ทราบหรือไม่คะว่าผู้หญิงกว่า 33 ล้านคนทั่วโลกประสบกับปัญหาท้องไม่พร้อม เนื่องจากไม่มีความรู้ในเรื่อง วิธีคุมกำเนิด ที่ถูกต้อง และแม้ว่อัตราการคุมกำเนิดบนเรามีสูงถึง 77-79% หมายความว่า ผ้หญิงที่แต่งงานแล้ว 100 คน เกือบ 80% ได้มีการคุมกำเนิด แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้หญิงทั้ง 80% นี้ ไดทำการคุมกำเนิดอย่างถูกต้องหรือเปล่าก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไม่มีการคุมกำเนิดวิธีไหนลยที่สามารถการันตีประสิทธิภาพได้เต็ม100% สิ่งที่ควรรู้ต่อมาคือ แล้ววิธีคุมกำเนิดที่คุณใช้อยู่ล่ะ ชัวร์แค่ไหน คุณจะมีโอกาสท้องกี่เปอร์เซ็นต์เรามีผลวิจัยเรื่องความผิดพลาดในการคุมกำเนิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2011 โดย Trussell J ซึ่งได้จัดอันดับวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ พร้อมตัวเลขที่จะบอกคุณว่าวิธีการไหน คุณมีโอกาสตั้งครรภัมากเท่าไหร่ และวิธีที่คุณคิดว่าชัวร์นั้น ชัวร์จริงแท้แค่ไหน เพียงคลิ๊กหน้าต่อไป
1. คุมกำเนิด-การฝังยาคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดแบบฝังเป็นการนำแท่งพลาสติกเล็ก ๆ ที่มีฮอร์โมนเจสตาเจนใส่เข้าไปที่ต้นแขนของผู้หญิงเพื่อป้องกันไข่ตก และ ป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าไปในรังไข่ มีระยะเวลาในการคุมกำเนิด 3 ปี หลังจากนั้นก็ให้แพทย์เอาออก วิธีคุมกำเนิด แบบนี้ได้ผลดีที่สุดในตอนนี้ เพราะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง0.05% เท่านั้น
รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ยังใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพน้อย อย่างการนับวัน หรือ การหลั่งข้างนอก ขอบอกว่าอย่าเสี่ยงค่ะ ยังมีวิธีคุมกำเนิดแบบมีประสิทธิภาพให้เลือกใช้อีกหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับความต้องการของคุณได้
2. คุมกำเนิด-ทำหมันชาย
การทำหมันชายเป็นการตัดท่ออสุจิของผู้ชาย เป็นการคุมกำเนิดที่ทำได้ง่ายใช้เวลาน้อย และ มีโรคแทรกซ้อนน้อยกว่าการทำหมันหญิง เหมาะสำหรับคู่ที่ไม่ต้องการมีลูกอีก วิธีนี้เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวรที่ภรรยามีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.15%
3. คุมกำเนิด-ใส่ห่วงคุมกำเนิด
ห่วงคุมกำเนิดเป็นการใส่เครื่องมือในโพรงมดลูก หมาะกับผู้หญิงที่เคยมีลูกแล้ว และ มีอาการแพ้ยาคุมชนิดกิน หรือ ฉีด การใส่ห่วงต้องให้คุณหมอเป็นผู้ใส่ให้ อยากมีลูกตอนไหน ก็ให้คุณหมอถอดออกให้ และ โดยปกติจะใส่ครั้งละ 3 ปี การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะมีโอกาสตั้งครรภเพียง 0.2%
4. คุมกำเนิด-ทำหมันหญิง
การทำหมันหญิง คือกรรมวิธีการตัดบางส่วนหรือแยกท่อนำไข่ออกจากกันทั้ง 2 ข้างทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ วิธีนี้เป็นกาคุมกำเนิดแบบถาวรที่ได้รับนิยมมากที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่การทำหมันชายสามารถคุมกำเนิดได้ดีกว่า แต่พราะการทำหมันหญิงสามารถทำได้ท้นทีที่คลอดบุตร ไหน ๆ ก็เจ็บแล้วทำหมันไปเลย เจ็บทีเดียว วิธีนี้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.5%
5. คุมกำเนิด-ฉีดยาคุม
การฉีดยาคุมกำเนิดถือเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงวิธีหนึ่ง โดยการฉีดฮอร์โมนเจสตาเจนเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพก หรือ ต้นแขน สามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน ระยะแรกของการฉีดอาจมีประจำเดือนกะปริดกะปรอย เมื่อฉีดไปสักระยะ อจไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งทั้งสองอาการนี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดการฉีดยาคุมกำเนิดมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 6%
6. คุมกำเนิด-รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดจะมี 2 แบบ คือ แบบ 21 เม็ด และ แบบ 28 เม็ด โดยแบบ 28 เม็ดมี 7 เม็ดสุดท้ายจะเป็นวิตามิน และ แราตุ ไว้ให้รับประทานเพื่อกันลืมวิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดควรจะทานเป็นเวลาเดียวกัน ทุกวันเพื่อกันลืม โดยเริ่มยาคุมกำเนิดเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน หรือ ภายในวัน 5 ของวันที่มีประจำเดือนมา ถ้าลืมรับประทาน 1เม็ด ใหกินทันที่ที่นึกได้ แล้วกินเม็ดถัดไปตามเวลาเดิม ถ้าลืมกิน 2 วันติด ๆ กัน แล้วนึกขึ้นได้ในวันที่ 3 ให้กินยาวันละ 2 เม็ด เวลาเช้าและเย็น 2 วัน และ เพื่อความปลอดภัย และ มั่นใจ เดือนนี้ควรใช้ถุงยางอนามัยควบไปด้วย ถ้าลืมรับประทานยา 3 เม็ด ให้งดยาแผงนั้นแล้วคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นเช่นใช้ถุงยางจนกว่าประจำเดือนจะมา ค่อยเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ ข้อดีของวิธีนี้คือสะดวก หยุดยาไประยะ หนึ่งก็สามารถมีบุตรได้อีก วิธีนี้มีโอกาสตั้งครรภ์ 9% ซึ่งสวนมากมาจากการลืมกินยานั่นเอง
7. คุมกำเนิด-ใช้ถุงยางอนามัยสตรี
เป็นถุงปลายตันผลิตจากยางเทียม Polyurethane ใช้คุมกำเนิดโดยการใส่คลุมในช่องคลอดของฝ่ายหญิงป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก ข้อเสียของวิธีนี้คือ มีห่วงที่โผล่อกมานอกปากช่องคลอดทำให้คู่นอนเสียความรู้สึกทางเพศ มีรูปร่างเทอะทะไม่นำใช้ ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ นอกจากนี้แล้วราคายังแพงกว่าถุงยางอนามัยชาย จึงไม่เป็นที่นิยม หากคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มีโอกาสตั้งครรภ์ 12%
8. คุมกำเนิด-ใช้ถุงยางอนามัยชาย
มารู้จักวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ และ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายกันบ้าง การคุมกำเนิดโดยการสวมถุงยางอนามัยที่องคชาตเพศชายขณะแข็งตัว เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อปฏิสนธิกับไข่ ทำให้ไม่มีการตั้งครรภ์ แต่หากสวมใส่ถุงยางอนามัยผิดวิธีหรือไม่ระวังมีโอกาสทำให้ลื่นหลุดหรือฉีกขาด หรือเมื่อหลั่งเชื้ออสุจิเรียบร้อยแล้ว ปล่อยแช่ทั้งไว้ไม่รีบถอดถุงยางอนามัยออกมาอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยหลุดออกดาช่องคลอดได้ ซึ่งการคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยนี้มีโอกาสตั้งครรภ์ 18%
9. คุมกำเนิด-หลั่งข้างนอก
วิธีนี้ผู้ชายจะต้องถอนองคชาตออกมาจากช่องคลอด “ก่อน” ที่เขาจะถึงจุดสุดยอด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำอสุจิเดินทางจากช่องคลอดเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง วิธีนี้ค่อนข้างเสี่ยงหากผู้ชายของคุณเกิดอาการ “ชักช้า” ถอนออกมาไม่ทัน นั่นหมายถึง คุณมีโอกาสตั้งครรภ์สูงถึง 22%
10. คุมกำเนิด-นับวันจากปฏิทิน
เริ่มกันที่วิธีการที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด นั่นคือ การนับหน้า 7 หลัง 7 นั่นเองค่ะ วิธีการนับวันจากปฏิทินเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่หมาะกับผู้หญิงที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอ (28 วัน) หากคุณป็นคนที่รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ไม่แนะนำให้ใช่ใช้วิธีนับวันปลอดภัยจากปฏิทิน เพราะวิธีนับหน้า 7 หลัง 7แบบนี้ หากนับวันผิดพลาด คุณมีโอกาสตั้งครรภัสูงถึง 24%
theAsianparent Thailand เว็บไซต์และคอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่นรวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจและพร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอดเพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง theAsianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่และเด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย
ที่มาจาก : siphhospital.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เรื่องเบสิกเกี่ยวกับการคุมกำเนิดที่คนไทยมักไม่รู้
คุมกำเนิดระหว่างให้นมลูกอย่างไรดี
หยุดยาคุมกำเนิดนานแค่ไหนก่อนมีลูก?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!