เมื่อคืนวานนี้ ได้มีประเด็นร้อนแรกเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 จากทางเพจ FB : Drama-addict ที่มีการแจ้งเรื่องเข้ามาจากคุณตา หรือคุณตุ๊กตา ถึงการเสียชีวิตของเพื่อนสาวคุณจูน หลังจากไปฉีดวัคซีน ตามโควต้าของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผลกระทบจากการทานยาคุมกำเนิด กับตัววัคซีนที่ฉีดเข้าไป จนทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า ห้าม… กินยาคุมกำเนิดก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด หรือไม่ แล้วมียาตัวไหนที่จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกันนี้อีก
ห้าม!! กินยาคุมกำเนิดก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด
เมื่อช่วงวันที่ 28 พฤษภาคม ทางเฟสบุ๊คเพจ Rattanaporn Pornprachawat ได้เปิดเผยข้อมูลไทม์ไลน์ของการฉีดวัคจนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา คุณตา และคุณจูน ได้ไปรับการฉีดวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นโควต้าของบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในครอบครัว และได้รับการฉีดครบทั้ง 2 โดสแล้ว แต่ไม่มีอาการใด ๆ จึงทำให้ทั้ง 2 ตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อการป้องกัน
วันที่ 14 พ.ค. 2564 คุณจูน และคุณตา ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19
คุณตา และคุณจูน ได้ทำการนั่งพักประมาณ 30 นาที หลังจากทำการฉีดวัคซีน เพื่อสังเกตอาการข้างเคียงก่อนจะกลับ โดยคุณจูนนั้นได้บอกว่าตนเองไม่ได้มีอาการอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่คุณตา มีอาการมึนหัวเล็กน้อย และเมื่อไม่มีอาการอะไรร้ายแรง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วให้กลับบ้านได้
- วันที่ 19 พ.ค. 2564 คุณจูนได้โทรไปขอลางาน โดยให้เหตุผลว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย และส่งข้อความทางไลน์ในช่วงเย็นว่าได้ทำการแอดมิทที่โรงพยาบาลแล้ว เนื่องจากมีอาการวูบ ใจสั่นก่อนจะเป็นลม ซึ่งยังได้บอกอีกว่า อาการเป็นลมนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในชีวิต
วันที่ 19 พ.ย. 2564 เมื่อคุณจูนมีอาการหน้ามืด ใจสั่น จนต้องเข้าแอดมิทที่ รพ.
ทางโรงพยาบาลได้ให้แอดมิทรอดูอาการก่อน โดยระหว่างนั้นได้ทำการตรวจเลือด X-Ray ปอด EKG วัดความดันทุก 2 ชั่วโมง และตรวจโควิด ซึ่งผลทุกอย่างออกมาเป็นปกติดี มีเพียงแค่ความดันต่ำเพียงอย่างเดียว ดังนั้นทางแพทย์จึงวินิจฉัยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากความดันต่ำ เครียด ออฟฟิศซินโดรม พักผ่อนน้อย และแนะนำให้ออกกำลังกายให้มากขึ้น
- วันที่ 20 พ.ค. 2564 จึงได้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน
วันที่ 20 พ.ค. 2564 ได้รับการตรวจผลเป็นปกติดี ให้กลับบ้านได้
- วันที่ 22 พ.ค. 2564 ได้มีการพูดคุยข้อความผ่านทางไลน์ถึงอาการของคุณจูน แล้วรับคำตอบว่าอาการดีขึ้น ยกเว้นช่วงเวลาที่ต้องขึ้น-ลงบันได
- วันที่ 27 พ.ค. 2564 ช่วงเวลาประมาณ 07:30 น. ทางแฟนของคุณจูน ได้โทรแจ้งกับคุณตุ๊กตาว่า ได้มีการปั๊มหัวใจคุณแล้ว 6 รอบ สุดท้ายชีพจนกลับมาอีกครั้งในการช็อตคลื่นไฟฟ้าครั้งที่ 7 แต่ช่วงเวลานั้นจำเป็นจะต้องให้ยาจำนวนมากกับทางคุณจูน และจึงพาไปทำ CT Scan
โดยทางแฟนคุณจูนได้เล่าว่าช่วงเช้าได้ยินเสียงดังโครมครามจากห้องน้ำ จึงได้รุดไปดู แล้วพบคุณจูนนอนทรุดอยู่ที่พื้น พร้อมข้าวของที่กระจัดกระจาย คาดว่าน่าจะพยายามทำเสียงดัง เพื่อให้ได้ยิน และช่วงที่เรียกรถพยาบาลให้มารับนั้น คุณจูนมีอาการนิ่งไป จึงทำการปั๊มหัวใจรอ
- กลับมาที่โรงพยาบาล เมื่อผลตรวจ CT Scan ออกมา ก็พบว่าเจอลิ่มเลือดในปอด (PE) และจำเป็นจะต้องใส่เครื่อง ecmo
*** หมายเหตุ ecmo เป็นเครื่องที่ช่วยทำงานแทนหัวใจ และปอด มักจะใช้ในเคสที่อวัยวะอ่อนแอเกินไปจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ***
- ตอนเวลาประมาณ 18:00 น. ของวันเดียวกัน คุณจูนได้เสียชีวิตลง เนื่องจาก ร่างกายไม่รับกับเครื่อง ecmo ที่ใส่ไป
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ดราม่าการ จองฉีดวัคซีนวันแรก เพจไทยร่วมใจ กับสารพัดดราม่า
ข้อสันนิษฐานที่เกิดขึ้น และมีความเป็นไปได้
ในขณะที่คุณตาเองนั้นก็มีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้ายเป็นเวลา 3 -4 วัน จึงได้โทรปรึกษากับทางแพทย์ Cardio ที่รู้จักกัน แล้วมีการเล่าถึงเหตุการณ์ของคุณจูนให้ฟัง โดยคำถามแรกที่อาจารย์แพทย์ได้ถามคือ “น้องเค้ากินยาคุมมั้ย เพราะการกินยาคุมนั้น มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดสูงอยู่แล้ว การฉีดวัคซีนอาจจะเพิ่มโอกาสทำให้เกิดลิ่มเลือดได้สูงขึ้น”
ซึ่งข้อมูลตรงนี้ ถือว่าเป็นข้อมูลที่ใหม่มาก เนื่องจากข้อมูลจากเตือนเรื่องการเตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีนนั้น ไม่มีบทความไหน หรือข้อแนะนำไหน ที่กล่าวถึงกรณีของยาคุม และอาจจะเป็นเพราะเป็นโรค เป็นไวรัส เป็นวัคซีนใหม่สำหรับเราทุกคน จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง
เสียงสะท้อนจากประชาชนตัวเล็ก ๆ
อีกทั้งคุณตาเอง ยังได้กล่าวในเนื้อหาที่ลงผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวอีกว่า “เข้าใจว่าวัคซีนเป็นวัคซีนใหม่ ปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่มีต่อร่างกาย หรือต่อยาที่เราทานในร่างกาย ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัด แต่การที่มีผู้ได้รับวัคซีน เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบควรที่จะรวบรวมข้อมูล และสรุปออกมาเป็นคำแนะนำ อย่างกรณีเคสของคุณจูน”
และยังกล่าวต่ออีกว่า “แล้วที่ สปสช. ประกาศว่ากรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่ต้องรักษาตลอดชีวิต จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท ถามว่าทุกเคสที่เกิด มีเคสไหนบ้างที่ระบุว่า “สาเหตุเกิดจากวัคซีน” จำเป็นมั้ยที่จะต้องฉีดปุ๊บแล้วตายเลย ถึงจะอยู่ในเคสนี้ได้”
“คนที่ร่างกายปกติ สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว พอได้รับวัคซีนแล้วเสียชีวิต ก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่าวัคซีนมีส่วน และร่างกายแต่ละคนใช้ระยะเวลาไม่เท่ากันอยู่แล้ว และได้ขอให้อย่าให้มีเคสแบบคุณจูนเกิดขึ้นอีกเลย”
ข้อมูลเบื้องต้น
จากกรณีดังกล่าวทางเพจ Drama-addict จึงได้สอบถามไปทางสูตินารีแพทย์เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น โดยมีการสรุปประเด็นได้ดังนี้
เพจ Drama-addict ออกมาเตือน
- คนที่ทานยาคุมทุกคน มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอยู่แล้ว ต้องหมั่นสังเกตอาการ เช่น ขาบวมร้อน (dvt) เหนื่อยง่ายขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว หน้ามืด แน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด (pe) หรือปวดหัวอ่อนแรง (venous sinus thrombosis)
- การปฏิบัติตัว ต้องหมั่นทานน้ำเยอะ ๆ มีการขยับตัว หรือออกกำลังกายเป็นประจำ
- แจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีดวัคซีน
- วัคซีนยังไม่มีข้อมูลการเกิดลิ่มเลือดได้มากกว่าคนที่ยังไม่ได้ฉีด
(อ้างอิงตาม evidence base จาก trial ที่บราซิล และข้อมูลที่ชิลี : เกิดปัญหาลิ่มเลือดอุดตันน้อยมาก ในวัคซีนอย่าง AZ หรือ J&J แต่กลไกของวัคซีนทั้งสองชนิดนี้ ต่างกับของซิโนแวค จึงยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีความเป็นไปได้กับวัคซีนชนิดนี้หรือไม่)
เคสนี้จำเป็นที่จะต้องสอบสวนถึงสาเหตุในแง่ของยาคุม กับการฉีดวัคซีน และลิ่มเลือด ดังนั้นควรให้คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในราชวิทยาลัย นำข้อมูลของประเด็นนี้มาวิเคราะห์ ว่าเราควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับยาคุม และการฉีดวัคซีนได้อย่างไร
การคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนเรื่องจริงหรือแค่ภาพลวงตา ?
จากเคสดังกล่าวทำให้เราต้องย้อนกลับมาดูถึงการคุ้มครองดูแลเรื่องผลกระทบที่เกิดจากการฉีดวัคซีน เพราะทุกครั้งที่เกิดเคสลักษณะใกล้เคียงกันนี้ มักจะถูกระบุว่าเป็นสาเหตุจากสุขภาพเป็นหลัก แต่หากจะมองย้อนกลับมาว่า วัคซีนที่ฉีดเข้าไปนั้น เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าวหรือไม่ และความคุ้มครองที่แท้จริงคืออะไร
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากการระบุผลการตรวจ ไม่มีข้อมูลใด ที่จะออกมาบอกว่า อาการที่เกิดขึ้น หรือเคสการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลมาจากวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้วอะไรคือการคุ้มครอง อะไรที่ส่วนที่ สปสช. หรือแม้แต่ประกันชีวิต ประกันโรคโควิด ประกันคุ้มครองอาการอันเนื่องจากวัคซีนโควิด คุ้มครองกันแน่ มันคือการคุ้มครองจริง หรือเพียงแค่จกตาหลอกไปวัน ๆ
อะไรคือทางเลือกของประชาชนคนไทย ?
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราสามารถมองย้อนถึงคุณภาพชีวิตของคนไทย ในสิทธิการเข้าถึงทางเลือกของการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับบุคลากรทางแพทย์ และคนใกล้ชิด ที่ ณ ปัจจุบันเหมือนเป็นการบีบคอบังคับว่าจะต้องใช้วัคซีนตัวนั้น ตัวนี้ โดยที่เราไม่มีสิทธิ์ในการเลือก หรือกำหนดเองได้
ในขณะที่วัคซีนทางเลือกอย่าง วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ประชาชนที่มีความต้องการจำเป็นจะต้องจ่ายเงินเอง ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ต่างก็ได้รับวัคซีนฟรี และมีวัคซีนทางเลือก สิทธิ์ของการใช้ชีวิต ดูแลสุขภาพ ของตัวเอง ได้อย่างอิสระ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า คนที่มีรายได้น้อย แม้จะเป็นประชนชนคนไทยก็ตาม จะไม่มีสิทธิ์ในการเลือก เพื่อสุขภาพ และชีวิตของตนเองเลยงั้นหรือ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ทัวร์ฉีดวัคซีน คนไทยแห่จอง แพ็คเกจเที่ยวไป ฉีดไป ทำได้จริงหรือ?
ผู้ที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
- ผู้ที่แพ้วัคซีนอย่างรุนแรง
- ผู้ป่วยขั้นวิกฤติ
- ผู้ป่วย HIV
ผู้ที่มีความเสี่ยงกับโรคต่าง ๆ เหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ทางแอดอย่างเสริมถึงผู้ที่จำเป็นจะต้องทานยารักษาเฉพาะโรคอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคซึมเศร้า ผู้ที่ต้องใช้ฮอร์โมนเพศหญิง หรือกลุ่มผู้ที่ต้องทานยาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน ให้เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และพยายามสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดทานยาเอง เพราะอาจจะมีผลกระทบตามมาได้ค่ะ
ทั้งนี้ ทางเพจ TheAsianparentThailand ขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ และทางเพจก็หวังว่า เคสของคุณจูน จะเป็นบทสะท้อนถึงปัญหาการจัดการ และการดูแลประชาชนคนไทย ที่จะสามารถเข้าถึงระบบการประกันสุขภาพ และมีทางเลือก หรือช่องทางที่มีประสิทธิภาพให้กับตนเองได้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ที่มา : Drama-addict , tookta.rojana , ไทยรู้สู้โควิด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เด็ก 3 เดือนก็ติดโควิดได้ ! อาการโควิดในเด็ก สังเกตยังไงดี มีสิ่งไหนที่คุณแม่ควรรู้
แม่ท้องติดโควิด-19 ทำพิษเสียชีวิตระหว่างคลอด แต่ลูกรอด
เบลเยียมระงับใช้วัคซีน โควิด “Johnson & Johnson” กับคนอายุต่ำกว่า 41 ปี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!