ในยุคสมัยนี้มีโรคใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย และยังไม่รวมกับปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อลูกไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ อาการบาดเจ็บ หรือ การเจ็บป่วยซึ่งสามารถเกิดได้ทุกเวลาโดยเฉพาะเด็กในช่วงวัย 0 – 3 ปี มักจะมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพมากกว่าช่วงอายุอื่น ๆ และค่ารักษาก็ค่อนข้างที่จะมีราคาสูง เพราะต้องใช้แพทย์เฉพาะทางในการดูแลรักษา ดังนั้นการทำประกันให้ลูกไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิตให้ลูก หรือ ประกันสุขภาพให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง เพื่อเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ รู้สึกอุ่นใจทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
เหตุผลที่ควรทำ ประกันชีวิตให้ลูก
1. เด็กมีความบอบบาง ติดเชื้อง่าย
สำหรับเหตุผลข้อแรก เพราะว่าเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเด็กก่อนวัยเข้าเรียนจะมีร่างกายที่บอบบางแพ้ง่าย และไวต่อการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงทำให้ป่วย และติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้วก็ยังสามารถกลับมาติดซ้ำได้อีก ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็จะค่อนข้างสูง การทำประกันสุขภาพ หรือ ประกันชีวิตให้ลูก จึงเป็นเหตุผลหลัก ๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษานั่นเอง
2. เด็ก(เล็ก)ยังไม่สามารถสื่อสารเองได้ จึงต้องใช้แพทย์เฉพาะทาง
ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดเคยมีลูกเล็กมาแล้วจะทราบเลยว่าเหตุผลข้อนี้ทำให้รู้เลยว่าการซื้อประกันให้ลูกมีความจำเป็นอย่างแท้จริง เพราะว่าเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถพูด หรือ สื่อสารได้ เมื่อป่วยขึ้นมาพ่อแม่ก็จะไม่มีทางทราบว่าลูกเป็นอะไร เพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวกับเด็กในการดูแล รักษา ซึ่งแพทย์เฉพาะทางก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ หรือแม้กระทั่งลูกเล็ก ๆ แค่มีอาการปวดหัว ปวดท้อง พ่อแม่ก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะเด็กยังพูดไม่ได้จึงต้องพาไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน ซึ่งอาการเล็กน้อยเหล่านี้อาจจะมีราคาที่ไม่ได้สูงมากนักแต่ลูกก็สามารถเป็นได้บ่อย เมื่อรวมค่าใช้จ่ายแล้วก็เป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะ เฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 10,000 – 20,000 บาท *ขึ้นอยู่กับแต่ละโรคและอาการของเด็กแต่ละคนด้วยเช่นกัน ดังนั้นเหตุผลข้อนี้จึงชี้ให้เห็นว่าประกันสำหรับลูกมีความสำคัญไม่น้อยเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง : เมื่อไหร่ที่ต้องนำเด็กป่วยส่งโรงพยาบาล?
3. ถ้ามีอาการป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน
เด็ก ๆ ก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่เมื่อมีอาการป่วยหนักก็ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูแลรักษาเช่นเดียวกัน แต่ความอ่อนแอ ความบอบบางของเด็ก ๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาติดตามอาการนานกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลก็จะมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีเชื้อไวรัสใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งยังรุนแรงและระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเด็ก ๆ ภูมิคุ้มกันยังไม่ค่อยแข็งแรงทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย และเมื่อติดเชื้อก็ต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ยแล้วประมาณ 10,000 – 20,000 บาท ในระยะเวลาประมาณ 3 – 7 วัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้การทำประกันลูกจึงสามารถช่วยซัพพอร์ตได้
ปัจจัยหลัก ๆ ที่พ่อแม่ควรคำนึงถึง คืออะไร ?
สิ่งที่พ่อแม่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก คือเรื่องสุขภาพของลูก เรื่องของโรคที่เด็ก ๆ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นบ่อย เพราะการทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ ก็เพื่อรองรับในเรื่องของการดูแลคุ้มครองสุขภาพและชีวิตรวมถึงใช้ซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายหากเกิดกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ ดังนั้นเรื่องสุขภาพที่เกิดจากโรคยอดฮิตในเด็กจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรนึกถึงมากที่สุด
บอกต่อโรคยอดฮิตในเด็ก
เพราะในความเป็นจริง.. พ่อแม่ไม่สามารถดูแลลูกได้ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งเพียงเสี้ยววินาทีที่คลาดสายตา ก็อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของอุบัติเหตุ รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ลูกป่วยได้ อาทิ เช่น ลูกเผลอเอามือเข้าปาก หยิบจับสิ่งของต่าง ๆ มากิน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะนำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของเด็ก ๆ และทำให้เด็ก ๆ มีอาการป่วยได้ ซึ่งโรคยอดฮิตในเด็กโดยเฉพาะช่วง 0 – 3 ปี ได้แก่
- แพ้อาหาร
- ติดเชื้อทางเดินอาหาร
- RSV
- ลำไส้อักเสบ
- มือเท้าปาก
- ไข้เลือดออก
- ไข้หวัดใหญ่
ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตที่เด็ก ๆ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นได้บ่อย และค่ารักษาพยาบาลก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ควรคำนึงก่อนทำประกันให้ลูก คือปัญหาสุขภาพ และโรคต่าง ๆ เหล่านี้ เมื่อพ่อแม่ทราบถึงความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกเจ็บป่วยได้ การทำประกันให้ลูกทั้งประกันสุขภาพ และ ประกันชีวิตจึงมีความจำเป็นไม่น้อย
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคภูมิแพ้ Allergic March สาเหตุและวิธีป้องกัน ไม่ให้ลูกป่วยภูมิแพ้
เปรียบเทียบค่ารักษาพยาบาล จากโรคยอดฮิตในเด็ก
|
โรคยอดฮิตในเด็ก |
ค่าใช้จ่ายในการรักษา (โดยประมาณ) |
ท้องร่วง (จากการติดเชื้อไวรัส) |
5,000 – 40,000 บาท |
มือเท้าปาก |
30,000 – 120,000 บาท |
ไข้เลือดออก |
40,000 – 100,000 บาท |
ติดเชื้อไวรัสจาก RSV |
50,000 – 150,000 บาท |
ไข้หวัดใหญ่ |
10,000 – 80,000 บาท |
หมายเหตุ : อ้างอิงค่าใช้จ่ายในการรักษาโดยประมาณจากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ
ซึ่งจากตารางจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามีราคาที่ค่อนข้างสูง – สูงมาก ดังนั้นถ้าหากไม่มีประกันมาช่วยซัพพอร์ตก็จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทำให้พ่อแม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกินตัว และในปัจจุบันเบี้ยประกันก็มีราคาที่ไม่ได้แพงมาก เพื่อให้ครอบคลุมและตอบโจทย์กับทุกความต้องการ ดังนั้นถ้าหากรักและเป็นห่วงสุขภาพของลูก ๆ การทำประกันให้กับลูกจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจได้มากยิ่งขึ้น
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
5 ประกันสำหรับผู้สูงอายุ ประกันแบบไหนที่ทำให้พ่อแม่หรือผู้สูงวัยได้บ้าง !?
ข้อควรรู้ ! อยากทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ ต้องรู้อะไรบ้างและควรระวังเรื่องใด
เปิดคัมภีร์ ! อยากทำประกันสุขภาพ ต้องรู้อะไรบ้าง สำหรับมือใหม่อยากทำประกัน
ที่มา : aia, kasikornbank
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!