พอจะทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมคะว่า “การฉีดวัคซีน” ของทารกตั้งแต่วัยเเรกเกิดจนถึงช่วงอายุ 12 ปี นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย เนื่องจากการฉีดวัคซีนจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายลูกน้อยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งการฉีดวัคซีน หรือฉีดยาใดๆ ก็ตาม ลูกน้อยอาจมีอาการข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนเกิดขึ้นได้ เด็กบางคนมีอาการปวด หรืออักเสบ บวม แดง บริเวณแขนที่ได้รับการฉีดยาหรือวัคซีน จนอาจทำให้ลูกน้อยงอแงเพราะรู้สึกไม่สบายตัว คุณแม่เองก็อาจไม่สบายใจตามไปด้วย เราเลยจะมาแชร์วิธีแก้ไขปัญหา ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน ว่าคุณแม่ควรดูแลและรับมืออย่างไรให้ลูกสบายตัวขึ้นค่ะ

ความสำคัญของการฉีดวัคซีนในเด็ก
ตามธรรมชาติของลูกน้อยวัยแรกเกิด – 1 ปี จะยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอในการต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ค่ะ หากลูกได้รับเชื้อที่มีอันตรายในช่วงวัยนี้ เช่น โรคหัด ไวรัสตับอักเสบ บาดทะยัก ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งการสร้างภูมิคุ้มกันให้ทารกได้ดีที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีน โดยนำแบคทีเรียหรือเชื้อโรคมาทำให้อ่อนฤทธิ์ หรือทำให้ตาย ก่อนที่จะฉีดเข้าไปในร่างกายเด็ก ให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาสู้กับโรค และหากลูกได้รับเชื้อที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วในอนาคต ร่างกายลูกก็จะสามารถกำจัดเชื้อโรคเหล่านั้นได้ เปรียบเหมือนการทำให้ร่างกายได้รู้จักเชื้อโรคก่อนที่จะมีการติดเชื้อจริงนั่นเองค่ะ
|
วัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องได้รับ
|
วัคซีนตับอักเสบบี
(Hepatitis B Vaccine: HBV) |
- สำหรับป้องกันโรคตับอักเสบ ที่เกิดจากไวรัส Hepatitis B ที่จะทำให้เกิดโรคทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
|
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน
(Diphtheria-Tetanus-Pertussis Vaccine: DTP) |
- ใช้ป้องกันโรคคอตีบ จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ลำคออักเสบรุนแรง ไข้สูง เป็นพังผืดอุดกั้นทางเดินหายใจ หายใจและกลืนลำบาก อาจหัวใจวายและเสียชีวิตได้
- โรคบาดทะยัก จากพิษของเชื้อบาดทะยักทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น ขากรรไกรแข็ง คอแข็งชักเกร็ง หายใจลำบาก อาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้
- โรคไอกรน เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ไอมาก ไอต่อเนื่อง จนหายใจลำบาก ในเด็กเล็กอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หยุดหายใจ ไอจนซี่โครงหัก ส่งผลให้เสียชีวิตได้
|
โปลิโอ
(Polio Vaccine) |
- ป้องกันโรคโปลิโอ ที่ส่งผลต่อสมองและไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาต ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา
|
วัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ
(Hib Vaccine) |
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Haemophilus influenza type b หรือ Hib) ทำให้มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปวดอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด
|
ไข้สมองอักเสบเจอี
(Japanese encephalitis vaccine : JE) |
- ใช้ในการป้องกันเชื้อเจอีไวรัส (Japanese Encephalitis virus : JEV) ซึ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะรุนแรง มีไข้ ชัก และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
|
วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม
(Measles-mumps-rubella vaccine : MMR) |
- ป้องกันโรคหัด จากเชื้อไวรัส Measles อาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น ปอดอักเสบ หูอักเสบ ท้องเดิน และสมองอักเสบ
- โรคหัดเยอรมัน จากเชื้อไวรัส Rubella ทำให้ปวดศีรษะ มีไข้ต่ำ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ และใบหูโต ตามมาด้วยอาการผื่น โรคนี้จะรุนแรงเมื่อติดในแม่ท้อง เพราะอาจทำให้เด็กในครรภ์พิการได้
- โรคคางทูม ซึ่งเชื้อไวรัส Mumps เข้าไปทำให้ต่อมน้ำลายอักเสบ บางรายอาจเกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบด้วย อาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนอย่างอัณฑะอักเสบ รังไข่อักเสบ ข้ออักเสบ ระบบประสาทอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
|
ทั้งนี้ คุณแม่สามารถเช็ก! ตารางการฉีดวัคซีนของลูกน้อย ได้ที่ กำหนดการให้วัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2568 นะคะ

ทำไม? ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน ฉีดยา
กรณีลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน หรือการฉีดยารักษาอาการป่วยต่างๆ เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยค่ะ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารที่ฉีดเข้าไป โดยอาจมีสาเหตุหลักๆ ดังนี้
- การอักเสบ: ร่างกายเด็กแต่ละคนอาจมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกัน บางคนตอบสนองต่อสารที่ฉีดเข้าไปด้วยการอักเสบเล็กน้อยทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นกลไกการสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
- มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ: เข็มฉีดยาอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยของเนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีด หรือการฉีดวัคซีนในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- ปฏิกิริยาต่อส่วนประกอบของวัคซีน: ในบางกรณี อาจเกิดปฏิกิริยาต่อส่วนประกอบบางอย่างในวัคซีน
|
ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน ปกติ หรือ ต้องพบแพทย์
|
ปกติ |
ต้องพบแพทย์ |
- ปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อยถึงปานกลาง
- อาการปวดอาจเริ่มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังฉีด และหายได้เองภายใน 1-2 วัน
- อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
|
- ปวดรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
- มีไข้สูง
- มีอาการแพ้ เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก หรือปากบวม
- อาการบวมเพิ่มขึ้นหรือหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2-3 วัน
|
วิธีดูแลเมื่อ ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน
การดูแลลูกหลังจากการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดอาการปวดแขน หรือไม่สบายตัวอื่นๆ ทำให้ลูกน้อยรู้สึกดีขึ้น มีวิธีง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ดังนี้
- ประคบเย็น ใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเย็น ประคบบริเวณที่ฉีดประมาณ 10-15 นาที เพื่อลดอาการปวดและบวม
- เคลื่อนไหวแขนเบาๆ กระตุ้นให้ลูกเคลื่อนไหวแขนเบาๆ เพื่อลดอาการแข็งเกร็ง
- ให้ลูกพักผ่อน การพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้แขนที่ฉีดวัคซีนมากเกินไป จะช่วยให้ร่างกายลูกน้อยฟื้นตัว และไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงๆ ในบริเวณที่ฉีดวัคซีน เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเพิ่มการอักเสบได้
- เบี่ยงเบนความสนใจ หากลูกน้อยงอแง ลองเบี่ยงเบนความสนใจด้วยของเล่นที่ลูกชอบ การอ่านหนังสือนิทาน หรือดูการ์ตูนเรื่องโปรด
- ให้ยาแก้ปวด หากลูกมีอาการปวดมาก สามารถให้ยาแก้ปวดสำหรับเด็กตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

อาการข้างเคียงอื่นๆ หลังฉีดวัคซีน ที่พ่อเเม่ต้องรู้และระวัง
นอกเหนือไปจากอาการ ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน มีรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดยาแล้ว ยังมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ ดังนี้ค่ะ

1. มีไข้ ตัวร้อน
มักเกิดหลังการฉีดวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ซึ่งเมื่อลูกน้อยมีอาการไข้ คุณแม่ควรหมั่นเช็ดตัวให้ลูกด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ พักผ้าตามซอกคอ ข้อพับต่างๆ เพื่อลดอุณภูมิในร่างกาย และให้กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ซึ่งอาการมักจะหายไปใน 2-3 วัน เเต่ยังต้องเฝ้าระวังเพราะหากไข้สูงเกินไปลูกอาจจะชักได้
2. ไอ มีน้ำมูก ผื่นขึ้นตามผิวหนัง
เป็นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังจากที่ลูกน้อยได้รับวัคซีนในกลุ่มป้องกันหัด เช่น หัดเยอรมัน หรืออีสุกอีใส ซึ่งเกิดหลังจากฉีดวัคซีน 5-10 วัน โดยมากอาการไม่รุนแรง และจะหายได้เองภายในเวลาไม่เกิน 3-4 วัน แต่ถ้าลูกน้อยมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ซึม ไม่เล่น เพลียมาก ไม่ค่อยดูดนมหรือไม่กินอาหาร ควรพาลูกไปพบแพทย์
3. ตุ่มหนอง
มักเกิดจากวัคซีนป้องกันวัณโรค หรือ บีซีจี (BCG) ที่ฉีดบริเวณสะโพกซ้าย โดยตุ่มหนองมักปรากฏหลังฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะพองๆ ยุบๆ อยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็จะหายไปเอง แต่คุณแม่ต้องระวังรักษาความสะอาด อย่าให้ตุ่มหนองเกิดการติดเชื้อ หากพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงที่ฉีดวัคซีนบีซีจี อักเสบ โตขึ้น หรือเป็นฝี ให้รีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
4. ชัก
โดยทั่วไปแล้วสาเหตุของการชักมักไม่ได้เกิดจากผลของวัคซีนโดยตรง แต่เกิดจากการที่มีไข้สูงหลังฉีดวัคซีน ดังนั้น วิธีป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ หลังจากฉีดวัคซีนแล้วต้องคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีไข้ต้องเช็ดตัวลดไข้ หรือให้กินยา อย่าปล่อยให้ไข้สูงเพราะจะทำให้เกิดอาการชักได้
|
วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อลูกชัก
|
- จับลูกนอนหันหน้าไปด้านข้าง เพื่อป้องกันการสำลัก
- เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย
- ไม่ควรนำสิ่งของ เช่น ช้อน นิ้วมือ ใส่เข้าไปในปากลูก เพราะจะยิ่งทำให้สำลัก
- รีบนำลูกน้อยส่งโรงพยาบาลทันที
- เมื่อพาลูกไปฉีดวัคซีนครั้งต่อไป ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่า ลูกมีอาการชักหลังจากฉีดวัคซีน
|
ทั้งนี้ ภายหลังการรับวัคซีนของลูกน้อย คุณแม่ควรพักรอประมาณ 30 นาที เพื่อสังเกตอาการแพ้แบบรุนแรง (Anaphylaxis) ที่อาจเกิดขึ้นค่ะ ได้แก่ ปากบวม มีผื่น หายใจลำบาก ช็อก

ลูกปวดแขนหลังฉีดวัคซีน เป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักไม่รุนแรง แต่การดูแลอย่างเหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตัวให้ลูกน้อยได้ รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์และการใช้วิธีบรรเทาอาการต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกดีขึ้น ทำให้กระบวนการฉีดวัคซีนเป็นประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนะคะ
ที่มา : www.bangpakok3.com , www.paolohospital.com , www.ram-hosp.co.th , www.nonthavej.co.th
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกนอนผวา ร้องไห้ เรื่องที่คุณแม่ต้องเข้าใจ และรับมืออย่างเหมาะสม
สอนลูกพูด ยังไงดี? 9 วิธีสอนลูกพูด เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา
ทำไม ลูกเลือดกำเดาไหลบ่อย สัญญาณเตือนอะไร? วิธีดูแลและป้องกัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!