ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน เป็นปัญหาที่กำลังจะเวียนกลับมาอีกครั้ง เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่ทวีคูณความรุนแรงขึ้นทุกวัน และเด็ก ๆ ไม่สามารถเลื่อนกำหนดการเปิดเทอมได้อีกต่อไป มาดูกันดีกว่า หากเปิดเทอมนี้ลูกของคุณ ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน จะมีวิธีรับมืออย่างไรดี
จะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน ?
อีกไม่กี่วันจะเป็นการเริ่มต้นการศึกษาใหม่ของเด็ก ๆ ทั่วประเทศ บางคนอาจเคยมีประสบการณ์จากปีที่แล้วมาบ้าง แต่สำหรับเด็กที่เพิ่งเข้าเรียนปีนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนแบบออนไลน์เช่นกัน โดยการเรียนระบบออนไลน์นั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ แต่จะทำให้เด็ก ๆ เกิดความเครียดสะสมตามมาได้ โดยส่วนหนึ่งมาจากความห่างไกล หรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและคุณครู รวมถึงการที่ลูกของคุณเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อนในห้องอีกด้วย โดยผู้ปกครองสามารถสังเกตท่าทางของลูกขณะเรียนได้ ดังต่อไปนี้
- ลูกมีการโต้ตอบกับเพื่อนในห้องเรียน หรือคุณครูหรือไม่
- ลูกนั่งเหม่อออกไปยังนอกหน้าต่าง หรือไม่ได้มองที่จอ
- กุมขมับ และส่ายหัวไปมา
- ทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเรียน เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือขีดเขียนกระดาษเล่น
- งอแงไม่อยากเรียนออนไลน์ ไม่ทำการบ้าน
บทความที่น่าสนใจ : ลูกเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้ผลดีกว่าการไปบังคับกดดัน หรือไม่?
วิธีรับมือกับ ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน
การที่ลูกเราเรียนไม่ทันเพื่อนนั้นอาจมีสาเหตุและปัจจัยจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคุณครู เพื่อนในห้องเรียน ตัวของลูกคุณเอง หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมในการเรียนที่อาจไม่เอื้ออำนวยแก่การเรียนสักเท่าไหร่ก็อาจส่งผลทำให้พวกเขาเรียนไม่ทันเพื่อนได้ วันนี้เราลองมาอ่านวิธีรับมือกับลูกที่เหมือนจะเรียนไม่ทันเพื่อนในยุคโควิดนี้กันค่ะ
1. สร้างพื้นที่ไว้สำหรับเรียนออนไลน์โดยเฉพาะ
บางครั้งสภาพแวดล้อมก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็ก ๆ เรียนไม่ทันเพื่อน อาจมีเสียงรบกวนจนพวกเขาฟัง และจดไม่ทัน หรือแม้แต่สิ่งรอบข้างดึงความสนใจของพวกเขาไป ดังนั้นคุณควรที่จะจัดสถานที่การเรียนออนไลน์ของลูกคุณให้เหมาะสม โดยบริเวณนั้นจะต้องเป็นที่ที่ไม่มีบุคคลใดเดินผ่านไปผ่านมา หรือมีเสียงดังรบกวนอยู่ตลอดเวลา ก็อาจช่วยดึงสมาธิของพวกเขาให้กลับมาจดจ่อกับการเรียนออนไลน์ได้อีกครั้งหนึ่ง บริเวณห้องนั่งเล่น และที่ทำงานในบ้านของคุณขณะที่คุณก็ work from home หรือกิจการส่วนตัวที่บ้าน ไม่เหมาะที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนออนไลน์ของเด็ก ๆ มากที่สุด เพราะจะทำให้เด็ก ๆ เสียสมาธิได้ง่าย
2. ทำทุกอย่างให้เหมือนกับการไปโรงเรียนจริง
การที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน และได้เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านนั้นอาจทำให้เขารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา คุณควรให้พวกเขาทำทุกอย่างแบบปกติ ตื่นเช้ามาอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน ทานอาหารเช้า และเริ่มเรียนออนไลน์ โดยวิธีการนี้จะเป็นการลดความเสี่ยงเรื่องเรียนไม่ได้ทันเพื่อนได้ เนื่องจากการทำกิจวัตรประจำวันจะช่วยทำให้พวกเขารู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า และพร้อมรับความรู้เข้าสู่สมองได้เป็นอย่างดี
บทความที่น่าสนใจ : อาหารเช้าน่ารัก ๆ พิชิตใจลูกน้อยกินข้าวยาก รับรองลูกติดใจ
3. กำหนดระยะเวลาเรียนไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป
เด็กที่เรียนออนไลน์ส่วนใหญ่มักจะเริ่มเรียน และเลิกเรียนตามเวลาเรียนจริงของ โรงเรียน ซึ่งหากการที่คุณให้เขาเรียนมากเกินไป ด้วยการเรียนพิเศษต่อหลังจากเรียนออนไลน์ของโรงเรียนเสร็จ อาจทำให้สมองของพวกเขาเกิดความเหนื่อยล้า และส่งผลระยะยาวทำให้พวกเขาเรียนไม่ทันเพื่อนได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนเพิ่มเติมไปมากกว่าคนอื่นก็ตาม เพราะภาวะสมองล้านั้นเกิดจากความเครียดสะสมที่แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้ตัว และเกิดจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นระยะนาน และรวมถึงการพักผ่อนน้อยด้วยที่ทำให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอนั่นเอง และการที่พวกเรียนน้อยเกินไปนั่นหมายความว่าลูกของคุณอาจขาดเรียนในบางรายวิชา ซึ่งการที่เขาขาดเรียนนั้นก็จะส่งผลทำให้เขาพลาดบทเรียนไป จนตามเพื่อนไม่ทันนั่นเอง
4. หยุดพักบ้าง
การเรียนออนไลน์นั้นคือการนั่งเรียนอยู่บริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือเป็นระยะเวลานาน คุณควรให้เขาได้พักสายตา หรือขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง หาคุณมองเห็นแล้วว่าพวกเขามีอาการเหนื่อยล้า ควรให้เขาหยุดพักการเรียนสัก 5-10 นาที เพื่อเป็นการรีเฟรชสมองให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง เพื่อที่จะในการเรียนวิชาถัด ๆ ไป อย่าลืมที่จะบอกพวกเขาว่า และไม่ควรหมกมุ่นกับการเรียนมากเกินไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : การบ้านจำเป็นต่อเด็กไหม ทำไมเด็กต้องมีการบ้าน ลูกทำการบ้านให้อะไรบ้าง
5. หมั่นทบทวน
ด้วยข้อจำกัดของการเรียนออนไลน์ทำให้เด็ก ๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นหรือสอบถามคุณครูอย่างเต็มที่เหมือนเวลาเรียนจริงที่โรงเรียน และอาจทำให้เด็กบางคนถูกละเลย หรือไม่ได้รับความสนใจจากคุณครู สิ่งที่ผู้ปกครองจะทำได้คือการให้พวกเขาทบทวนบทเรียนอีกครั้งหลังเรียนเสร็จ 5-10 นาที หรือเป็นการชวนพวกเขาคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนไปในวันนี้ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจเนื้อหาถูกต้อง และเรียนทันเพื่อนในห้อง หากเช็กแล้วลูกคุณเรียนตามไม่ทันบทเรียน คุณควรค่อย ๆ สอนเขาอีกครั้ง เพื่อให้เขาเข้าใจ และสามารถเรียนตามทันได้ในวันถัดไป
6. เป็นที่พึ่งให้พวกเขาเวลาเขาลำบาก
การบ้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นผลวัดความเข้าใจของเด็ก ๆ และการสอนของคุณครู หากเด็ก ๆ สามารถทำการบ้านได้ด้วยตัวเองแสดงว่าพวกเขาสามารถเรียนได้ทันปกติตามเพื่อน แต่หากเขาไม่สามารถทำได้คุณควรเป็นที่พึ่งให้กับพวกเขา อย่าพูดออกไปว่า “เพราะไม่ตั้งใจเรียนถึงทำการบ้านไม่ได้” หรือ “เรียนยังไงถึงทำการบ้านไม่ได้” กับพวกเขาเป็นอันขาด สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือการสอนเขาทำการบ้านทีละข้ออย่างใจเย็น ทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาเรียนมาสามารถใช้ได้จริงกับการบ้านนี้ เพราะเด็กบางคน หากทำการบ้านไม่ได้นั้นอาจมีผลจากการเรียนไม่ทันเพื่อนนั่นเอง
7. สื่อสารกับคุณครูโดยตรง
หากสุดท้ายแล้วคุณแก้ปัญหาเรื่องของสถานที่เรียน และความยืดหยุ่นของเวลาเรียนของลูกของคุณแล้ว ลูกคุณยังเรียนไม่ทันเพื่อนอยู่ คุณควรไปปรึกษาคุณครูที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าลูกของคุณในขณะที่เรียนออนไลน์นั้นเขาเป็นอย่างไร และคุณครูสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะบางครั้งที่เด็กเรียนทันเพื่อนอาจมีสาเหตุมาจากการไม่ได้รับความสนใจในห้องเรียน หรือไม่สามารถซักถามเกี่ยวกับประเด็นที่ไม่เข้าใจได้ หรือแม้แต่จะเป็นเรื่องของการเรียนเตรียมไม่พร้อมสอนของคุณครูเอง เพราะบ่อยครั้งที่เนื้อหาที่คุณครูสอนกับการบ้านที่สั่งให้เด็ก ๆ ทำไม่มีความสัมพันธ์กัน จึงทำให้เด็ก ๆ คิดไปเองว่าเขาไม่เข้าใจบทเรียน และเรียนไม่ทันเพื่อนเอง
การที่ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยนะคะ คุณควรรีบหาสาเหตุและแก้ไขเป็นอย่างด่วนที่สุด เพราะไม่เพียงแต่การเรียนของพวกเขาจะแย่ลงแล้ว สภาพจิตใจ รวมถึงการสะสมความเครียดก็อาจเกิดขึ้นกับลูกของคุณได้ ทางที่ดีที่สุดคุณควรสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของเขาบ้างว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ หรือการเรียนของเขาในแต่ละวันเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้ระบายความเครียด หรือหาหนทางในการช่วยเหลือต่อ ๆ ไป ได้
บทความที่น่าสนใจ :
เรียนออนไลน์ข้อเสีย ข้อดี แตกต่างกับเรียนในห้องอย่างไร มาดูกันเลย
เปิดเทอมนี้ เตรียมใช้ เว็บครูพร้อม ต้อนรับการเปิดเทอม
วางแผนการศึกษาลูก ตั้งแต่เกิดจนจบ ปริญญาโท ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ที่มา : flvs, commonsense, ualberta, mom
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!