เมื่อลูกน้อยไม่ยอมกลับหัว การคลอดธรรมชาติอาจเป็นไปได้ยากและมีความเสี่ยงสูง คุณแม่หลายท่านจึงกังวลว่าต้องผ่าคลอดแบบไหน วันนี้เรามีคำตอบมาให้ว่า เมื่อ ลูกไม่กลับหัว ผ่าคลอดแบบไหน และความจริงแล้วลูกน้อยในครรภ์ของคุณทำไมถึงไม่ยอมกลับหัว หรือว่าพวกเขากำลังพบกับปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน
ลูกไม่กลับหัว มีสาเหตุมาจากอะไร
ทารกในครรภ์ที่ไม่กลับหัว หรืออยู่ในท่านอนตะแคง (Breech Presentation) พบได้บ่อยในช่วงปลายการตั้งครรภ์ หรือในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาส 3 โดยปกติแล้ว ทารกจะเริ่มกลับหัวลงสู่ตำแหน่งคลอดประมาณ 32-34 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ แต่ในบางกรณี ทารกอาจไม่กลับหัว ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- ขนาดของทารก: ทารกที่ตัวใหญ่โตเกินไป อาจมีพื้นที่ในมดลูกไม่เพียงพอสำหรับการหมุนตัว
- ลักษณะของมดลูก: มดลูกที่มีรูปร่างผิดปกติ เช่น มดลูกมีติ่งเนื้อ มดลูกมีก้นแบน หรือมดลูกสองแฉก อาจทำให้ทารกไม่สามารถหมุนตัวได้สะดวก
- ปัจจัยที่เกี่ยวกับทารก: ทารกที่มีความผิดปกติทางโครงสร้าง เช่น โรคกระดูกสันหลังคด หรือทารกที่มีสายสะดือพันคอ อาจทำให้ทารกไม่สามารถหมุนตัวได้
- ปัจจัยที่เกี่ยวกับมดลูก: มดลูกที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแอ หรือมีน้ำคร่ำน้อย อาจทำให้ทารกไม่สามารถหมุนตัวได้
ความเสี่ยงของการที่ลูกไม่กลับหัว
อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าทารกในครรภ์จะเริ่มกลับหัวลงสู่ตำแหน่งคลอด หรือหันศีรษะลงด้านล่างประมาณ 32-34 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ แต่บางกรณี ทารกอาจยังไม่กลับหัว แม้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว ซึ่งทารกที่ไม่กลับหัวเรียกว่า “ทารกท่าขวาง” โดยความเสี่ยงของการที่ลูกไม่กลับหัว มีดังนี้
- การคลอดที่ยากลำบาก: ทารกท่าขวางอาจทำให้การคลอดเป็นไปได้ยากขึ้น เช่น ท่าก้นลง (Breech Presentation) หรือ ท่าขวาง (Transverse Presentation) ส่งผลทำให้การคลอดธรรมชาติเป็นไปได้ยาก อาจจำเป็นต้องผ่าคลอด หรือใช้เครื่องมือช่วยคลอด เช่น เครื่องดูดสูญญากาศ หรือคีม
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ : ในบางกรณี ทารกที่ไม่กลับนั้นอาจกำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น สายสะดือพันคอ การขาดออกซิเจนของทารก หรือการบาดเจ็บที่อวัยวะเพศของแม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทารกส่วนใหญ่ที่ไม่กลับหัวก่อนคลอด มักจะกลับหัวลงในระหว่างการคลอด แพทย์จะติดตามตำแหน่งของทารกอย่างใกล้ชิด และอาจแนะนำวิธีช่วยให้ทารกกลับหัว เช่น การบริหารท่า หรือการกระตุ้นจากภายนอก หากคุณกังวล ว่าลูกของคุณอาจไม่กลับหัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ แพทย์จะประเมินสถานการณ์และแนะนำแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
ท่าของทารกในครรภ์ช่วงใกล้คลอด
ทารกในครรภ์ช่วงใกล้คลอด มักจะอยู่ในท่าศีรษะล่าง หมายความว่า ศีรษะของทารกจะอยู่ต่ำสุด ชี้ลงมาทางปากมดลูก ท่านี้เป็นท่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการคลอด เพราะช่วยให้ทารกสามารถผ่านช่องคลอดออกมาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีท่าอื่น ๆ ที่พบได้บ้างในทารกช่วงใกล้คลอด ได้แก่
ทารกท่าก้น คือการที่ทารกอยู่ในครรภ์ในท่าที่ไม่ได้ศีรษะลงล่าง แต่เป็นก้นหรือขาลงแทน ท่านี้พบได้ประมาณ 3-4% ของการตั้งครรภ์ทั่วไป ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการคลอดธรรมชาติมากกว่าทารกท่าปกติ ความเสี่ยงของการคลอดทารกท่าก้น คือทารกอาจติดอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน ไม่สามารถคลอดออกมาได้ตามธรรมชาติ ทั้งนี้ทารกอาจได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ คอ หรือไหล่ รวมถึงทารกอาจขาดออกซิเจนระหว่างคลอดได้ ซึ่งในบางกรณี ทารกอาจเสียชีวิตระหว่างคลอด
-
ท่าขวาง (Transverse lie baby)
ทารกในครรภ์ท่าขวาง หรือ ทารกนอนขวาง หมายถึง ทารกไม่ได้อยู่ในท่าศีรษะล่าง แทนที่จะเป็นศีรษะ ทารกจะนอนตะแคง โดยมีไหล่ ก้น หรือขา อยู่ตำแหน่งต่ำสุดของมดลูก ท่าขวางนี้พบได้ประมาณ 1% ของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่แล้วทารกที่อยู่ในท่าขวางมักมีสาเหตุมาจาก น้ำคร่ำน้อย ทารกตัวโต ทารกแฝด มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ รกลอกก่อนกำหนด หรือคุณแม่เคยมีประวัติการคลอดท่าขวางมาก่อน
-
ท่าหน้าผาก (Brow presentation)
ทารกท่าหน้าผาก เป็นท่าการคลอดที่ผิดปกติ คือทารกอยู่ในท่าศีรษะล่าง แต่หน้าผากของทารกจะหันไปทางกระดูกสันหลังของแม่ แทนที่จะหันไปทางหน้าท้อง โดยท่านี้พบได้น้อย ประมาณ 0.1-0.2% ของการคลอดทั้งหมด โดยสาเหตุที่ทำให้ทารกอยู่ในท่าหน้าผากนั้นยังไม่แน่ชัด แต่มีการสันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ ทารกตัวเล็กมีพื้นที่ขยับในครรภ์มาก รูปร่างของอุ้งเชิงกรานที่ผิดปกติ น้ำคร่ำน้อย หรือเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรกของคุณแม่
ลูกไม่กลับหัว ผ่าคลอดแบบไหน?
เมื่อลูกน้อยอยู่ในที่ไม่ถูกต้อง หมายความว่าลูกไม่ได้อยู่ในท่าศีรษะลง ซึ่งเป็นท่าปกติสำหรับการคลอดธรรมชาติ หากเกิดกรณีเช่นนี้ การผ่าคลอดจะเป็นวิธีการคลอดที่ปลอดภัยที่สุด โดยมีตัวเลือกหลักสองวิธีดังนี้
-
การผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้อง (Cesarean Section)
การผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้อง หรือที่เรียกว่าการผ่าตัดคลอดบุตร (C-section) เป็นการผ่าตัดที่ทำเพื่อนำทารกออกจากมดลูกผ่านแผลหน้าท้อง โดยแพทย์จะทำการผ่าเปิดช่องท้องและมดลูกของคุณแม่เพื่อดึงทารกออกจากครรภ์ หลังจากนั้นจะทำการปิดแผลที่ผ่าด้วยการเย็บ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเพื่อกระตุ้นให้แผลหายและหนาตามปกติ โดยการผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้อง จะต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าการคลอดธรรมชาติ แต่สามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงสำหรับคุณแม่และลูกน้อยของคุณได้
-
การผ่าคลอดแบบผ่าช่องคลอด (Vaginal Breech Delivery)
การผ่าคลอดแบบผ่าช่องคลอด หรือที่รู้จักกันในชื่อ การคลอดก้นทางช่องคลอด เป็นวิธีการคลอดบุตรที่ทารกคลอดออกมาทางช่องคลอด แทนที่จะผ่าตัดหน้าท้อง โดยการคลอดก้นทางช่องคลอด นิยมใช้ในกรณีที่ทารกในครรภ์อยู่ในท่าก้น (Breech position) และในบางกรณีอาจใช้เครื่องดูดสูญญากาศ หรือคีมหนีบร่วมด้วยเพื่อช่วยดึงทารกออกมาจากครรภ์ของคุณแม่
ตารางเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้องและผ่าช่องคลอด
|
หัวข้อ |
การผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้อง |
|
วิธีการผ่า |
แพทย์จะทำการกรีดแผลที่หน้าท้องของคุณแม่ บริเวณเหนือหัวหน่าว ประมาณ 4-6 นิ้ว จากนั้นจึงนำทารกออกจากมดลูก |
แพทย์จะทำการกรีดแผลที่ปากช่องคลอด ประมาณ 3-4 ซม. จากนั้นจึงนำทารกออกจากมดลูก
|
ระยะเวลาผ่าตัด |
ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที |
|
การบล็อกยา |
คุณแม่จะได้รับยาสลบแบบทั่วไป หมดสติระหว่างผ่าตัด |
คุณแม่จะได้รับยาชาแบบบล็อกหลัง หรือ ยาชาแบบ epidural รู้สึกตัวระหว่างผ่าตัด แต่ไม่รู้สึกเจ็บ
|
การฟื้นตัว |
ใช้เวลานานกว่า รู้สึกเจ็บแผลนาน ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 3-5 วัน |
ใช้เวลาฟื้นตัวเร็วกว่า รู้สึกเจ็บแผลน้อยกว่า พักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วัน
|
แผลผ่าตัด |
แผลเป็นยาวประมาณ 4-6 นิ้ว แนวขวางเหนือหัวหน่าว |
แผลเป็นยาวประมาณ 3-4 ซม. ที่ปากช่องคลอด มองเห็นได้ยาก
|
ความเสี่ยง |
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ มีเลือดออกมาก เสี่ยงต่อการเกิดพังผืดในช่องท้อง เสี่ยงต่อมดลูกบวม เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อทารก |
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ มีเลือดออกมาก เสี่ยงต่อการฉีกขาดของช่องคลอดและปากมดลูก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อทารก น้อยกว่าการผ่าหน้าท้อง
|
ข้อดี |
เหมาะกับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ทารกอยู่ในท่าขวาง ทารกตัวใหญ่ ครรภ์แฝด มดลูกมีแผลเป็นจากการผ่าตัดคลอดมาก่อน |
ฟื้นตัวเร็วกว่า รู้สึกเจ็บแผลน้อยกว่า แผลเป็นเล็กกว่า
|
ข้อเสีย |
ใช้เวลานานกว่าในการผ่าตัด รู้สึกเจ็บแผลนาน เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่า |
ไม่เหมาะกับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ทารกอยู่ในท่าขวาง ทารกตัวใหญ่ ครรภ์แฝด มดลูกมีแผลเป็นจากการผ่าตัดคลอดมาก่อน
|
หมายเหตุ: ข้อมูลในตารางนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป การผ่าคลอดแบบผ่าหน้าท้องหรือผ่าช่องคลอด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบวิธีการผ่าคลอดที่เหมาะสมกับคุณแม่มากที่สุด
ที่มา: stuitinwest.nl, betterhealth.vic.gov.au, whattoexpect.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
15 คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด เรื่องน่ารู้ก่อนเป็นคุณแม่
ยาลดรอยแผลเป็น สำหรับแม่ผ่าคลอด แบบไหนไม่เป็นคีลอยด์
หลังผ่าตัดห้ามกินอะไร อาหารแสลง แม่ผ่าคลอดควรรู้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!