเองได้ หรือปิดให้แน่นเกินกว่าที่เด็ก ๆ จะเปิดทานเองได้
การที่เราเป็นห่วงเรื่องอาการเจ็บป่วยของบุตรหลานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรก็ตามเราจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ยาให้มาก ถึงมากที่สุด เพราะร่างกายของเด็ก ๆ นั้นยังไม่มีภูมิต้านทาน หรือแข็งแรงมากพอหากได้รับยาที่มีปริมาณเข้มข้นมาก หรือการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ ของให้คุณพ่อคุณระวังมาก ๆ เวลาใช้ยาด้วยนะคะ
บทความที่น่าสนใจ :
6 วิธีแก้ปัญหาลูกป่วยบ่อย ลูกไม่สบายบ่อย ป้องกันไม่ให้ลูกป่วยได้อย่างไรบ้าง
กินยาอย่างไรไตไม่พัง เรามาดูแลไตของเรากันเถอะ
ลูกป่วยกระทันหัน มีผื่น ตัวร้อนมาก เซื่องซึม ต้องทำอย่างไร
ที่มา : parents, kidshealth, todaysparent
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!