X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • พัฒนาการลูก
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • การศึกษา
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์สูง

บทความ 5 นาที
เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์สูงเลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์สูง

รู้จักภาวะเลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อเริ่มป้องกันก่อนจะส่งผลร้ายต่อทั้งคุณแม่และลูกในท้อง

โรคเลือดจางมักเกิดจากการรับประทานอาหารไม่ถูกส่วน เนื่องจากผู้หญิงบางคนกลัวรูปร่างเสียจึงไม่ค่อยชอบอาหารที่มีคุณค่าเสริมสร้างร่างกาย และอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เป็นโรคเรื้อรัง หรือมีพยาธิปากขอที่คอยดูดเลือดจากลำไส้ของเรา หรืออาจมีการเสียเลือดจากริดสีดวงทวาร เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย เป็นต้น ยิ่งถ้าเกิด เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ยิ่งอันตรายไปแล้วใหญ่

 

ป้องกัน เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ 

  • อาการเลือดจางเนื่องจากคุณแม่ขาดธาตุเหล็กซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงลูกในท้อง ขณะตั้งครรภ์คุณแม่ต้องการธาตุเหล็กมากขึ้นกว่าเดิม
  • ควรเน้นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง กรดโฟลิก และวิตามินบี 12 ที่มักจะมีอยู่ในหอย ปลา ถั่วต่างๆ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโอ๊ต แครอท แคนตาลูป ฟักทอง อะโวคาโด ผลไม้แห้ง ลูกพีช อินทผลัม กล้วยตาก และจมูกข้าวสาลี

สาเหตุ วิธีการป้องกัน และการดูแลตัวเองของแม่ท้องระหว่างตั้งครรภ์ ติดตามได้ในบทความเลยค่ะ

 

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์

จะรู้ได้อย่างไรว่าเลือดจาง 

เลือดจาง เป็นภาวะที่เม็ดเลือดแดงมีฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติ โดยในผู้หญิงที่ไม่ท้องปกติจะมีค่าความเข้มข้นของเลือดอยู่ที่ประมาณ 14 กรัมเปอร์เซ็นต์ (14 กรัมต่อเลือด 100 ซีซี) หากต่ำกว่า 11 กรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่าเลือดจาง

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ถ้าต่ำกว่า 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นโรคเลือดจาง

คุณหมอจะทำการตรวจหาความเข้มข้นของเลือดเมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน

 

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์อันตรายต่อแม่อย่างไร

เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์นั้น ร่างกายคุณแม่จะมีน้ำเลือดเพิ่มขึ้นมากกว่าภาวะปกติ จึงทำให้ความเข้มข้นของเลือดจางลงกว่าปกติ โดยระดับของฮีโมโกลบินจะค่อย ๆ ลดลง จนถึงช่วงเดือนที่ 7 จะลดลงมาก และกลับสู่ค่าปกติหลังคลอดแล้ว 6 สัปดาห์

อย่างไรก็ตามการลดลงของฮีโมโกลบินในระดับปกติสำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรต่ำกว่า 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์อาการ ดังนี้

  1. อ่อนเพลีย ซีด เหนื่อยง่าย เป็นลมบ่อย เวียนศีรษะ และเบื่ออาหาร
  2. เสี่ยงแท้ง และคลอดก่อนกำหนด
  3. มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ทำให้คลอดยาก หมดแรง และมีโอกาสติดเชื้ออักเสบได้ง่าย
  4. ตกเลือดระหว่างคลอด หลังคลอด และช็อก

อาการดังกล่าวจะเป็นมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่าเลือดจางมากแค่ไหน ทั้งนี้แม่ที่มีภาวะเลือดจางมักมีอันตรายจากการคลอด อัตราการตกเลือดและติดเชื้อสูงกว่าแม่ท้องที่เลือดไม่จาง

 

ตั้งครรภ์เลือดจาง โลหิตจางมีลูกได้ไหม ? เลือดจางอันตรายต่อลูกในท้องอย่างไร

โรคเลือดจางนอกจากจะเป็นอันตรายต่อแม่แล้ว ยังส่งผลร้ายแรงต่อลูกน้อยด้วย เนื่องจากเลือดที่ไปเลี้ยงรกจะมีออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ทำให้ออกซิเจนส่งไปยังทารกน้อยกว่าที่ควรจะได้รับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อลูก ดังนี้

  1. ถ้าแม่เลือดจางมาก ทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์ได้
  2. ลูกมีโอกาสที่จะคลอดออกมาแล้วเสียชีวิต
  3. เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกคลอดน้อย
  4. มีความพิการแต่กำเนิดสูง
  5. ลูกมีโอกาสเป็นโรคเลือดจาง

 

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์

เลือดจางตอนตั้งครรภ์ทำอย่างไร

หากเลือดจางจากโรคเลือดทางพันธุกรรม หรือธาลัสซีเมียนั้น ไม่สามารถป้องกันได้ ส่วนผู้ที่เลือดจางเพราะพยาธิปากขอคุณหมอสามารถให้ยาถ่ายพยาธิปากขอ เพื่อลดการเสียเลือดได้ แต่สำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้อยู่ในภาวะดังกล่าว ก่อนตั้งครรภ์ก็มีสุขภาพดีเป็นปกติ สามารถป้องกันภาวะเลือดจางได้ด้วยการกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็กที่คุณหมอจ่ายให้มาตอนที่ไปตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ

เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีความต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น ซึ่งอาหารประจำวันนั้นมีธาตุเหล็กเพียง 10-15 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เพียงร้อยละ 10 นั่นหมายความว่า คุณแม่จะได้รับธาตุเหล็กจากอาหารเข้าไปในระบบทางเดินเลือดเพียงวันละ 1-1.5 มิลลิกรัมเท่านั้น ดังนั้น หากรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วนก็มีโอกาสเกิดเลือดจางได้ง่าย

 

ธาตุเหล็กจำเป็นต่อร่างกายแม่ท้องอย่างไร

เมื่อร่างกายได้รับธาตุเหล็กจะถูกนำไปใช้ในการ

  1. สร้างฮีโมโกลบิน
  2. สร้างสารที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์
  3. เก็บสำรองไว้ในตับ ม้าม และไขกระดูก
  4. ถูกขับออกทางเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ
  5. เอาไปให้ทารกเพื่อสร้างอวัยวะต่างๆ
  6. สร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
  7. สูญเสียไปขณะคลอด
  8. ออกมากับน้ำนมแม่

เห็นไหมคะว่า ธาตุเหล็กจำเป็นต่อคุณแม่และคุณลูกมากแค่ไหน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องได้รับธาตุเหล็กเสริมให้มากเพื่อความสมบูรณ์ของทั้งคุณแม่และลูกน้อย

บทความที่น่าสนใจ : อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ที่คนท้องควรกิน มีอะไรบ้าง?

 

หากคุณหมอตรวจพบว่าคุณแม่มีภาวะเลือดจางระหว่างตั้งครรภ์รักษาอย่างไร

คุณหมอจะหาสาเหตุของเลือดจาง หากเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก คุณหมอก็จะให้กินยาเสริมธาตุเหล็ก หากเลือดจางมากอาจพิจารณาให้เลือดด้วย รวมถึงขณะคลอดอาจต้องเตรียมเลือดไว้ 1-2 ขวด เพื่อใช้ในกรณีมีการตกเลือด ซึ่งอาจทำให้ช็อกได้

รู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ท้องควรบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และควรรับประทานยาบำรุงเสริมธาตุเหล็กที่คุณหมอให้มาอย่าได้ขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคเลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูกได้ค่ะ

ที่มา คู่มือตั้งครรภ์และเตรียมคลอด โดย ศ.(คลินิก) นพ.สุวชัย อินทรประเสริฐ

 

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์กินอะไร

สำหรับคนท้องที่อยากจะหาอาหารเสริมบำรุงเลือดด้วยตนเองที่บ้าน อาหารที่อยากจะแนะนำเลยให้เน้นไปที่ส่วนประกอบที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ จะเป็นปลาทะเลก็ได้ หรือจะเลือกเป็นอาหารทะเลเป็นครั้งคราวก็ดี สำหรับสูตรอาหารชีวจิตของคนเป็นเลือดจาง คือ ให้ลดข้าว เพิ่มผัก และเพิ่มโปรตีนให้มากขึ้น โดยลดข้าวให้เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ผักเพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนเพิ่มเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ และกินปลาได้อาทิตย์ละ 5 ครั้ง ส่วนอย่างอื่นให้คงเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ตามเดิม ในขณะเดียวกันอาจเลือกเน้นอาหารที่มีธาตุโฟลิก และวิตามินบี 12 ที่มักจะมีอยู่ในหอย ปลา ถั่วต่างๆ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโอ๊ต แครอท แคนตาลูป ฟักทอง อะโวคาโด ผลไม้แห้ง ลูกพีช อินทผลัม กล้วยตาก และจมูกข้าวสาลี

นอกจากต้องระวังภาวะ เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์แล้ว สิ่งที่แม่ ๆ หมั่นควรสังเกตบ่อย ๆ คืออาการที่ผิดปกติระหว่างที่ตั้งครรภ์ แต่อาการเหล่านั้นมันคืออะไรบ้าง สามารถเช็กได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

 

เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์

อาการผิดปกติอื่น ๆ ระหว่างตั้งครรภ์

 

บทความจากพันธมิตร
ผิวแตกลาย เกิดจากอะไร? พร้อมแนะนำเคล็ดลับดูแลผิวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอดควรรู้
ผิวแตกลาย เกิดจากอะไร? พร้อมแนะนำเคล็ดลับดูแลผิวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอดควรรู้
เช็กเลย 5 คุณสมบัติ แคลเซียมสำหรับคนท้อง แม่ทานง่าย ลูกปลอดภัย ได้ประโยชน์สูงสุด
เช็กเลย 5 คุณสมบัติ แคลเซียมสำหรับคนท้อง แม่ทานง่าย ลูกปลอดภัย ได้ประโยชน์สูงสุด
วิธีสังเกตอาการคนท้องและพัฒนาการทารกในครรภ์แต่ละไตรมาส
วิธีสังเกตอาการคนท้องและพัฒนาการทารกในครรภ์แต่ละไตรมาส
รีวิวจริง มื้อนี้แม่ทำให้ดู ซีรีแล็คจูเนียร์โจ๊ก อร่อยเหมือนรสมือแม่ แถมไม่ใส่น้ำตาลทราย
รีวิวจริง มื้อนี้แม่ทำให้ดู ซีรีแล็คจูเนียร์โจ๊ก อร่อยเหมือนรสมือแม่ แถมไม่ใส่น้ำตาลทราย

เด็กดิ้นน้อยลง

โดยปกติคนท้องควรสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกน้อยในครรภ์ เด็กบางคนก็ดิ้นมากในเวลากลางคืน ในขณะที่เด็กบางคนก็จะเริ่มขยับตัวมากในช่วงเช้า ถ้าคุณแม่รู้สึกได้ว่าลูกในท้องดิ้นน้อยกว่าปกติ หรือไม่เคลื่อนไหวเลย คุณแม่ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะมีบางกรณีที่เด็กเสียชีวิตก่อนคลอดเพียงไม่กี่สัปดาห์ ถึงแม้จะพบไม่มากนัก แน่นอนว่าวิธีการเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์

 

มีเลือดออกทางช่องคลอด

หากคุณมีอาการตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งจะทำให้เจ็บปวดรุนแรงและมีเลือดออกมาก ส่วนในกรณีที่คุณมีเลือดออกเล็กน้อยและไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ อาจไม่มีสาเหตุร้ายแรง คุณอาจลองโทรปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อดูว่าจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรือไม่

 

น้ำเดิน

ของเหลวที่ออกมาระหว่างตั้งครรภ์อาจเป็นแค่ของเหลวที่ซึมออกมาตามปกติ ปัสสาวะ หรืออาจเป็นน้ำคร่ำรั่ว ซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะระบุชัดเจน (ซึ่งเราขอบอกไว้ก่อนเลยว่าหญิงตั้งครรภ์อาจมีของเหลวไหลออกมามากกว่าปกติโดยเฉพาะในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนคลอด) ดังนั้นหากคุณยังไม่ใกล้กำหนดคลอด แต่มีของเหลวไหลออกมามากผิดปกติ คุณควรไปพบแพทย์ทันที ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าไปพบแพทย์เพราะเกรงว่าจะเป็นแค่ปัสสาวะ แต่ในหลายกรณี กลับกลายเป็นน้ำเดินก่อนกำหนด ซึ่งเกิดขึ้นได้

 

เจ็บท้องก่อนกำหนดคลอด

อาการนี้อาจสังเกตได้ยากหน่อย เพราะอาการ “เจ็บท้องหลอก” อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 และจะมีอาการเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนท้อง ฉันมีอาการเจ็บท้องเป็นประจำตั้งแต่สัปดาห์ที่ 27 ตอนท้องลูกคนที่ 3 และถ้าฉันตกใจ ไปโรงพยาบาลทุกครั้งที่เจ็บท้อง ก็คงไปเก้อทุกครั้ง ถ้าคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเจ็บท้องจริงหรือหลอก คุณควรไปพบแพทย์ หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้: เจ็บท้องก่อน 37 สัปดาห์ เจ็บเป็นประจำและมีอาการทุก ๆ 2-3 นาที และเจ็บมากขึ้นเวลายืนหรือเดิน อาการปวดท้องต่อเนื่องก่อนกำหนดคลอดอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจคลอดก่อนกำหนด

 

รู้สึกผิดปกติ

บางครั้งคุณแม่ทั้งหลายก็อาจต้องเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง คุณควรใส่ใจเป็นพิเศษหากคุณรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ไม่ว่าจะก่อนคลอด หรือกำลังจะคลอด แม้ว่าคุณอาจจะบอกไม่ได้ว่าผิดปกติตรงไหน แต่ขอให้เชื่อความรู้สึกตัวเอง ร่างกายของคุณ และของทารก เพราะคุณคือคนเดียวที่รู้สภาพตัวเองดีที่สุด

ถ้าหากพบอาการเหล่านี้แล้วหล่ะก็ อย่าชะล่าใจ รีบจูงมือคุณพ่อพาไปพบแพทย์เพื่อรีบรักษานะคะ

 


source : www.medicinenet.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

10 คำถามกับโครงการฝากครรภ์ฟรี ให้หญิงตั้งครรภ์ไทยทุกคน

วีดีโอเตรียมคลอด และการคลอดระยะต่าง ๆ

ลูกเป็นโรคธาลัสซีเมีย​ ดูแลอย่างไร​ ต้องระวังเรื่องไหน​ เมื่อไหร่ควรพาลูกไปหาหมอ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
ddc-calendar
เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อย โดยใส่วันครบกำหนดคลอดของคุณ
หรือ
คำนวณวันครบกำหนดคลอด
img
บทความโดย

สิริลักษณ์ อุทยารัตน์

  • หน้าแรก
  • /
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • /
  • เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์สูง
แชร์ :
  • แม่ท้องรู้ไว้ ท้องแบบไหนเสี่ยง มดลูกแตก

    แม่ท้องรู้ไว้ ท้องแบบไหนเสี่ยง มดลูกแตก

  • 5 วิธีรับมือลดอาการอ่อนเพลียระหว่างตั้งครรภ์

    5 วิธีรับมือลดอาการอ่อนเพลียระหว่างตั้งครรภ์

  • 7 ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอดที่ดีที่สุด ช่วยพยุงหลังและคืนเอวสับให้แม่หลังคลอด

    7 ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอดที่ดีที่สุด ช่วยพยุงหลังและคืนเอวสับให้แม่หลังคลอด

app info
get app banner
  • แม่ท้องรู้ไว้ ท้องแบบไหนเสี่ยง มดลูกแตก

    แม่ท้องรู้ไว้ ท้องแบบไหนเสี่ยง มดลูกแตก

  • 5 วิธีรับมือลดอาการอ่อนเพลียระหว่างตั้งครรภ์

    5 วิธีรับมือลดอาการอ่อนเพลียระหว่างตั้งครรภ์

  • 7 ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอดที่ดีที่สุด ช่วยพยุงหลังและคืนเอวสับให้แม่หลังคลอด

    7 ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอดที่ดีที่สุด ช่วยพยุงหลังและคืนเอวสับให้แม่หลังคลอด

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2022. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ไปให้กับคุณ