นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ไหลบัว วัตถุดิบพื้นบ้านที่นิยมนำมาทำเมนูยำหรือส้มตำที่ฮิตกันอย่างแพร่หลาย แต่หารู้ไหมว่าไหลบัวนั้นสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เป็นวัตถุดิบที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากความกรุบกรอบที่อร่อยแล้วยังมีประโยชน์และมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย วันนี้เรามาดูกันว่าไหลบัวมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้างและสามารถนำมาทำ เมนูไหลบัว ได้กี่แบบ ถ้าพร้อมแล้วเข้าครัวตามกันได้เลย
ไหลบัว คืออะไร ?
ไหลบัว คือ หน่อของบัวหรือส่วนที่งอกขึ้นมาและเจริญเป็นลำต้นใหม่ที่มีสีขาว โดยไหลบัวที่นิยมนำมารับประทานนั้นจะเป็น บัวบูชาพระ หรือบัวหลวง มีความกรอบกว่าสายบัว ส่วนใหญ่แล้วนิยมนำมาปรุงอาหารเมนูแกงส้ม หรือผัดกับเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันนิยมแพร่หลายในการนำมาปรุงอาหารเมนูยำหรือส้มตำที่ให้ความแซ่บและความกรุบกรอบที่ดูลงตัวสุดๆ ที่สำคัญหากต้องการรับประทานก็สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป
สรรพคุณที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
นับว่าเป็นวัตถุดิบที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาอย่างยาวนาน โดยมีคุณประโยชน์และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายอย่างมากมาย ยิ่งในช่วงอากาศร้อนหากนำไหลบัวมาปรุงอาหารนั้นเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไหลบัวจะช่วยคลายความร้อนภายในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลระบบไหลเวียนได้เป็นอย่างดี โดยสรรพคุณและประโยชน์ของไหลบัวมีดังนี้
- บำรุงหัวใจ ขยายหลอดเลือดหัวใจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ดี
- นอนหลับสบาย สามารถแก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยทำให้นอนหลับสบายและผ่อนคลายได้ตลอดคืน
- กระตุ้นระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างดี
- ลดอาการท้องผูก ไหลบัวมีเส้นใยอาหารเป็นจำนวนมากจึงสามารถแก้โรคท้องผูกได้ดี
- ขับปัสสาวะ ช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาทางเหงื่อ
- ลดความร้อนในร่างกาย ไหลบัวเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นจึงช่วยแก้อาการร้อนใน ต้านลมกำเริบได้
- เพิ่มพลังงาน ไหลบัวมีสารอาหารมากมายที่ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
- ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ลดอาการเกร็งของลำไส้และกระเพาะ
- บำรุงระบบประสาท ช่วยให้ลดความเครียดและอาการวิตกกังวล
- สารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยยับยั้งเซลล์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
บทความที่น่าสนใจ : เมนูส้มตําต่างๆ อาหารอีสานสุดแซ่บ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด อร่อยครบรสชาติ !!
5 เมนูไหลบัว อร่อยง่ายได้ประโยชน์ทั้งครอบครัว
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีการนำ ไหลบัว มาทำเมนูยำหรือส้มตำต่างๆ โดยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนไม่อาจปฏิเสธได้ แท้จริงแล้วไหลบัวยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู โดยนับว่าเป็นวัตถุดิบที่อยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน วันนี้เรามาดูกันว่าจะมี เมนูไหลบัว แบบไหนที่ถูกใจทุกคนกันบ้าง
1. ผัดไหลบัวกะปิกุ้งสด
วัตถุดิบ
- ไหลบัว
- กุ้ง
- กระเทียม
- พริกขี้หนู
- พริกจินดาแดง
- กะปิละลายน้ำ
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำตาลทราย
- น้ำมัน
วิธีทำ
- นำไหลบัวมาหั่นท่อนเป็นชิ้นขนาดกำลังพอดีแล้วพักไว้
- นำกระเทียม พริกจินดาแดง ใส่ลงในครก โขลกส่วนผสมให้เข้ากันให้พอหยาบแล้วพักไว้
- ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป ใส่กระเทียมกับพริกลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม
- ใส่กะปิละลายน้ำลงไป ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
- ใส่กุ้งลงไป ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
- เมื่อกุ้งเริ่มใกล้สุกให้ใส่ไหลบัวลงไป
- ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และพริกขี้หนู ผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้วปิดไฟได้เลย
- ตักใส่จานพร้อมรับประทาน
2. แกงส้มไหลบัวกุ้ง
วัตถุดิบ
- ไหลบัว
- กุ้ง
- กะปิ
- พริกแกงส้มใต้
- มะนาว
- น้ำมะขามเปียก
- เกลือ
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำเปล่า
วิธีทำ
- นำมะนาวมาหั่นเป็นซีก นำแกนด้านในออกแล้วพักไว้
- นำไหลบัวมาหั่นท่อนเป็นชิ้นขนาดกำลังพอดีแล้วพักไว้
- ตั้งหม้อเทน้ำลงไป รอจนน้ำร้อนแล้วใส่พริกแกงส้มใต้ กะปิ เกลือ และคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน
- เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ใส่ไหลบัว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก คนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน
- เมื่อเข้ากันดีแล้วให้บีบมะนาวและใส่กุ้งสดลงไป
- ต้มและคนไปเรื่อยๆ จนกว่ากุ้งจะสุก
- เมื่อกุ้งสุกและส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ปิดไฟ
- ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟได้เลย
3. ตำไหลบัวกุ้งสด
วัตถุดิบ
- ไหลบัว
- กุ้งสด
- กระเทียม
- พริกแดง
- พริกแห้ง
- น้ำตาลเคี่ยว
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลาร้า
- น้ำปลา
- ผงชูรส
- มะนาว
- มะเขือเทศ
- โซดา
วิธีทำ
- นำกุ้งมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า
- นำกุ้งมาดึงเส้นดำที่หลัง แกะหัวและเปลือกออก
- นำกุ้งใส่ภาชนะ โรยเกลือลงไปแล้วขยำ
- เทน้ำโซดาลงไป ใส่น้ำแข็งและขยำไปเรื่อยๆ
- ล้างกุ้งด้วยน้ำเย็นแล้วนำน้ำแข็งมากลบบนตัวกุ้ง
- นำไหลบัวมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า
- นำไหลบัวมาหั่นท่อนเป็นชิ้นขนาดกำลังพอดีแล้วพักไว้
- นำกระเทียม พริกแดง และพริกแห้งใส่ลงไปในครกตำให้พอหยาบ
- ใส่น้ำตาลเคี่ยว น้ำมะขามเปียก น้ำปลาร้า น้ำปลา และผงชูรส
- ตำให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี
- นำมะเขือเทศและมะนาวมาหั่นเป็นซีกแล้วใส่ลงไป
- ตำคลุกเคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- นำไหลบัวลงไปแล้วตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- นำกุ้งสดลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้ว ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย
4. แกงเทโพไหลบัว
วัตถุดิบ
- ไหลบัว
- หมูสามชั้น
- กะทิ
- พริกแกง
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- ใบมะกรูด
- มะนาว
วิธีทำ
- นำหมูสามชั้นล้างทำความสะอาดและหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วพักไว้
- ฉีกใบมะกรูดเอาก้านออกแล้วพักไว้
- ตั้งหม้อใส่กะทิลงไปแล้วรอให้แตกมัน
- เมื่อกะทิเริ่มเดือดแล้ว ใส่พริกแกงตามลงไป
- ใส่หมูสามชั้นลงไปแล้วผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- พอหมูเริ่มใกล้สุกให้เติมกะทิตามลงไปอีก
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ แล้วคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
- ใส่ไหลบัวและใบมะกรูดลงไป คนให้เข้ากันดี
- เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วให้ปิดไฟ
- บีบมะนาวลงไป ตักใส่ชามพร้อมรับประทาน
5. ต้มกะทิไหลบัวปลาทูทอด
วัตถุดิบ
- ไหลบัว
- ปลาทูนึ่ง
- ตะไคร้
- หอมแดง
- ใบมะกรูด
- กะปิ
- พริกไทยขาวป่น
- เกลือ
- กะทิ
- พริกจินดาแดง
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลา
วิธีทำ
- นำไหลบัวมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า
- นำไหลบัวมาหั่นท่อนเป็นชิ้นขนาดกำลังพอดีแล้วพักไว้
- นำตะไคร้มาซอยเป็นชิ้นบางๆ แล้วพักไว้
- นำใบมะกรูดมาฉีกเอาก้านออกแล้วพักไว้
- นำหอมแดงมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วพักไว้
- นำกะปิ หอมแดง พริกไทยขาวป่น และเกลือลงไปตำในครกให้ละเอียดแล้วนำไปพักไว้
- ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป นำปลาทูนึ่งลงไปทอดให้เป็นสีเหลืองสวยงาม
- เมื่อทอดเสร็จแล้วนำปลาทูมาแกะเอาแต่เนื้อออกมา
- ตั้งหม้อเทกะทิลงไป ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ ตามด้วยตะไคร้ซอยและพริกจินดาแดงบุบ
- ต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา แล้วคนให้ละลาย
- นำไหลบัวใส่ลงไปแล้วรอเดือด จากนั้นใส่เนื้อปลาทูทอด และใบมะกรูด
- คนไปเรื่อยๆ ให้ความสุกทั่วถึงกันแล้วรอเดือด
- ปิดไฟตักใส่ชามพร้อมรับประทานได้เลย
บทความที่น่าสนใจ :
รวม 5 เมนูสุขภาพ สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน อร่อย มีประโยชน์ต่อลูก ๆ
แจกสูตร เมนูบรอกโคลี อาหารสายเฮลตี้ที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี
10 ผลไม้แก้ร้อนใน ช่วยคลายร้อน มีฤทธิ์เย็น หาทานง่าย อร่อยดีต่อสุขภาพ
ที่มา : sgethai, goodlifeupdate, cpbrandsite
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!