ทารกในครรภ์กับการตอบ รับสัมผัสจากแม่ ลูกเราสัมผัสได้จากที่ไหนบ้างนะ?
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทารกในครรภ์มักจะตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น เสียงเพลง เสียงของคุณพ่อ และเสียงของคุณแม่ แต่เสียงและสัมผัสที่ทารกในครรภ์ ตอบสนองได้ดีที่สุดก็คือ รับสัมผัสจากแม่ เมื่อเวลาจับท้อง หรือจับตำแหน่งที่เขาอยู่นั่นเอง
จากการศึกษาค้นคว้าจากมหาวิทยาลัย Dundee ประเทศอังกฤษได้ทำการทดสอบคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ทั้งหมด 23 คน โดยมีอายุครรภ์อยู่ในช่วง 21 สัปดาห์และ 33 สัปดาห์ โดยคุณแม่ทุก ๆ ท่านจะต้องทำการสัมผัส พูด และ คุยกับทารกในครรภ์ ซึ่งจะมีทีมงานทำการดูปฏิกิริยาของทารกผ่านการทำอัลตร้าซาวด์แบบ 3D และ 4D
ผลการวิจัยพบว่า ทารกในครรภ์จะตอบสนองต่อการสัมผัสของคุณแม่ โดยการจับมือตัวเอง จับขาและจับปาก แต่ทารกในครรภ์ที่อยู่ในช่วงไตรมาสสาม จะมีการหาวและดึงแขนของตัวเองเพิ่มขึ้นมาด้วย
น่าแปลกตรงที่ทารกในครรภ์เหล่านี้ ไม่แสดงปฏิกิริยาดังกล่าวกับเสียงหรือสัมผัสจากคนอื่นเลย ซึ่งคนอื่นที่ว่านี้ก็รวมถึงคุณพ่อของทารกด้วยนะคะ แบบนี้…นี่แหละเขาถึงเรียกว่า “สัมผัสแห่งสายใยรักระหว่างแม่กับลูก”
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ อย่าลืมหมั่นพูดคุย เล่านิทาน ร้องเพลงให้ลูกฟังหรือสัมผัสท้องของตัวเองบ่อย ๆ กันนะคะ
คนเป็นพ่อแม่นอกจากจะหวังให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ลึก ๆ ก็อยากให้ลูกได้เกิดมาคู่กับความฉลาด หน้าตา ผิวพรรณดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้หลัก ๆ นั้นขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของพ่อแม่ที่ติดตัวลูกมาแต่กำเนิดโดยไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ สิ่งเพิ่มเติมที่จะช่วย กระตุ้นความฉลาด ให้ทารกในครรภ์นั้นคุณแม่สามารถสร้างได้ ด้วยสัมผัสของตัวเองนะคะ
5 รับสัมผัสผ่านผิวหน้าท้อง กระตุ้นความฉลาดของทารกในครรภ์
#1 สัมผัสจากร่างกาย
แสดงความรักให้ลูกน้อยในท้องสัมผัสได้ด้วยการสัมผัสผิวหน้าท้อง การลูบเป็นวงกลม ลูบลง และ ขึ้นสลับกัน พร้อมกับจังหวะการสลับการหายใจเข้าออกลึก ๆ สร้างความผูกพันที่พ่อแม่มีให้ลูกรับรู้ได้ สัมผัสที่อ่อนโยน และ ผ่อนคลายจะทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุข ( Endorphin) ของคุณแม่หลั่งออกมา ซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกสบายทั้งกายและใจ ในขณะเดียวกันอารมณ์แห่งความสุขนี้ก็จะส่งผลต่อลูกในครรภ์ได้เช่นเดียวกัน
#2 สัมผัสจากเสียง
ในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 4 -5 เดือนลูกในครรภ์จะเริ่มได้ยินเสียงแล้ว ดังนั้นในช่วงนี้คุณแม่ควรเริ่มส่งเสียงพูดคุยกับลูกผ่านผิวหน้าท้องได้แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การพูดคุยด้วยคำพูดซ้ำ ๆ หรือเป็นคำคล้องจอง เล่านิทาน เปิดเพลงที่อ่อนโยนฟังด้วยเพลงที่ระดับเสียงที่ไม่ดังเกินไป ประมาณ 10-15 นาที สัมผัสทางเสียงนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ดีงามให้กับลูก โดยน้ำเสียงจะผ่านทางน้ำคร่ำ เดินทางได้อย่างรวดเร็วเป็น 4 เท่าของทางอากาศ ส่งผลต่อประสาทรับรู้ทางหู ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเส้นใยประสาท ช่วยเรื่องประสาทรับรู้เรื่องความจำ และยังเป็นการพัฒนาภาษาขั้นพื้นฐานสำหรับลูกที่เกิดมาอีกด้วย
#3 สัมผัสจากรสผ่านรก
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าคุณแม่ทานอะไรในขณะตั้งครรภ์ลูกก็จะได้รับสารอาหารจากแม่โดยตรง ดังนั้นในระหว่างท้องคุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบหมู่ สารอาหารสำคัญที่แม่ท้องควรรับ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต ธาตุเหล็ก อาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ รวมถึงควรงดอาหารประเภทที่มีคาเฟอีน และอาหารที่จะเสี่ยงเป็นอันตรายต่อลูก ฯลฯ
#4 สัมผัสจากการดมกลิ่น
รับสัมผัส จากแม่
ยิ่งอายุครรภ์มากการแบกน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อยง่าย การได้นวดผ่อนคลายด้วยการให้ว่าที่คุณพ่อช่วยนวดเบา ๆ ควบคู่ไปกับการใช้โลชั่นกลิ่นที่คุณแม่ชอบ ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ได้ผ่อนคลาย ทำให้อารมณ์ มีความสุข และจะส่งผลต่ออารมณ์ที่แจ่มใสของลูกในครรภ์ด้วย
Read : คู่มือการนวดขณะตั้งครรภ์จนถึงระยะคลอด
#5 สัมผัสจากสายตา
รับสัมผัส จากแม่
การใช้ไฟฉายส่องผ่านทางหน้าท้อง ถือเป็นวิธีง่ายและนิยมมากที่สุดสำหรับการกระตุ้นพัฒนาการของลูกในครรภ์ ซึ่งจะช่วยให้ลูกปรับสภาพการมองเห็นได้ โดยการส่องไฟที่บริเวณหน้าท้อง เป็นสัญญาณไฟกระพริบ ห่างจากบริเวณหน้าท้องพอสมควร มีแสงที่ไม่จ้าจนเกินไป และใช้เวลาไม่นานมากนัก สัมผัสนี้ควรเริ่มต้นเมื่อคุณแม่เข้าช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะลูกจะเริ่มลืมตาได้แล้ว และควรทำในช่วงเย็นหลังคุณแม่ทานอาหาร เนื่องจากจะช่วยทำให้ลูกได้ตื่นและนอนในเวลากลางคืนมากขึ้น
นอกจากสัมผัสมหัศจรรย์ที่คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพื่อกระตุ้นความฉลาดให้ลูกในท้องแล้ว ควรใส่ใจในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้จะเป็นสัมผัสมหัศจรรย์ที่ส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างดีทีเดียว
The Asianparent Thailand เพื่อ ลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วงไตรมาสแรกมาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และ ลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น The Asianparent นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะ คุณแม่จะได้รับการดูแลทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ หรือ ทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้งเด็กหญิง และ เด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
ที่มา: momjunction
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
สิ่งที่คุณต้องรู้ การปวดหัวในระหว่างตั้งครรภ์ สาเหตุของการปวดหัวและวิธีป้องกัน
คนท้องออกกําลังกาย ช่วยพัฒนาการลูกในครรภ์ ยิ่งออกกำลังกายยิ่งดีต่อลูก
10 อาหารบำรุงลูกในครรภ์ อาหารทำให้ลูกในท้องแข็งแรงและสุขภาพดี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!