เคล็ดลับการให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ หรือ น้ำผลไม้กล่อง ที่อาจกลายมาเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของเด็ก ๆ นั้นอาจเป็นเรื่องที่คุณแม่มือใหม่อดข้องใจไม่ได้ค่ะ เพราะถึงแม้จะเลือกน้ำผลไม้กล่อง ที่ระบุว่าเป็นน้ำผลไม้แท้ 100% ทำจากธรรมชาติ ไม่เติมน้ำตาล แต่เครื่องดื่มเหล่านี้เหมาะจะให้ดื่มจริง ๆ หรือไม่
อย่างที่ทราบกันดีค่ะ ว่าอาหารหลักของเด็ก ๆ ในวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน คือน้ำนมของคุณแม่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำค่ะ รวมทั้งการป้อนอาหารอื่นให้เด็กในวัยนี้ เป็นเรื่องที่อันตรายและถึงตายได้นะคะ แต่อย่างไรก็ตามน้ำนมของคุณแม่ ไม่มีวันที่จะหมดคุณค่าหรือไม่มีประโยชน์ แม้ว่าจะหลังลูกอายุ 1 ปีไปแล้วก็ตาม เพียงแต่ลูกต้องการโภชนาการและสารอาหารที่เพิ่มเติมขึ้นค่ะ
เคล็ดลับการให้ลูกดื่มน้ำผลไม้
คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ นิยมให้เบบี๋ดื่มน้ำผลไม้เมื่อเริ่มอาหารเสริม เพราะเชื่อว่าน้ำผลไม้สด โดยเฉพาะน้ำส้มเป็นแหล่งรวมวิตามินซีและสารอาหารอื่นมากมาย จนล่าสุดในปี 2560 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยในต่างประเทศได้ค้นพบว่า พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้กล่อง ถึงแม้จะระบุผลิตจากน้ำผลไม้แท้ 100% ก็ตาม
สิ่งที่นักโภชนาการกังวลเกี่ยวกับการดื่มน้ำผลไม้กล่องเหล่านี้ (แม้ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ 100%) ก็คือ ฟันผุ และโรคอ้วนในวัยเด็ก รวมทั้งการติดรสหวานที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (the American Academy of Pediatrics) แนะนำว่า เด็กต่ำกว่า 1 ขวบยังไม่ควรดื่มน้ำผลไม้เหล่านี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจากการแถลงของสมาคมหมอเด็กสหรัฐ เนื่องจาก
- น้ำผลไม้ไม่ให้คุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อทารกวัยน้อยกว่า 1 ปี ไม่ได้ให้คุณค่าที่เหนือกว่าผลไม้แก่เด็ก และไม่จำเป็นต่อมื้ออาหารที่เหมาะสมและมีคุณค่าของเด็ก
- น้ำผลไม้แบบ 100% อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารของเด็กอายุเกิน 1 ปีได้ แต่ทั้งนี้เครื่องดื่มรสผลไม้บางชนิดอาจจะไม่เทียบเท่าน้ำผลไม้
- ไม่ให้ดื่มน้ำผลไม้มารักษาอาการท้องเสีย
- การดื่มน้ำผลไม้มากไป สัมพันธ์กับภาวะทุพโภชนาการ ทั้งแบบเกินและขาด และสัมพันธ์กับ ท้องเสีย ท้องอืด ลมขึ้น ฟันผุ
- น้ำผลไม้แบบไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ อาจมีเชื้อที่ก่อโรคติดไปที่เด็กได้จึงควรหลีกเลี่ยง
- สามารถให้เด็ก ๆ ดื่มน้ำผลไม้หลากหลายในปริมาณเหมาะสมตามวัย
- น้ำผลไม้แบบผสมแคลเซียม ให้แคลเซียม แต่ขาดสารอาหารที่พบใน นมแม่ นมผง และนมวัว
บทความที่เกี่ยวข้อง : ข้าวบดอาหารเสริม แม่ควรเตรียมให้ลูกเมื่อไร? และมีวิธีทำอาหารด้วยตัวเองอย่างไร?
คำแนะนำการให้ลูกดื่มน้ำผลไม้
1. ทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน
ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ นอกจากนมแม่ หรือนมสำหรับทารกโดยเด็ดขาด อาหารอื่น ๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็กวัยนี้ได้
2. เด็กอายุ 6-12 เดือน
ยังไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ ยังมีอาหารหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าน้ำผลไม้กล่อง เช่น ผลไม้สดบด หากมีความจำเป็นต้องให้น้ำผลไม้ตามคำแนะนำของแพทย์ ควรให้เด็กดื่มจากแก้ว ซึ่งจะช่วยจำกัดปริมาณได้ง่ายกว่าการดื่มจากขวด และควรดื่มน้ำหรือทำความสะอาดช่องปากทุกครั้ง
3. เด็กอายุ 1-3 ปี
ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้เกินวันละ 120 มล. ควรดื่มจากแก้ว ร่วมกับมื้ออาหาร หรืออาหารว่างอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ พยายามเลือกกินผลไม้เป็นชิ้นมากกว่าน้ำผลไม้
4. เด็กอายุ 4-6 ปี
ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้เกินวันละ 120 -180 มล. ควรดื่มจากแก้ว ร่วมกับมื้ออาหารที่มีประโยชน์ ควรเลือกเครื่องดื่มประเภทนม หรือน้ำเปล่าแทนน้ำผลไม้
5. เด็กและวัยรุ่น 7-18
ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้เกินวันละ 240 มล.
คำแนะนำของสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐ
- ไม่ควรให้เด็กต่ำกว่า 12 เดือนดื่มน้ำผลไม้ (ยกเว้นมีข้อบ่งชี้) โดย
1-3 ปี ไม่ควรดื่มเกิน 120 มิลลิลิตร ต่อวัน
4-6 ปี ไม่ควรดื่มเกิน 180 มิลลิลิตร ต่อวัน
7-18 ปี ไม่ควรดื่มเกิน 240 มิลลิลิตร ต่อวัน
- ไม่ควรให้เด็กเล็กดื่มน้ำผลไม้จากในขวดหรือกระติกถ้วยที่หิ้วไปดื่มที่ไหนก็ได้ และไม่ควรดื่มก่อนนอน
- ควรสอนเด็กกินผลไม้เป็นผล ๆ เพราะได้ไฟเบอร์ และได้พลังงานเข้าไปทีละน้อยกว่าแบบน้ำ
- ครอบครัวและคนดูแล ควรรู้ว่า นมแม่และหรือนมผงสำหรับเด็กทารก / นมปราศจากไขมันหรือนมไขมันต่ำและน้ำ ก็ให้น้ำที่เพียงพอแล้ว
- เด็กทารก เด็กเล็ก วัยรุ่น ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์
- ควรระวังการดื่ม grapefruit ในเด็กที่กินยาบางชนิด
- ในการประเมินภาวะทุพโภชนาการ ปวดท้องท้องเสียท้องอืดและฟันผุ แพทย์ควรประเมินและคุยเรื่องน้ำผลไม้ และควรคุยเรื่องความแตกต่างของน้ำผลไม้และเครื่องดื่มรสผลไม้
- แพทย์ควรทุ่มเทสรรพกำลังในการลดการบริโภคน้ำผลไม้ในเด็ก และให้เลิกน้ำผลไม้ในเด็กที่น้ำหนักเกินสรุป ต่ำกว่า 1 ขวบ อย่าคั้นน้ำส้มให้ดื่ม เพราะทำให้เด็กสุขภาพเสื่อม
สาเหตุที่ไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำผลไม้
1. มีระดับน้ำตาลสูง
น้ำผลไม้กล่อง บางยี่ห้อเพิ่มสารให้ความหวานอาจไม่ระบุว่าเป็นน้ำตาลตรง ๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่ามีสัดส่วนน้ำตาลมากน้อยเพียงใด เพราะน้ำตาลไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เด็กเป็นโรคอ้วน ฟันผุ เบาหวาน
2. ลูกไม่กินข้าว เบื่ออาหาร
ด้วยขนาดของกระเพาะอาหารเด็กที่เล็กแค่นิดเดียว การที่ลูกดื่มน้ำผลไม้มากเกินไปจะทำให้ลูกอิ่ม ไม่อยากอาหาร รับประทานน้อยลง หรือไม่รับประทานอาหารมื้อหลักเลย ทำให้ลูกรักขาดสารอาหารจำเป็นต่อการพัฒนาสมอง และระบบประสาทสำคัญรวมถึงอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น โปรตีน เส้นใยอาหาร
3. ปนเปื้อนสารเคมี ยาฆ่าแมลง
ผลไม้สดที่ซื้อเองตามท้องตลาด หรือแม้แต่คุณแม่นำมาคั้นเอง หากล้างไม่ถูกวิธี ไม่สามารถชำระล้างสารพิษ โดยเฉพาะยาฆ่าแมลงที่ปัจจุบันมีเยอะมาก เคลือบอยู่ที่เปลือกผลไม้ และอาจมีเชื้อโรคเช่น อีโคไล ซัลโมเนลล่า ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในลำไส้ ดังนั้นคุณแม่ต้องล้างเปลือกให้สะอาดจริง ๆ ปอกเปลือก และล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมน้ำผลไม้ทุกครั้ง
การฝึกให้ลูกกล้าชิมอาหารชนิดใหม่ ๆ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการปลูกฝังนิสัยการกินที่ดี เพราะการได้กินอาหารชนิดใหม่ เท่ากับว่าลูกสามารถกินอาหารได้หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโภชนาการที่ดีนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่มั่นใจว่า ตัวเองสามารถคั้นน้ำผลไม้ที่สะอาดปลอดภัยต่อลูกรักได้จริง ๆ ก็ควรงดน้ำผลไม้ไว้ก่อนนะคะ และในเด็กที่มีฟันแล้วคุณพ่อคุณแม่ต้องกระตุ้นให้ลูกแปรงฟันเพื่อป้องกันลูกฟันผุค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
“น้ำองุ่น” น้ำผลไม้ที่ลูกคู่ควร
5 เหตุผล ว่าทำไมลูกไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำผลไม้
วิจัยเผย คนท้องดื่มน้ำผลไม้ ช่วยเสริมพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์
ที่มา : Facebook: ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว , pediatrics
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!