คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร? 13 ผลไม้ต้องห้ามคนท้องห้ามกินเด็ดขาด!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การเลือกอาหารเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงเมื่อตั้งครรภ์ อาหารของพวกเขาจะช่วยให้ทารกในครรภ์มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนา อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีบทบาทสำคัญในสุขภาพโดยรวมของบุคคล ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิด คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายควรประกอบด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไร้มัน และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจไม่ทราบว่าผลไม้บางชนิดมีประโยชน์อย่างยิ่งในระหว่างตั้งครรภ์ เรามาดูกันว่า คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร และผลไม้ชนิดไหนที่ช่วยบำรุงสุขภาพ

 

10 ผลไม้คนท้องห้ามกิน คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร

ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าทำไมการกินผลไม้ระหว่างตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้เรายังครอบคลุมถึงผลไม้ที่รับประทานได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ และผลไม้ประเภทใดที่สตรีมีครรภ์อาจต้องการหลีกเลี่ยง สิ่งที่คุณกินระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลต่อสุขภาพของคุณเช่นเดียวกับสุขภาพของทารก

หากคุณรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ คุณจะมีการตั้งครรภ์ที่แข็งแรง และลูกน้อยของคุณจะพัฒนาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการทางโภชนาการของคุณ คุณสามารถกินอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชไม่ขัดสี แต่คุณไม่สามารถกินผลไม้หรือผักเพียงอย่างเดียวได้ มีผักและผลไม้บางชนิดที่ไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคระหว่างตั้งครรภ์ ในบทความนี้เราจะบอกคุณเกี่ยวกับ คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร ผลไม้บางชนิดที่คุณควรหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์

 

1. ผลไม้ดิบ

ผลไม้ดิบ เช่น มะม่วงดิบ ฝรั่งดิบ กล้วยดิบ เป็นต้น จะมีปริมาณแป้งมากกว่าน้ำตาล ถ้าได้รับในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด เพราะ แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายต้องใช้เวลาย่อยนาน หากต้องการรับประทาน อาจเปลี่ยนเป็นการดื่มน้ำฝรั่งสดแทนก็ได้ค่ะ

 

2. ผลไม้ที่มีรสหวานจัด

ผลไม้ที่ให้รสหวานจัด เช่น ลำไย องุ่น มะม่วงสุก  เป็นต้น หากรับประทานเป็นประจำ หรือ รับประทานในปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกาย เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดภาวะน้ำหนักเกิน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินลดลง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. ผลไม้นอกฤดูกาลและผลไม้แปรรูป

ผลไม้นอกฤดูกาล  นอกจากจะมีราคาแพงแล้ว ผลไม้นอกฤดูอาจมีการใช้สารต่าง ๆ เพื่อเร่งผลผลิต เช่น ปุ๋ย ฮอร์โมน ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ทำให้แม่ท้องได้รับสารเคมีเพิ่มขึ้น  สำหรับผลไม้แปรรูป ถ้าหากคุณแม่ชอบทานผลไม้ที่ผ่านการแปรรูป ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้ดอง ผลไม้เชื่อม นอกจากจะมีน้ำตาลและเกลือสูง คุณค่าทางโภชนาการต่ำ และ ยังเสี่ยงต่อการได้รับสารปนเปื้อนต่าง ๆ เช่น บอแรกซ์ สารกันเชื้อรา สารกันบูด และ สีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

บทความที่เกี่ยวข้องระวัง! แม่ท้องกินอาหารแปรรูป เป็นปริมาณมาก เสี่ยงลูกเกิดมาเป็นออทิสติก

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4. ผลไม้ที่มียาง

ผลไม้ที่มียาง เพราะหากถูกยางจากผลไม้ อาจทำให้มีผื่นแพ้ คันที่ผิวหนัง และริมฝีปาก คุณแม่ควรล้างน้ำให้หมดยาง หรือปอกเปลือกก่อนรับประทาน เช่น มะปราง มังคุด ลองกอง หรือลางสาด เป็นต้น

 

5. ผลไม้ที่มีกำมะถัน

ผลไม้ที่มีกำมะถัน เช่น อะโวคาโด สับปะรด ทุเรียน เป็นต้น ซึ่งในการย่อยสลายกำมะถัน ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัว หากกินในปริมาณมากจะทำให้มีแก๊สในลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องอืด คลื่นไส้ได้ง่าย ร้อนใน หรือ การจุกเสียดยอดอกที่เกิดจากน้ำย่อย อาหารไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร

การจะรับประทานอาหาร ผักหรือผลไม้ในช่วงตั้งครรภ์ แม่ท้องควรระมัดระวัง เพราะ บางชนิดอาจส่งผลเสียต่อแม่ท้องได้ แม้แต่ผลไม้ก็เช่นกัน โดยเฉพาะผลไม้รสหวานจัด ผลไม้ที่มียาง ผลไม้แปรรูป เป็นต้น ควรรับประทานแต่พอเหมาะ และ ไม่ทานบ่อยจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อแม่ท้องได้ เช่น น้ำหนักขึ้น  น้ำตาลขึ้น หรืออาจจะเบาหวานถามหา ก็เพื่อความปลอดภัยของแม่ท้อง และ ทารกน้อยในครรภ์นั่นเอง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

6. มะขาม

เรามาลงรายละเอียดเป็นตัว ๆ กันไปเลยดีกว่า ผลไม้ที่คนท้องห้ามกินอย่างแรกเลยก็คือ มะขาม แม่ว่ามะขามจะมีรสชาติเปรี้ยว อร่อย มีวิตามิน ซีสูง เหมาะกับการช่วยเรื่อง แพ้ท้อง แต่ถ้าคนท้องกินมะขามมากจนเกินไป มันจะไปยับยั้งการผลิต progesterone และ ถ้าร่างกายมีการผลิต progesterone น้อยลง อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการแท้ง!

 

7. สับปะรด

สับปะรดเป็นหนึ่งในผลไม้ ที่คนท้องควรเลี่ยงเป็นอย่างมาก เนื่องจากสับปะรดมี bromelain สารที่จะแบ่งโปรตีน ในร่างกาย ซึ่งเมื่อกินไปแล้วอาจจะส่งผลกระทบ ทำให้เสี่ยงต่อการแท้งด้วยเช่นกัน สับปะรดอยู่ในอันดับต้น ๆ ในรายการผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากการกินสับปะรดอาจทำให้มดลูกหดรัดตัวได้ ซึ่งจะทำให้แท้งได้ สับปะรดประกอบด้วยโบรมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สลายโปรตีน สามารถทำให้ปากมดลูกนิ่มลงและอาจส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด นี่คือเหตุผลที่คุณต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคสับปะรดในระหว่างตั้งครรภ์

 

 

8. มะละกอ

มะละกออาหารโปรดของคนไทย เป็นผลไม้ที่ไม่ควรกินตอนท้องเนื่องจากมียาง อาจจะทำให้เกิดอาการเสี่ยงแท้ง ตกเลือดได้ นอกจากนั้น มะละกอยังสามารถทำให้อุณหภูมิในร่างกายของคนที่กินเพิ่มขึ้นได้ การที่มีอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับคนที่กำลังท้องอยู่

มะละกอสุกเป็นแหล่งธรรมชาติและมีสุขภาพดีของ

  • เบตาแคโรทีน
  • โคลีน
  • ไฟเบอร์
  • โฟเลต
  • โพแทสเซียม
  • วิตามิน A, B และ C
  • มะละกอดิบ (ผิวสีเขียว)

มะละกอดิบเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วย

  • น้ำยาง
  • ปาเปน papain
  • ทำไมคุณควรหลีกเลี่ยงน้ำยางในมะละกอ

ควรหลีกเลี่ยงประเภทของน้ำยางในมะละกอดิบเนื่องจาก

  • มันอาจทำให้เกิดการหดตัวของมดลูกที่ทำเครื่องหมายไว้ซึ่งนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด
  • ประกอบด้วยปาเปนซึ่งร่างกายของคุณอาจเข้าใจผิดว่าเป็นพรอสตาแกลนดินซึ่งบางครั้งใช้กระตุ้นแรงงาน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เยื่อสำคัญที่สนับสนุนทารกในครรภ์อ่อนลง
  • เป็นสารก่อภูมิแพ้ทั่วไปที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายได้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แม้ว่ามะละกอสุกจะมีประโยชน์ต่อโภชนาการสำหรับสตรีมีครรภ์ แต่มะละกอดิบอาจเป็นอันตรายได้ สตรีมีครรภ์บางคนยังคงกินมะละกอสุกต่อไปตลอดการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงบางคนตัดสินใจที่จะกำจัดมะละกอทั้งหมดออกจากอาหารจนกว่าพวกเขาจะคลอดบุตร เนื่องจากมีแหล่งโภชนาการอื่น ๆ อีกมากมายให้เพลิดเพลินได้อย่างปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมรวมถึงอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

 

9. แตงโม

การกินแตงโมในช่วงตั้งครรภ์นั้น อาจจะทำให้ลูกในท้องของคุณแม่ ได้รับสารหลากหลายชนิดที่อาจจะไม่เหมาะกับเด็กทารก กลูโคส อาจเพิ่มระดับน้ำตาล ขับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกไป นอกจากนั้น แตงโมเป็นผลไม้ที่ให้ความเย็น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีต่อร่างกายของคนท้อง

 

 

10. ผลเบอร์รีแช่แข็ง

ผลไม้แช่แข็ง ถือเป็นผลไม้แปรรูปชนิดหนึ่ง ที่เราไม่รู้ว่า ผ่านกรรมวิธีมานานแค่ไหน อาจจะหมัก หรือ ถูกแช่แข็งมาเป็นเวลานานแล้วก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เราแนะนำให้คุณแม่ทานผลไม้สดจะดีกว่าร่างกายของคนท้องเองอย่างแน่นอน สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงผลเบอร์รีแช่แข็งหรืออะไรก็ตามที่ถูกทำให้แห้งหรือแช่แข็งเป็นเวลานาน เป็นความคิดที่ดีเสมอที่จะบริโภคผลไม้สดแทนที่จะเลือกผลเบอร์รีแช่แข็ง รสชาติดั้งเดิมและสารอาหารในผลเบอร์รีจะหายไปหากคุณแช่แข็ง และการกินแบบเดียวกันอาจเป็นพิษต่อทั้งคุณและลูกน้อยของคุณ นี่คือเหตุผลที่คุณอาจต้องการเลือกผลเบอร์รีสดมากกว่าพันธุ์ที่แช่แข็งหรือบรรจุกระป๋อง

 

11. มะขาม

เป็นเรื่องปกติที่จะอยากกินอะไรเปรี้ยวในระหว่างตั้งครรภ์ และคุณอาจนึกถึงมะขามทันที แต่การรับประทานมะขามในระหว่างตั้งครรภ์มีผลเสียมากกว่าผลดี มะขามถูกใช้เป็นยาแก้แพ้ท้องและคลื่นไส้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ความพอประมาณเป็นกุญแจสำคัญในการกินมะขาม มะขามอุดมไปด้วยวิตามินซี และนั่นเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้มะขามอยู่ในรายการผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากมะขามมีวิตามินซีสูง หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป ก็สามารถไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายได้ และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในระดับต่ำสามารถนำไปสู่การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด และแม้กระทั่งนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์ในทารกในครรภ์ ดังนั้นอย่ากินมะขามมากเกินไปโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก

 

12. อินทผลัม

อินทผลัมอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่จำเป็น แต่สตรีมีครรภ์มักได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภคอินทผลัม สาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้อินทผลัมอยู่ในรายการผลไม้ต้องห้ามในระหว่างตั้งครรภ์คือทำให้ร่างกายร้อนขึ้นและอาจนำไปสู่การหดตัวของมดลูก ดังนั้นในขณะที่รับประทานอาหารวันเดียวหรือสองครั้งต่อวันก็ไม่เป็นไร อะไรที่มากกว่านั้นสามารถนำไปสู่โรคแทรกซ้อนได้

 

13. กล้วย

คุณอาจแปลกใจที่เห็นผลไม้ต่ำต้อยนี้ในรายการผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์ แม้ว่าการกินกล้วยระหว่างตั้งครรภ์ถือว่าปลอดภัย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงในบางกรณี ผู้หญิงที่เป็นโรคภูมิแพ้และผู้หญิงที่เป็นเบาหวานหรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานกล้วย กล้วยมีไคติเนส ซึ่งเป็นสารคล้ายน้ำยางซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่รู้จักกันดี นอกจากนี้ยังเพิ่มความร้อนในร่างกาย ดังนั้นผู้หญิงที่แพ้ไคติเนสไม่ควรกินกล้วย กล้วยก็มีน้ำตาลในปริมาณที่ดีเช่นกัน ดังนั้นคนเป็นเบาหวานจึงควรหลีกเลี่ยงการกินกล้วยในทุกกรณี

บทความที่เกี่ยวข้องคนท้องกินกล้วย แม่ท้องกินกล้วยยิ่งมีประโยชน์ ช่วยหลายด้าน

 

 

ท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ ผักผลไม้ไฟเบอร์สูงช่วยได้นะ!

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ มักมีอาการ “ท้องผูก” ที่มากวนใจคุณแม่เสมอ ๆ อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์นั้น เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของสภาพร่างกายของคุณแม่เอง ทั้งจากท้องที่โตขึ้นจนไปเบียดลำไส้ให้ขยับตัวได้ยาก หรือ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป และ โภชนาการช่วงตั้งครรภ์ของตัวคุณแม่เอง ก็ก่อให้เกิดอาการท้องผูกได้ทั้งสิ้น แต่ไม่ต้องเครียดไปค่ะ เพราะ การทานผักผลไม้ ที่ให้ไฟเบอร์สูง ๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นได้ค่ะ

  • กล้วย ทั้งเกลือแร่ และวิตามินต่าง ๆ ที่มีกากใยสูงมาก การทานกล้วยจะช่วยให้ลำไส้ลื่นไหล สามารถขับถ่ายได้ง่าย แนะนำให้กินกล้วยน้ำว้า มีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แก้โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน
  • มะละกอ มะละกอสุก สีแดงหวานฉ่ำ การที่คุณแม่ทานมะละกอ จะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น และยังช่วยลดกรดไหลย้อน ลดไขมันที่เกาะตามลำไส้ได้อีกด้วย
  • มะขาม มะขามมีส่วนช่วยทำให้ลำไส้บีบตัว ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น
  • แคนตาลูป เป็นผลที่มีฤทธิ์เย็น ลดอาการร้อนใน แก้กระหาย และมีกากใยสูง กินแล้วไม่อ้วน

 

หลังคลอดกินผลไม้อะไรได้บ้าง 10 ผลไม้ที่กินแล้วดี มีน้ำนม

1. มะละกอ

มะละกอ จัดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วย ไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และมีแคลเซียมสูง รวมทั้งยังมีในเรื่องของเอนไซม์ที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย สำหรับคุณแม่ที่ต้องให้นมลูก ควรกินมะละกอสุก เพราะช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมมากขึ้น นอกจากนี้ มะละกอยังป้องกันโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการติดเชื้อจากจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในลำไส้ มะละกอยังช่วยเรื่องความสวยงาม เพราะมีเอนไซม์ที่ช่วยบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี เมนูอาหารแนะนำ เช่น น้ำมะละกอปั่น แกงส้มมะละกอสด หรือจะทานสุกก็ได้ครับ

 

2. เมล็ดขนุน

เมล็ดขนุน อุดมไปด้วย โปรตีน ไขมัน ธาตุเหล็ก คาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 1 มีสรรพคุณ ช่วยกระตุ้นน้ำนม ทำให้น้ำนมมีมาก รวมทั้งยังช่วยบำรุงประสาท โดยเมนูอาหารที่แนะนำ เช่น เมล็ดขนุนต้ม

 

3. อินทผลัม

อินทผลัม เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ได้แก่ วิตามิน A, วิตามิน B1, วิตามิน B2, วิตามิน B6, วิตามิน K, แคลเซียม, ซัลเฟอร์, เหล็ก, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, แมงกานีส, แมกนีเซียม และไฟเบอร์ สำหรับคุณแม่ท้องใกล้คลอดหากทานอินทผลัม จะช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมดลูก ช่วยให้การบีบตัวของมดลูกในช่วงการคลอดได้ดี และสำหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ อินทผลัมจะช่วยเพิ่มสารอาหารสำคัญในน้ำนมแม่ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง

บทความที่เกี่ยวข้องผลไม้อบแห้ง คนท้องกินได้ไหม? มีประโยชน์เท่ากับผลไม้สดหรือไม่?

 

 

4. ลูกพีช

ลูกพีชเป็นผลไม้รสหวาน กลิ่นหอม ลูกพีชอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแมกนีเซียม ที่ส่งผลดีต่อระบบประสาท และยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

 

5. กล้วย

กล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียม และไฟเบอร์ ช่วยในการขับถ่าย ช่วยในเรื่องของอาการท้องผูก การที่คุณแม่ให้นมหลังคลอดลูก จะสูญเสียน้ำในร่างกายไปมาก ดังนั้น การที่คุณแม่ทานกล้วยจะช่วยให้รักษาสมดุลในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น

 

6. แคนตาลูป

แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่มีน้ำอยู่มาก เมื่อคุณแม่ให้นมลูกจะทำให้เสียน้ำไป จึงต้องหาน้ำเพื่อรักษาสมดุลในร่างกาย แคนตาลูปจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยรักษาน้ำในร่างกาย อีกทั้งยังมีรสชาติ ที่หวาน หอม และมีวิตามินซีอีกด้วย

 

7. อะโวคาโด

ถึงแม้อะโวคาโดนั้น จะมีแคลอรี และไขมันที่สูง แต่ก็มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ และมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญ ยังประกอบไปด้วย โพแทสเซียม เมื่อคุณแม่หลังคลอด กินอะโวคาโดในช่วงที่ให้นมลูก น้ำนมจะอุดมไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงสายตา เส้นผม หัวใจ และยังรวมไปถึงช่วยในเรื่องของการขับถ่ายของเด็กทารกอีกด้วย แต่ทั้งนี้ คุณแม่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

 

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ตอนนี้คุณแม่ก็คงทราบกันแล้วนะคะว่าผลไม้ชนิดใดที่ไม่ควรกิน เพราะหากกินเข้าไปก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์ได้ ทางที่ดีคุณแม่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนด้านโภชนาการ และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

10 ผลไม้คนท้องห้ามกิน มีอะไรบ้าง ? ผลไม้ชนิดไหนที่คนท้องควรเลี่ยง

คนท้องกินผลไม้อะไรดี ผลไม้ที่ดีสำหรับคนท้องและลูกในท้องมีอะไรบ้าง?

ผลไม้ฤดูฝนสำหรับคนท้อง ผลไม้ชนิดไหนกินแล้วดี มีประโยชน์ต่อแม่และเด็ก

แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ที่คนท้องไม่ควรกิน ได้ที่นี่!

ผลไม้ที่คนท้องห้ามกิน มีผลไม้ชนิดไหนบ้างคะ

ที่มา : healthline, parenting.firstcry