การที่ลูกน้อยนอนผวา ร้องไห้กลางดึก อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลใจ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมต่างๆ ของทารก ไม่รู้ว่าพฤติกรรมต่างๆ ของลูกมีสาเหตุจากอะไร ทำให้ยังไม่สามารถจัดการปัญหาได้ บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ ลูกนอนผวา ร้องไห้ พร้อมแนะนำวิธีรับมืออย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม และคลายความกังวลใจของคุณพ่อคุณแม่ลงด้วยค่ะ

อาการ ลูกนอนผวา ร้องไห้ ปกติมั้ย?
บางครั้งที่ขณะลูกน้อยนอนหลับอยู่ จะสังเกตเห็นได้ว่า การที่ลูกน้อยนอนผวา หรือสะดุ้งตื่น เป็นอาการของเด็กวัยแรกเกิดไปจนถึง 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นอาการปกติของเด็กทารก แสดงถึงระบบประสาทได้ดี เป็นการทดสอบง่ายๆ ว่าทารกได้ยินเสียง และตอบสนอง ซึ่งเกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ ที่เรียกว่า Moro Reflex หากมีอะไรมากระตุ้นเพียงเล็กน้อย เช่น เสียง แสงจ้า ก็ทำให้ทารกผวาขึ้นมาได้ทันที โดยจะมีอาการผวา ขยับตัวนิดหน่อย หรือมีการกระตุกที่แขนหรือขา กางแขนและขาออก พร้อมกับแบมือ
ทั้งนี้ เด็ก ๆ ยังมีอาการนอนผวาอีกช่วงคือ 6 เดือน – 1 ขวบ โดยจะมีอาการร้องละเมอ เอะอะโวยวาย ตีแขนตีขาทั้งที่ตายังหลับสนิท จนบางทีคุณพ่อคุณแม่ตกใจ ถือเป็นเรื่องปกติของช่วงวัยนี้ มักไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ยกเว้นว่าลูกน้อยนอนผวาบ่อยๆ จนเกินไป ในกรณีนี้ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาค่ะ

ทำไม? ลูกนอนผวา ร้องไห้
สาเหตุที่ลูกน้อยนอนผวา ร้องไห้ นั้นอย่างที่บอกไปเบื้องต้นค่ะว่าเป็นปฏิกิริยาของเด็กแรกเกิด ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้
|
รูปแบบของ ปฏิกิริยาเด็กแรกเกิด
|
ปฏิกิริยาโมโร (Moro) |
- เกิดเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยเสียงดังขณะที่ทารกนอนอยู่ หรือมีการเคลื่อนไหว หรือร้องไห้เอง
- ทารกจะสะดุ้งและเอาแขนสองข้างไขว่คว้าคล้ายจะกอด
- ทารกจะผงกศีรษะไปข้างหลัง เหยียดแขนขาออก แล้วดึงแขนขากลับเข้ามาเหมือนจะกอด
|
ปฏิกิริยาการค้นหา (Rooting) |
- ถ้าคุณแม่เขี่ยที่แก้ม ลูกน้อยจะหันหน้า อ้าปาก ไปในทิศทางที่ถูกสัมผัส
- เป็นสัญชาตญาณในการหาหัวนมแม่ของทารก
|
ปฏิกิริยาการดูด (Sucking) |
- ลูกน้อยจะดูดโดยอัตโนมัติ เมื่อมีบางอย่างสัมผัสที่เพดานปาก
- แม้ทารกจะรู้เองว่าต้องดูดอย่างไร ก็ยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะการดูดเช่นกัน
|
ปฏิกิริยาการคว้าจับ (Grasping) |
- ลูกจะกำสิ่งของที่วางลงบนมือของตัวเอง เช่น มือของคุณแม่ หรือของเล่น
- ปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะในการจับสิ่งต่างๆ อย่างตั้งใจเมื่อโตขึ้น
|
ปฏิกิริยาการก้าว (Stepping) |
- หากคุณแม่ประคองลูกน้อยให้ยืนขึ้น และปล่อยให้เท้าของลูกได้สัมผัสพื้นผิวที่เรียบ ลูกจะยกขาข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่ง เหมือนกำลังพยายามจะก้าว
- การตอบสนองเช่นนี้ ช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะในการควบคุมการเดิน ซึ่งจะเริ่มประมาณอายุ 1 ขวบ
|

นอกจากปฏิกิริยาข้างต้นแล้ว ยังอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้ลูกน้อยนอนผวา ร้องไห้ ได้เช่นกัน ดังนี้
-
ได้รับคาเฟอีนผ่านทางนมแม่
กรณีคุณแม่ให้นม กินอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง อาจสะสมจนส่งต่อไปยังลูกน้อยผ่านทางน้ำนมแม่ได้ค่ะ ซึ่งคาเฟอีนนี้เองที่จะมีผลต่อการนอนหลับของทารก และยังอาจส่งผลให้ลูกนอนผวา นอนสะดุ้ง ได้ด้วยค่ะ
-
ลูกมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
อาการกระตุก หรืออาการสั่น อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆ ของอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำในทารกได้ค่ะ
การขาดโซเดียมสามารถส่งผลให้ร่างกายมีอาการกระตุกได้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากคุณแม่กินอาหารที่มีโซเดียมน้อย ทำให้ทารกมีโซเดียมในร่างกายไม่เพียงพอ
เด็กเล็กก็สามารถฝันร้ายได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่โดยทั่วไปจะเกิดกับเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป ซึ่งยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างฝันกับความจริงได้ อาจทำให้เกิดความตกใจหรือกลัวระหว่างการหลับ
-
ภาวะผวากลางคืน (Night Terrors)
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงหลับลึก ซึ่งเด็กบางคนจะมีอาการหวาดกลัว ตื่นขึ้นมาร้องไห้ หรือส่งเสียงดัง แต่จะไม่ตื่นเต็มที่ และไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ได้
-
ความวิตกกังวล สภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคง
มักเกิดกับลูกวัยอนุบาล โดยเป็นความวิตกกังวลจากการแยกจากพ่อแม่ ความกลัว หรือความเครียด ที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับของลูกได้ บางครั้งลูกอาจมีความรู้สึกกังวลจากการรับรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในช่วงเวลานอน
-
การเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน
การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น การย้ายบ้าน การเริ่มเข้าโรงเรียน หรือการมีน้องใหม่ อาจทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่มั่นคง และส่งผลต่อการนอนหลับ หรือนอนผวา
หากลูกน้อยมีอาการเจ็บป่วย เช่น ไข้ หรือท้องเสีย จนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและร้องไห้กลางดึก อาจทำให้การนอนของลูกไม่เป็นปกติ

6 วิธีรับมือเมื่อ ลูกนอนผวา ร้องไห้
-
สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนนอน
ในห้องนอนต้องไม่มีสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ลูกน้อยนอนผวา หรือสะดุ้งตื่น ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนต่างๆ และแสงสว่างที่จ้าเกินไป คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลายก่อนนอน เช่น อ่านนิทาน เปิดเพลงเบาๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยขณะนอนหลับ
-
อุ้มลูกแนบกับตัวไว้ให้นาน
เมื่อ ลูกนอนผวา ร้องไห้ คุณแม่ควรอุ้มลูกแนบกับตัวไว้ให้นานจนมั่นใจว่าลูกน้อยกำลังหลับสนิท แล้วจึงค่อยๆ วางลูกน้อยลงบนที่นอน โดยวางให้หลังของลูกสัมผัสกับที่นอนก่อน เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหล่นและทำให้เกิดอาการนอนผวาได้ จากนั้นค่อยๆ ปล่อยมือออกมา
-
คุณแม่สามารถจัดให้ลูกน้อยนอนในท่านอนคว่ำได้นะคะ แต่ต้องตะแคงหน้าลูกน้อยไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งจะช่วยลดการนอนผวาและสะดุ้งตื่นของลูกได้ดี แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีคนที่คอยดูแลอยู่ด้วย ห้ามให้ลูกนอนคว่ำอยู่ลำพัง เพราะหากจัดท่าทางไม่ดีในท่านอนคว่ำ อาจทำให้ลูกน้อยหายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้ค่ะ
-
ให้ลูกนอน “อู่”
เปลแบบไทย หรือ “อู่” นั้น มีรูปทรงที่จะช่วยทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย จากผ้าที่ขนาบข้างตัว ลูกจะสบายใจและหลับได้นาน ลดอาการ ลูกนอนผวา ร้องไห้ และสะดุ้งตื่น
-
ห่อตัวลูกน้อย
การห่มผ้าหรือการห่อตัวลูกน้อย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ลูกนอนหลับอย่างสบายใจ รู้สึกได้รับความปลอดภัย อบอุ่น เหมือนตอนอยู่ในท้องคุณแม่อีกครั้ง รวมถึงช่วยให้ลูกนอนหลับได้นานขึ้นด้วยค่ะ
-
ใช้อุปกรณ์เสริมเข้าช่วย
คุณแม่สามารถใช้ผ้าห่มที่มีน้ำหนัก หรืออุปกรณ์เสริมประเภทหมอนกันสะดุ้ง ถุงมือยางใส่ข้าวสาร มาวางไว้บริเวณหน้าอกลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เหมือนมีคุณแม่อยู่ใกล้ๆ ในขณะนอนหลับได้นะคะ

|
ทารกนอนผวา แบบไหนควรปรึกษาแพทย์
|
- หลังนอนผวาแล้ว ทารกไม่ยอมตื่น ไม่เคลื่อนไหว หรือไม่มีอาการตอบสนองใดๆ กลับมา
- หลังอาการนอนสะดุ้ง นอนผวา ทารกร้องไห้อย่างอ่อนแรง หรือมีเสียงร้องที่เบาลงกว่าปกติ
- ทารกมีอาการครางหรือกรน หลังนอนผวา นอนสะดุ้ง
- หลังนอนสะดุ้ง นอนผวา ผิวของทารกมีลักษณะเป็นสีฟ้า หรือสีเทา สัญญาณนี้บ่งบอกว่าลูกกำลังมีปัญหาการหายใจ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
|
การที่ลูกนอนผวา ร้องไห้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในเด็กเล็กนะคะ ดังนั้น การปลอบโยนและให้ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรับมือกับอาการเหล่านี้ หากอาการยังคงต่อเนื่องจนคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวล ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมได้ค่ะ
ที่มา : www.homedeparto.com , baby.kapook.com , www.phyathai.com , www.healthline.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทำไมเด็กทารกถึงตื่นบ่อย ตื่นมาก็ต้องอุ้ม วางก็ไม่ได้ ร้องไห้ตลอด
สอนลูกพูด ยังไงดี? 9 วิธีสอนลูกพูด เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา
ทารก 6 เดือน กินอะไรได้บ้าง ? เริ่มต้นอาหารตามวัยอย่างปลอดภัย ได้ประโยชน์ครบ!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!