วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็ก ความรู้พื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเรียนรู้ เพราะว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับลูกน้อยคงคุณก็อาจจะช่วยเหลือพวกเขาเบื้องต้นก่อนถึงมือแพทย์ได้ มาดูกันดีกว่า 10 วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็ก ปลอดภัยจากเหตุการณ์ฉุกเฉินในบ้าน ไปดู การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 10 วิธี กัน
อุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่ควรมีติดบ้าน มีอะไรบ้าง?
ปกติแล้วแทบจะทุกบ้านจะมีตู้ยาประจำบ้านหรืออาจจะเป็นกล่องใส่ยาหรืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่าง ๆ เมื่อเวลาที่เด็กประสบอุบัติเหตุจะได้นำมาใช้อย่างทันท่วงที ก่อนอื่นมาดูกันว่าตู้ยาหรือจะเป็นกล่องยานั้น ควรจะมีสิ่งใดบ้างติดบ้านไว้เป็นประจำ
- ผ้ากอซ หรือสำลีที่ฆ่าเชื้อโรคแล้ว พร้อมทั้งพลาสเตอร์ และผ้าพันแผล
- เข็มกลัดซ่อนปลาย
- ยาฆ่าเชื้อ ยาใส่แผลสด (ควรให้เภสัชกรแนะนำยาชนิดที่เหมาะสมกับเด็ก)
- กรรไกรขนาดเล็ก
- ยาแก้ปวด ลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ยาสำหรับเด็ก (ควรให้เภสัชกรแนะนำยาชนิดที่เหมาะสมกับเด็ก)
- ครีมสำหรับทาแมลงสัตว์กัดต่อย
บทความที่น่าสนใจ : ระวัง! พ่อแม่ใช้ยาผิด ลูกตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ห้ามทำพลาดเด็ดขาด

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 10 วิธี เบื้องต้นให้เด็ก รอดพ้นอันตราย
เด็กในวัย 3-5 ขวบ ยังอยู่ในช่วงพัฒนาการของกล้ามเนื้อยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ทำให้การเล่น การวิ่ง การกระโดด และความซุกซนตามวัยก่อให้เกิดอันตรายง่าย บ้านไหนที่มีเด็กผู้ชายความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าเด็กผู้หญิงเป็นทวีคูณ เพราะเด็กผู้ชายมักชอบปีนป่าย ซุกซนมากกว่าเด็กผู้หญิงนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออุบัติเหตุนั้น ๆ เกิดขึ้นแล้วคุณแม่ควรเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลลูกน้อยเพื่อลดความเจ็บปวดลง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การปฐมพยาบาลเด็ก แผลถลอก
วิธีการคือกรณีที่มีเศษหินติดอยู่ให้ชะล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง ทายารักษาแผลสด เช่น โพวิดีน (Povidine) หรือยาแดง แล้วปิดแผลด้วยผ้ากอซหรือผ้าสะอาด ถ้าบาดแผลมีลักษณะตื้น และมีเลือดไหลซิบ ๆ เท่านั้น ให้ทายาโดยไม่ต้องใช้ผ้าปิดบาดแผลก็ได้
2. แผลถูกของมีคมบาด
หากถูกมีดบาดของเล่นบาด โดยมากจะมีเลือดไหลต้องห้ามเลือดก่อน หากเป็นแผลเล็ก ๆ และของที่บาดนั้นไม่สกปรก เพียงแต่ทำความสะอาดแผล และใส่ยาเหมือนแผลถลอก ถ้าหากเป็นแผลใหญ่เมื่อห้ามเลือดแล้วควรรีบนำเด็กส่งโรงพยาบาล เพราะอาจต้องเย็บแผลสำหรับแผลที่สกปรกมาก หรือสิ่งที่บาดนั้นมีสนิมต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก สำหรับแผลใหญ่ เลือดออกมากให้ใช้วิธีกดห้ามเลือดไม่ได้ผล ให้ใช้วิธีรัดส่วนเหนือของแผลด้วยผ้าแล้วใช้ไม้สอดเข้าไปในผ้านั้น พร้อมหมุนไม้ไปทางเดียวกันขันจนแน่น การห้ามเลือดวิธีนี้จะปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลผ่านบริเวณที่มีบาดแผลทำให้เลือดหยุดไหลแต่ต้องคลายผ้าเป็นระยะเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อตาย เช่น รัดนาน 5 นาที คลายออก 1 นาทีและรีบนำเด็กส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
3. สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก
อย่างแรกที่เมื่อคุณพบว่าลูกของคุณมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก คุณจะต้องบอกให้เด็กอ้าปากหายใจทางปากแทน หยอดน้ำมันพืชเข้าไปทางจมูกที่มีสิ่งแปลกปลอม ถ้าเป็นเมล็ดพืชจะช่วยไม่ให้เมล็ดพืชนั้นบวมปิดรูจมูกแน่นขึ้น ถ้าเป็นแมลงเข้าจมูกจะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนในรูจมูกและทำให้แมลงหยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นให้เด็กสั่งน้ำมูกให้สั่งเบา ๆ วิธีนี้จะทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา หากเป็นพวกเศษผ้าหรือเศษกระดาษ ให้ใช้คีมปลายมนค่อย ๆ คีบออกมา

4. หัวโน ห้อเลือด ฟกช้ำ
ในระยะแรกภายใน 24 ชั่วโมง ให้ประคบด้วยความเย็น โดยใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งหรือใช้ cold - hot pack เป็นถุงที่ใช้ได้ทั้งร้อนและเย็น เพื่อประคบเส้นเลือดให้หดตัวทำให้เลือดหยุดไหล ห้ามนวดคลึงเพราะจะทำให้เลือดที่ออกใต้ผิวหนังยิ่งออกมากขึ้น ไม่ควรใช้ยาหม่อง หรือของร้อนอื่น ๆ ทาบริเวณที่โน เพราะยาหม่องจะทำให้ปวดแสบปวดร้อนและเลือดมาคั่งอยู่บริเวณแผลมากขึ้น หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว จึงเริ่มประคบร้อนเพื่อให้เลือดที่ออกถูกดูดซึมกลับเข้าไปในเส้นเลือดเร็วขึ้น
5. ปฐมพยาบาลเด็ก แมลงเข้าหู
เมื่อพบว่ามีแมลงเข้าหูของลูกน้อยของคุณ อย่างแรกคือต้องทำให้แมลงตายโดยใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืชที่ใช้ทำอาหาร หยอดเข้าไปในหู ทิ้งไว้สักครู่แมลงจะตายและลอยขึ้นมาให้ตะแคงหูเพื่อให้แมลงและน้ำมันไหลออกมาให้หมด แล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง
บทความที่น่าสนใจ : แมลงเข้าหู ลูกน้อย ทำอย่างไรดี วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
6. สุนัข หรือแมวกัด
ควรรีบเข้าไปหาลูกน้อยของคุณในที และไล่ให้สัตว์เลี้ยงของคุณนั้นออกให้ห่างกับพวกเขาให้ไกลที่สุด หรือให้คนนำไปขังแยกไว้ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการเข้ามาซ้ำขณะที่คุณกำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ และควรพาลูกน้อยของคุณไปที่ก๊อกน้ำทันที เพื่อรีบล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและสบู่ ซับแผลให้แห้ง ปิดแผลด้วยผ้ากอซหรือผ้าสะอาด นำเด็กส่งโรงพยาบาล
7. สิ่งแปลกปลอมติดคอ
จับเด็กนั่งโดยใช้มือพยุงหน้าอกของเด็กไว้ โน้มศีรษะของเด็กให้ต่ำกว่าหน้าอกหรืออยู่ในระดับเดียวกับหน้าอก ใช้มืออีกข้างกระแทกเร็ว ๆ 4 ครั้ง ติดต่อกันค่อนข้างแรงตรงบริเวณระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้สิ่งที่ติดอยู่หลุดออกมา ถ้ายังไม่หลุดควรกระแทกซ้ำ หากยังไม่ออกอีกต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล

8. กลืนและดมสารพิษ
หากเด็กกลืนสารพิษพวกน้ำหอม ยาทาเล็บ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ดีดีที ยาเบื่อหนู ยากำจัดแมลงสาบ หรืออื่น ๆ ที่ไม่ใช่สารเคมีพวกกรดด่างหรือสารประกอบปิโตรเลียมให้เด็กดื่มนม 1-2 แก้ว เพื่อเจือจางสารพิษนั้น ๆ จากนั้นให้เด็กอาเจียนโดยการใช้นิ้วสะอาดล้วงคอให้ลึก ๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กอาเจียน และถ้าหากเด็กดมสารพิษเข้าไปและรู้สึกหายใจติดขัด ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือชักกระตุก รีบนำเด็กออกมาในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ถ้าเด็กหมดสติเนื่องจากอากาศไม่เพียงพอ หลังจากที่นำเด็กออกมาบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทแล้ว ปลดเสื้อผ้าออกให้หลวม หากเด็กมีอาการหนาวสั่นให้นำผ้าห่มมาคลุม ให้เด็กอยู่ในท่านอนตะแคงสังเกตดูการหายใจ หากเด็กหยุดหายใจต้องรีบช่วยให้หายใจด้วยการเป่าปาก
9. สารเคมีเข้าตา
คุณจะต้องรีบเก็บสารเคมีที่เป็นอันตรายให้พ้นกับมือเด็กก่อน และต้องรีบเบิกเปลือกตาบนและล่างให้เห็นนัยน์ตากว้างที่สุด แล้วรินน้ำสะอาดผ่านนัยน์ตาทันทีโดยรินผ่านนาน ๆ ประมาณ 5 นาที เพื่อล้างสารเคมีออกให้หมด ขณะที่รินน้ำต้องระวังอย่าให้น้ำที่ไหลออกกระเด็นเข้าตาอีกข้างหนึ่งที่โดนสารเคมี ควรให้เด็กนอนเอียงตาข้างที่โดนสารเคมีออกจากตัว เวลารินน้ำควรรินจากหัวตาไปหางตา จากนั้นใช้ผ้ากอซหรือผ้าสะอาดปิดตาไว้แล้วนำเด็กส่งโรงพยาบาล
10. เลือดกำเดาไหล
อย่าให้เด็ก ๆ เงยหน้าขึ้นเป็นอันขาด เพราะเป็นวิธีที่ผิด! ให้เด็กก้มหน้าลงแทน ท่าก้มหน้านั้นจะเป็นนั่งหรือยืนก็ได้แต่ห้ามนอน ใช้นิ้วกดจมูกด้านที่เลือดกำเดาไหล ใช้ความเย็นประคบดั้งจมูก 1-2 นาที หากเลือดยังไม่หยุด ให้ใช้ผ้ากอซหรือผ้านุ่ม ๆ สอดเข้าไปในรูจมูกข้างที่เลือดออกทิ้งไว้สักครู่ใหญ่ สังเกตดูว่าเลือดหยุดไหลหรือยัง กรณีเลือดไหลไม่หยุดเกินครึ่งชั่วโมงขึ้นต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล

สุดท้ายแล้วอุบัติเหตุ หรือเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับทารกนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองทุกคนก็ย่อมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกหลานตนเองทั้งนั้น แต่เราไม่มีทางห้ามให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น แต่สามารถป้องกัน และลดโอกาสเกิดได้ นอกจากนี้การที่คุณได้เรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลลูกน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และผู้ปกครองที่จะนำวิธีการดังกล่าวไปไว้ใช้ปฐมพยาบาลลูกเพื่อความปลอดภัยก่อนถึงมือหมอกันนะคะ
บทความที่น่าสนใจ :
น้ำร้อนลวก ไฟไหม้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับเด็กๆ ภายในบ้าน คุณแม่ควรระวัง
การป้องกัน อุบัติเหตุในเด็กเล็ก ที่พ่อแม่ควรรู้ ช่วง 1-12 เดือน ต้องระวังอะไรบ้าง
10 คอกกั้นเด็ก หลายแบบ หลายสไตล์ แบบนี้ไม่มีไม่ได้แล้ว
ที่มา : 1, 2
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!