การฝังเข็มคุมกำเนิด ที่คุณต้องรู้ หากคุณยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์
การฝังเข็มคุมกำเนิด ที่คุณต้องรู้ หากคุณยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์
การฝังเข็มคุมกำเนิด คืออะไร
การฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการ คุมกำเนิด ชั่วคราว แบบระยะยาว มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง และใกล้เคียงกับการทำหมัน มีอัตราการตั้งครรภ์เพียงร้อยละ 0.05
ยาฝังคุมกำเนิด มีลักษณะเป็นแท่งพลาสติกขนาดเล็ก บาง ที่โค้งงอได้ เมื่อฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขน แล้วตัวแท่งจะปล่อยฮอร์โมน progesterone ขนาดต่ำออกมา จึงมีฤทธิ์คุมกำเนิด มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์ โดยยับยั้งไม่ให้ไข่ตก มีมูกปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น ทำให้อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ และทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อบางลง จนไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน
การฝังยาคุมกำเนิด มีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์ โดยยับยั้ง ไม่ให้ไข่ตก
การฝังยาคุมกำเนิดเหมาะกับใคร
วิธีนี้ เหมาะสำหรับสตรีที่ต้องการเว้นช่วงในการมีบุตรอย่างน้อย 2 – 3 ปี ไม่ต้องการทำหมันถาวร หรือมีผลข้างเคียง จากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด และสามารถใช้ได้ในสตรีที่ให้นมบุตร แต่ห้ามใช้ในสตรีที่มีโรคหลอดเลือดดำอักเสบอุดตัน โรคตับ โรคมะเร็งเต้านม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงในรายที่มีโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีประวัติ ตั้งครรภ์นอกมดลูก โรคถุงน้ำดี โรคเบาหวาน และผู้สูบบุหรี่จัดมากกว่า 15 มวนต่อวัน บางโรคไม่เป็นข้อห้าม แต่แนะนำให้ใช้วิธีอื่นในการคุมกำเนิดแทน เช่น โรคซึมเศร้า โรคปวดศีรษะไมเกรน หรือโรคสิวชนิดรุนแรง เป็นต้น
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเว้นช่วงในการมีบุตร 2 – 3 ปี และไม่ต้องการทำหมันถาวร
วิธีการฝังยาคุมกำเนิด
ต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อม ใช้เวลาในการฝังประมาณ 3 – 5 นาที ตำแหน่งที่นิยมที่สุดคือบริเวณท้องแขนด้านใน ระหว่างร่องกล้ามเนื้อที่สูงจากข้อศอก 6 – 8 เซนติเมตร แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ และใช้มีดกรีดแผลความยาวประมาณ 3 มิลลิเมตรในบริเวณดังกล่าว หลังจากนั้น จึงแทงเข็มฝังแท่งยาเข้าในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ไปตามแนวของกล้ามเนื้อ Biceps ไว้ที่ท้องแขนด้านใน หลังจากนั้นจึงถอนแกนดันออกและใส่แท่งยาเข้าไปแทน เมื่อฝังเสร็จ อาจมีจ้ำเลือดบริเวณนั้นซึ่งจะจางหายไปได้เองภายใน 3 – 7 วัน อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการฝัง เช่น ติดเชื้อได้ร้อยละ 0.8 แท่งยาหลุดออกมาได้ร้อยละ 0.4 การระคายเคืองเฉพาะที่ได้ร้อยละ 4.7 เป็นต้น
โดยทั่วไป ถือว่ามีฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้ทันที หากฝังภายใน 7 วันหลังจากมีประจำเดือน ในกรณีที่ฝังหลังจากนั้น ให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นไปก่อนอีกอย่างน้อย 3 – 7 วัน หลังจากฝังยาแล้วส่วนใหญ่มักจะไม่มีประจำเดือนมา แต่ในรายที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 70 กิโลกรัม อาจจะมีประจำเดือนมาเป็นรอบได้มากกว่าบุคคลทั่วไปได้
การฝังยาคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดชั่วคราวแบบระยะยาว มีประสิทธิภาพในการคุมสูง
สำหรับประเทศไทยมีใช้อยู่ในท้องตลาดสองชนิด คือ Jadelle และ Implanon NXT ซึ่งทั้งสองชนิดมีข้อแตกต่างบางประการดังแสดงรายละเอียดในตาราง
|
|
Jadelle |
Implanon NXT |
จำนวนแท่งยา |
2 แท่ง |
1 แท่ง |
ตัวยา |
Levonorgestrel |
Etonogestrel |
ระยะเวลาคุมกำเนิด |
5 ปี |
3 ปี |
|
|
|
การดูแลตัวเองเมื่อฝังยาคุมกำเนิด
เมื่อมีการตรวจติดตามหลังฝังยาคุมกำเนิด ควรสอนให้คลำหาตำแหน่งของแท่งยาใต้ผิวหนัง และนับจำนวนแท่งยาไว้ด้วย เมื่อต้องการมีบุตร จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อให้นำแท่งยาฝังออกให้หมด โดยขั้นตอนและวิธีการคล้ายกับการฝังยา หลังจากนั้นจะมีไข่ตกและสามารถมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่รอบเดือนถัดไป ในรายที่ยาฝังหมดอายุและต้องการใช้วิธีเดิมต่อสามารถนำแท่งยาเก่าออกและฝังแท่งใหม่ได้ในเวลาเดียวกันเลย
เมื่อต้องการมีบุตร จำเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้นำแท่งยาฝังออกให้หมด
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
อ้างอิงข้อมูลจาก :
nhs
บทความที่น่าสนใจอื่น ๆ :
วิธีคุมกำเนิดที่คุณใช้ มีโอกาสท้องกี่เปอร์เซ็นต์
คุมกำเนิดระหว่างให้นมลูกอย่างไรดี
ทำอย่างไรดี ยังไม่พร้อมมีลูก ?? สารพัดวิธีคุมกำเนิด ที่ช่วยคุณได้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!