พริกหวานที่มีสีสันสดใส เด็ก ๆ คนไหนก็ลองทานเพราะมีสีสันเย้ายวนใจ แต่สำหรับเด็กแล้วคุณพ่อคุณแม่อาจจะคิดว่าลูกจะเผ็ดหรือเปล่า วันนี้เราเลยได้นำ 3 เมนูพริกหวาน ที่เหมาะสำหรับเด็ก สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่เผ็ด เด็กสามารถทานได้สบาย อีกทั้งยังได้ประโยชน์มากมายอีกด้วย ไปกันเลยว่าเมนูพริกหวานมีอะไรบ้าง และพริกหวานมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
พริกหวาน คืออะไร?
Bell Peppers พริกหวาน หรือพริกสามสี เป็นพริกประเภทหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ และมีสีสันสดใสหลากหลายสีที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่ในปัจจุบันพริกหวานเป็นผลผลิตภัณฑ์ที่มีมากในประเทศจีน โดยพริกหวานนั้นจะออกผลมาให้เราทานได้ในช่วงฤดูร้อนจนถึงเดือนกันยายน โครงสร้างของพริกหยวกมีผิวชั้นนอกที่เรียบเนียน มันเงา ให้เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบเมื่อเคี้ยว ด้านในเป็นโพรง และมีเมล็ดอยู่ที่อยู่แกนตรงกลาง ซึ่งสีของพริกหยวกที่เรามองเห็นตามท้องตลาดจะมี 3 สีคือ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง นอกจากสีดังกล่าวแล้วยังมีสายพันธุ์ที่พบได้ยากอีก คือสีขาว สีน้ำตาล และสีม่วง ทั้งนี้พริกหวานแต่ละสีก็มีความขมแตกต่างกันออกไปดังนี้
- พริกหวานสีเขียวจะมีรสขมมากที่สุด
- พริกสีเหลืองและสีส้มจะมีรสหวาน และพริกหวานสีแดงจะมีรสหวานมากที่สุด
แต่ถึงอย่างไรก็ตามนอกจากรสชาติของสีพริกหยวกแล้ว แต่พริกหยวกจะไม่มีรสชาติเผ็ดหากมีการนำเมล็ดและแกนกลางออกทั้งหมด ทั้งนี้พริกหยวกสดจะสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะสามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือนเมื่อหมักในน้ำมันมะกอกและเก็บไว้ในตู้เย็น นอกจากนี้ยังสามารถยืดอายุของพริกหยวกให้นานขึ้นได้นานถึง 1 ปี โดยการดองน้ำเกลือและน้ำส้มสายชู
บทความที่น่าสนใจ : รวม 30 เมนูไข่ อาหารเช้า เอาใจลูก กับสูตรเมนูไข่ง่าย ๆ
ประโยชน์ของพริกหยวก มีอะไรบ้าง?
พริกหยวกเป็นพริกชนิดหนึ่งที่สามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก พริกหยวกสดส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำมากถึง 92 เปอร์เซ็นต์ มีแคลอรีต่ำแต่อุดมไปด้วยวิตามินและคุณค่าโภชนาการที่สูง โดยพริกหยวก 100 กรัมจะมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังต่อไปนี้
- พลังงาน 31 กิโลแคลอรี
- น้ำ 92 เปอร์เซ็นต์
- โปรตีน 1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม
- น้ำตาล 2 กรัม
- ไฟเบอร์ 1 กรัม
- ไขมัน 3 กรัม
นอกจากนี้ในพริกหยวกยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างร่างกายและภูมิต้านทานในร่างกายได้ ดังต่อไปนี้
- วิตามินซี : พริกหยวกแดงมีปริมาณวิตามินซีมากถึง 169 เปอร์เซ็นต์สำหรับปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ทำให้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีมากที่สุด
- วิตามินบี 6 : ในพริกหยวกมีสารไพริด็อกซิน หรือวิตามินบี 6 ที่เป็นกลุ่มสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
- วิตามินเค : ฟิลโลควิโนนหรือวิตามินเค มีส่วนช่วยในเรื่องของการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพของกระดูก
- โพแทสเซียม : แร่ธาตุที่มีช่วยในเรื่องของการควบคุมความสมดุลของปริมาณน้ำในร่างกายและช่วยทำให้ระบบการทำงานของหัวใจทำงานได้อย่างปกติ
- โฟเลต : หรือวิตามินบี 9 ที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันความพิการที่จะเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด และช่วงเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่หลังคลอดได้เป็นอย่างดี
- วิตามินอี : เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วงทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
- วิตามินเอ : หรือเบต้าแคโรทีนที่อยู่ในพริกหวานนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันอาการตาบอดในตอนกลางคืนได้อีกด้วย
3 เมนูพริกหวาน สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ก็ทานได้!
หากกำลังมองหน้าเมนูสำหรับการทำพริกหวานสำหรับเด็กแล้วละก็ วันนี้ห้ามพลาด! เราได้รวบรวมมาให้แบบจัดเต็ม 3 เมนูที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ที่บ้าน วัตถุดิบน้อย แต่อร่อยมาก ไปดูกันเลยว่ามีเมนูอะไรบ้าง
พริกหวานยัดไส้
วัตถุดิบ พริกหวานยัดไส้
- พริกหวานสามสี อย่างละลูก
- ชีสมอสซาเรลล่า 1 ถ้วย
- หอมใหญ่สับ 1/2 ถ้วย
- เห็ดแชมปิญอง 2-3 หัว
- ใบไทม์ 2-3 ก้าน
- เนื้อบด 1 ถ้วย (หากไม่ทานเนื้อสามารถใช้เนื้อหมูหรือเนื้อไก่บดแทนได้)
วิธีทำพริกหวานยัดไส้
- ล้างเห็นและหอมหัวใหญ่ ก่อนที่จะหั่นเห็ดและหัวหอมเป็นสี่เหลี่ยมเต๋า
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปและนำหอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้ลงไปผัดกับน้ำมัน ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อเป็นการเร่งให้หอมหัวใหญ่คายน้ำออกมา และใส่เห็ดที่หั่นไว้ตามลงไป
- เมื่อหอมใสและเห็ดนิ่มแล้วให้นำออกจากกระทะมาพักไว้
- นำเนื้อบด ไก่บด หรือหมูบดที่เตรียมไว้มาผัดกับน้ำมันและใส่เกลือพริกไทยลงไปเล็กน้อย
- หากใช้เนื้อวัวให้ใส่ใบไทม์ลงไปเยอะหน่อย เพราะว่าจะสามารถกลบกลิ่นคาวของเนื้อวัวได้เป็นอย่างดี
- เมื่อเนื้อสุกได้ที่แล้วให้นำหอมใหญ่และเห็ดที่พักไว้มาผัดรวมให้เข้ากัน
- นำพริกหวานมาหั่น โดนหั่นตรงส่วนจุกด้านบนออกก่อน และคว้านไส้พริกด้านในออกมา ทำจนครบจำนวนตามที่ต้องการ
- เมื่อเตรียมพริกหวานเสร็จแล้วให้นำเนื้อที่ผัดไว้ใส่ในพริกหวาน ราดน้ำมันมะกอกตามไปเล็กน้อย ก่อนใส่ชีสลงบนด้านบนของไส้ที่ใส่ไว้ในพริก
- นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 190 องศาเป็นเวลา 15 นาที หากครบเวลาแล้วดูพริกหยวกยังไม่สุกนิ่มก็สามารถอบต่อด้วยไฟอ่อนได้ แต่ถ้าสุกแล้วก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย
เนื้อผัดพริกหวาน
วัตถุดิบ เนื้อผัดพริกหวาน
- เนื้อวัวหั่นบาง 300 กรัม (หากไม่ทานเนื้อสามารถใช้เนื้อหมูหรือเนื้อไก่บดแทนได้)
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
- พริกหวาน 3 สี อย่างละ 30 กรัม
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- หอมใหญ่ 1/2 ลูก
วิธีทำเนื้อผัดพริกหวาน
- นำเนื้อสัตว์ที่หั่นไว้มาปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมันหอย น้ำปลา และแป้งมัน และคนส่วนผสมให้เข้ากัน และหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
- นำหอมหัวใหญ่และพริกหวานที่มีอยู่มาหั่นให้เรียบร้อย ให้หั่นพริกหวานตามแนวยาวจะได้ดูน่ารับประทาน อย่าลืมที่จะเอาเมล็ดและเยื่อสีขาวด้านในออกก่อน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันและกระเทียมสับลงไปผัดให้หอม และใส่เนื้อลงไป
- ผัดให้เนื้อสัตว์สุกเพียงครึ่งเดียวก่อน และใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อผัดเสร็จจะทำให้เนื้อนั้นสุกและแข็งจนเกินไป
- ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย และผัดทุกอย่างให้นิ่ม เมื่อทุกอย่างสุกก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย
ไข่อบพริกหวาน
วัตถุดิบไข่อบพริกหวาน
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- ต้นหอมซอย 1/2 ถ้วย
- น้ำ 1/2 ถ้วย
- ชีส 1 ถ้วย
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- ไส้กรอกมินิคอกเทล 1 ถ้วย
- หมูแฮม 1 ถ้วย
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ไข่อบพริกหวาน
- นำพริกหวานมาหั่นออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนฝาปิด และส่วนของภาชนะที่จะเอาไว้ใส่ไข่ นำแกนกลางออกให้หมดเพื่อลดความเผ็ดและขมฝาด
- นำไข่มาตีให้เข้ากันเหมือนกับทำไข่เจียว ใส่ซอสปรุงรส น้ำมันพืช พริกไทย แฮม ชีส และไส้กรอกลงไป ตีให้ทุกอย่างเข้ากันก่อนใส่ต้นหอมที่ซอยไว้ลงไป
- ตักไข่ที่ผสมส่วนผสมไว้ลงไปในพริกหยวกที่เตรียมเอาไว้
- นำพริกหวานที่ใส่ไข่ลงไปเข้าเตาอบเพื่อให้ไข่ด้านล่างเซ็ทตัว โดยใช้ไฟบนล่างอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาที
- เมื่อครบเวลาก็นำพริกหวานออกมา และโรยไส้กรอก ต้นหอมซอย แฮมและชีสลงไปเพิ่มด้านบน
- นำเข้าไปอบอีกครั้งจนพริกหวานมีลักษณะที่นิ่มลง หรือเปลี่ยนจากสีเหลืองสดใสเป็นสีเหลืองเข้ม เมื่อเสร็จแล้วก็สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูพริกหวานที่เราได้รวบรวมมาให้ น่าทานทั้งนั้นเลย แบบนี้ต้องอย่างพลาดแล้วนะคะ รีบออกไปซื้อวัตถุดิบแล้วมาทำทานกันดีกว่า จะทำทานคนเดียวเหงา ๆ ชวนเพื่อนมาทานด้วยกัน หรือทำเป็นกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ยังได้ ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดต้องการสูตรอาหารเพิ่มเติมสำหรับเด็ก ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ (คลิก) และแอปพลิเคชันของเรา (คลิก) ได้เลยนะคะ
บทความที่น่าสนใจ :
เผยสูตร! ผัดฟักทองใส่ไข่ ทำอย่างไรให้ลูกชอบกินฟักทอง ลูกไม่อี๋
5 เมนูปลาซาบะ สำหรับเด็ก ทำเองง่าย ๆ อร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
10 เมนูเด็ก 3 ขวบ อาหารรสชาติอร่อย ทำง่าย กินง่าย ลูกชอบ !
ที่มา : healthline, masterclass
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!