โยเกิร์ตธรรมชาติ ตัวช่วยสำหรับวัยทำงานที่รู้สึกว่าสมองอ่อนล้า บางครั้งการทำงานหนักเกินไปก็สามารถทำให้สมองอ่อนล้าได้ แต่ถ้าเรามีตัวช่วยที่หาซื้อง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายแล้วหละก็ ค่อยสบายใจหายห่วงหน่อย โยเกิร์ตธรรมชาติ นี่แหละ ตัวช่วยที่จะช่วยคุณได้
สมองอ่อนล้า เกิดจากสาเหตุอะไร?
สมองคนเรานั้นทำงานอยู่ตลอดเวลา หรือเรียกได้ว่าตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์เลยก็ว่าได้ โดยสมองของเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสื่อประสาท (neurotransmitter) ในสมองของเราสมดุล แต่สำหรับสมองของคุณกำลังอ่อนล้า แล้วหละก็แสดงว่าความสมดุลของสมองของคุณกำลังหายไป โดยสาเหตุหลักมาจาก
- ความเครียด
- การวางแผน ออกแบบ หรือเรียนรู้
- การควบคุมอามรณ์ตัวเอง
- พักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน
- ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว
นอกจากที่เราจะลดความเครียด หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเพื่อให้สมองของเรากลับมาสู่สภาวะสมดุลได้แบบเดิมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในการช่วยให้สมองของเรากลับมาสมดุลเร็วยิ่งขึ้น นั่นก็คือ “ โยเกิร์ตธรรมชาติ ” นั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : วิธีช่วยให้คนรักของคุณจัดการกับ ความเครียดจากการทำงาน
โยเกิร์ตธรรมชาติ คือ?
โยเกิร์ตธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ได้รับการหมักนมกับแบคทีเรีย โดยแบคทีเรียที่ใช้หมักนมเรียกว่า “yogurt cultures” ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติแลคโตสที่พบได้ในนม โดยการหมักนมนั้นจะทำให้เกิดกัดแลคติค ที่เป็นสารทำให้โปรตีนในนมเปรี้ยว จึงทำให้โยเกิร์ตมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ โยเกิร์ตนั้นสามารถผลิตได้จากนมทุกประเภท ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก ภายหลังที่มีการแพร่หลายของโยเกิร์ตออกไปทำให้ถูกแต่งรสชาติและกลิ่น ซึ่งอาจทำให้คุณประโยชน์ทางอาหารลดลง
ประโยชน์ของ โยเกิร์ตธรรมชาติ
1. เพิ่มน้ำตาล สารแห่งความสุขให้กับคุณ
ในวันที่สมองอ่อนล้า คุณก็คงอยากจะเติมความหวานให้กับร่างกายเสียหน่อย แต่หากคุณทานโยเกิร์ตจะได้มากกว่าความหวานนะ เพราะในโยเกิร์ตธรรมชาติ มีแลตโตสที่พบใยนมอยู่แล้ว โดยโยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วย นั้นมีปริมาณของน้ำตาลแลคโตสถึง 9 กรัมเลยทีเดียว แต่ถึงจะพบน้ำตาลก โยเกิร์ตก็ไม่สามารถทำให้ฟันของคุณผุได้ โดยมีผลการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมาร์มารา ของตุรกี ระบุว่า การกัดกร่อนของสารเคลือบฟันเป็นสาเหตุของฟันผุ แต่หากผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตอย่างน้อย 1 ส่วน 4 ของถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางปริทันต์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์
2. ลดอาการสมองล้า
ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการที่เราใช้สมองมากเกินไป โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจอลิส (Univerisity of California Los angeles : UCLA) ได้ทำการทดลองจากคน 3 กลุ่ม ผู้ที่ได้รับโปรตีนจากโยเกิร์ตนั้นมีการเชื่อมต่อของพื้นที่สีเทาในสมอง (periaqueductal) และเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าที่ส่งผลต่อความรู้ความเข้าใจดีที่สุด ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่รับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมประเภทอื่น และมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ทานโยเกิร์ต
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่กระเพาะ
ในโยเกิร์ตนั้นมีแบคทีเรียที่ดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเรื่องของการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี โยเกิร์ตบางประเภทมีแบคทีเรียที่มีชีวิตหรือโปรไบโอติก ซึ่งโปรไบโอติกที่พบในโยเกิร์ต คือ Bifidobacteria และ Lactobacillus ที่ช่วยลดอาการอึดอัดของโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ซึ่งเป็นความผิดปกติทั่วไปที่มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และเพิ่มป้องกันอาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะและอาการท้องผูกได้อีกด้วย
4. ตัวช่วยในการลดน้ำหนัก
โยเกิร์ตถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของอาหารที่คนนิยมนำมาเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก และสามารถทำให้น้ำหนักลดได้เร็วขึ้น โดยมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซีน็อกซ์วิลล์ (University of Tennessee-Knoxville : UTK) พบว่า ผู้เข้าร่วมทำงานวิจัยได้ทานอาหารตามปกติและทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน ซึ่งทำให้น้ำหนักของเขาลดลงถึง 22% และมีไขมันหน้าท้องมากกว่าคนทานอาหารโดยการคำนวณแคลอรีประจำวันถึง 81% ซึ่งทำให้เห็นว่าการทานโยเกิร์ตนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้น้ำหนักลงเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อได้ดีกว่า นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลอรีที่สูงอีกด้วย
บทความที่น่าสนใจ : วิธีลดน้ำหนัก ตามราศี ลดน้ำหนักยังไงให้ได้ผล สไตล์คน 12 ราศี
5. ความอยากทานอาหารคงที่
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคุณรู้สึกหิวคุณจะต้องหาอะไรใส่ท้องเพื่อบรรเทาอาการหิวของคุณ ซึ่งแน่นอนว่าโยเกิร์ตเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีเยี่ยม โดยอาการที่มีโปรตีนสูง สามารถตอบสนองความหิวของคุณได้เป็นอย่างดี และป้องกันไม่ให้คุณรับประทานอาหารต่อมื้อมากจนเกินไป
6. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกมาก จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้น และลดโอกาสที่คุณจะเจ็บป่วยได้ ซึ่งโปรไบโอติกจะช่วยลดอาการอักเสบที่เชื่อมโยงกับสภาวะสุขภาพหลายอย่างได้ อาทิ การติดเชื้อไวรัส ไปจนถึงความผิดปกตของระบบทางเดินอาหาร
7. ป้องกันโรคกระดูกพรุน
โยเกิร์ตมีสารอาหารหลักในการรักษากระดูก ได้แก่ แคลเซียมโปรตีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี และแร่ธาตุ ทั้งหมดล้วนเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะพบได้ในผู้สูงอายุ
8. เสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจ
การวิจัยบางงานกล่าวว่า ไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่ไม่พบหลักฐานว่าไขมันในโยเกิร์ตนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือก่อให้เกิดโรคหัวใจนั่นเอง ซึ่งมีผลงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการบริโภคไขมันอิ่มตัวจากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมจะเป็นตัวเพิ่มคอเลสเตอรอล และ ไขมันที่มีความหนาแน่นสูง (HDL) ซึ่งช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น
โยเกิร์ตธรรมชาติไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
การทานโยเกิร์ตธรรมชาติ นั้นมีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย แต่สำหรับบางคนอาจไม่ใช่ ซึ่งเมื่อทานไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของคุณมากกว่าให้ประโยชน์ โดยคนที่ไม่เหมาะสำหรับการทานโยเกิร์ตถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- คนที่แพ้แลคโตส ด้วยความที่ในโยเกิร์ตนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม จึงทำให้พบน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในนม ซึ่งการแพ้แลคโตสนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของคุณขาดแลตโตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายแลคโตส เมื่อย่อยสลายไม่ได้ นำไปสู่อาการทางเดินอาหารที่ทำให้คุณ ปวดท้อง ท้องร่วง หลังจากบริโภคได้
- คนที่แพ้นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมมักจะประกอบด้วยเคซีน และเวย์ ซึ่งเป็นโปรตีนที่บางคนแพ้ ในกรณีคนที่แพ้นมมักจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาตั้งแต่ลมพิษ ซึ่งทำให้เกิดผื่นและอาการบวมตามร่างกาย ไปจนถึงภาวะแอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ที่อันตรายถึงชีวิต
บทความที่น่าสนใจ : แนะนำนมสำหรับคุณแม่แพ้แลคโตส นมสำหรับคนท้อง ที่ไม่มีแลคโตส!
อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเลือกรับประทานอาหารอะไรก็ควรศึกษาฉลาก หรือข้อมูลโภชนาการให้ดี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคุณเอง นอกจากนี้คุณควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนอนหลับอย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้สมองของคุณทำงานหนักจนเกินไป และเกิดอาการอ่อนล้าได้
ที่มา : healthline.com, eatthis.com, livestrong.com, interpharma.co.th
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!