TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

ตรวจ แมมโมแกรม ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

บทความ 5 นาที
ตรวจ แมมโมแกรม ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

เต้านมเป็นอวัยวะที่แสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง ดังนั้น การดูแลเต้านมจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวสุด ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ มาดูกันว่ามะเร็งเต้านมเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการตรวจแมมโมแกรม ติดตามอ่านค่ะ

ตรวจแมมโมแกรมช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม  (Breast cancer)

จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์  วว.รังวีวิทยา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์  กล่าวถึงโรคมะเร็งเต้านมไว้ว่า   มะเร็งเต้านม  (Breast cancer) เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก  จัดอยู่ในดับ 1 -2 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด  โดยคิดเป็น 16 % ของมะเร็งในผู้หญิง ในผู้ใหญ่พบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป (ประมาณ 5% พบในผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40% ) สำหรับประเทศไทย ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง คิดเป็น 28.6 ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีอายุน้อยสุด 20 ปี ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวสายตรงเป็นโรคมะเร็งเต้านมมีความเสี่ยงสูง แนะควรได้รับการค้นหาและตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก รวมทั้งตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง ระบุหากพบเร็วจะรักษาได้ผลดี

สาเหตุ

ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมสำหรับปัจจัยเสี่ยงได้แก่

1.อายุ  โรคมะเร็งมักจะพบได้สูงขึ้นตามอายุที่สูงขึ้นเช่นกัน

2.พันธุกรรม  มักพบคนที่มีครอบครัวสายตรง ได้แก่  พ่อ แม่ พี่ น้องท้องเดียวกัน  เป็นโรคมะเร็งเต้านมมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้สูงกว่าคนทั่วไป

3.เชื้อชาติ  มักพบในคนเชื้อชาติตะวันตกสูงกว่าคนเอเชีย

4.ประจำเดือน  จะพบโรคมะเร็งเต้านมสูงขึ้นในผู้หญิงที่มีประจำเดือนเร็วกว่าอายุ 12 ปี และผู้หญิงที่หมดประจำเดือนเมื่ออายุมาก

5.พบก้อนเนื้อบางชนิดในเต้านม  ซึ่งต้องตรวจชิ้นเนื้ออีกครั้งว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่

6.ปัจจัยของฮอร์โมน  เช่นอายุเริ่มต้นของการมีประจำเดือน อายุที่หมดประจำเดือน การมีบุตร การให้นมบุตร ประวัติการใช้ยาฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง

7.กินอาหารไขมันสูงต่อเนื่อง

8.โรคอ้วน ที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือนแล้ว

9.สูบบุหรี่  ผู้หญิงที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้มากว่าปกติ

อาการ

เริ่มด้วยการมีก้อนเล็ก ๆ ที่เต้านม มักเกิดเพียงข้างเดียว (โอกาสเกิดสองข้างมีประมาณ 5 % ) แต่อาจพบมีแผลเรื้อรังที่หัวนม   มักไม่มีอาการเจ็บปวด บวม หรืออักเสบ ก้อนจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาอาจคลำพบก้อน เต้านมมีรูปร่างผิดปกติ ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะหยาบและขรุขระ มีการดึงรั้งของหัวนม ในบางรายเมื่อบีบหัวนมจะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึม และเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ อาจพบต่อน้ำเหลืองโตหรือมีอาการปวดกระดูก เป็นต้น  มะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็น 4 ระยะ

ระยะ 0  ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง ก้อนเนื้อยังมีขนาดเล็ก  ยังไม่มีการลุกลามของเนื้อเยื่อ เซลล์มะเร็งจะอยู่เฉพาะในชั้นผิวของเนื้อเยื่อเต้านม  ซึ่งมีอัตราการรอดที่ 5 ปี  ประมาณ 95 – 100 %

ระยะ 1  ก้อนมะเร็งขนาดโตขึ้น  และ/หรือลุลามเข้าต่อมน้ำเหลืองรักแร้ด้านเดียวกับโรคแต่จำนวนไม่มาก มีอัตรารอดที่ 5 ปี ประมาณ 90 -100 %

ระยะ 2   ก้อนเนื้อมะเร็งขนาดโตขึ้น  และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง แต่จำนวนไม่มาก  มีอัตรารอดที่ 5 ปี 85 -90 %

ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งโตมากขึ้น และ/หรือแตกเป็นแผล และ/หรือจับโยกไม่ได้เพราะก้อนเนื้อยึดติดกับกล้ามเนื้อหน้าอกและลุกลามเข้าไปในต่อมน้ำเหลืองรักแร้จำนวนมาก และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองในช่องอก และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองเหนือไหปลาร้าด้านเดียวกับโรค อัตราการรอดที่ 5 ปี ประมาณ 65 – 70%

ระยะที่ 4  โรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต  สู่อวัยวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย คือ  ปอด  กระดูก  ตับ  สมอง และไขกระดูก ซึ่งระยะนี้มักไม่หายขาด  ทั่วไปผู้ป่วยมักมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 – 3 ปีขึ้นอยู่กับอวัยวะที่มีโรคแพร่กระจาย อัตรารอดที่ 5 ปี ประมาณ 0 – 20 %

การรักษา

วิธีรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี ที่สำคัญ คือ การผ่าตัด  รังสีวิทยา  ยาเคมีบำบัด  ยาฮอร์โมน  และยารักษาตรงเป้า  (ทั้งฮอร์โมนและยารักษาตรงเป้า ใช้รักษาเฉพาะผู้ป่วยซึ่งเซลล์มะเร็งเป็นชนิดตอบสนองต่อยา  ซึ่งแพทย์ทราบได้จากการตรวจชิ้นเนื้อจากก้อนมะเร็ง)   แนวทางการรักษาโรคมะเร็งเต้านมมักใช้หลายวิธีร่วมกัน  ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ คือ  ระยะโรค  ผลชิ้นเนื้อภายหลังการตรวจก้อนมะเร็ง  การผ่าตัดมีทั้งชนิดที่เก็บเต้านมไว้มักต้องรักษาร่วมกับการฉายรังสี และผ่าตัดเต้านมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งระยะของโรค  ตำแหน่งของก้อนเนื้อ  ขนาดเต้านมของผู้ป่วย

อ่าน  การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม   (Mammogram) คลิก

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม (Mammogram)

นพ.วีรวุฒิ  อิ่มสำราญ  ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ  อธิบายถึงคุณสมบัติของเครื่องแมมโมแกรมระบบดิจิตอล ดังนี้

คุณสมบัติของเครื่องดิจิตอล แมมโมแกรม (Digital Mammogram)

1.เป็นเครื่องเอ็กซเรย์ชนิดพิเศษ ที่ผู้ถูกตรวจจะได้รับรังสีปริมาณน้อย

2.สามารถแยกความแตกต่างของไขมัน และเนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ของเต้านมได้ชัดเจน

3.สามารถเห็นเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็ง ระยะเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี

4.เป็นเครื่องมือที่ให้ผลถูกต้อง และแม่นยำสูงถึง 90%

5.มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่อง Mammogram ระบบเก่า

วิธีการตรวจ ดังนี้

1.กระบวนการตรวจแมมโมแกรมนั้นใช้เวลาไม่เกิน 15 – 20 นาที โดยจะถ่ายเอ็กซเรย์หน้าอกแต่ละข้าง ข้างละสองภาพ ภาพหนึ่งจากด้านบน ภาพหนึ่งจากด้านข้าง ทั้งนี้เพื่อที่แพทย์จะได้เห็นภาพของเนื้อเยื่อเต้านมอย่างชัดเจน และมีมิติใกล้เคียงความจริงที่สุด  ในการถ่ายภาพหน้าอกนี้ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดหน้าอก จะต้องถูกบีบกด ให้แบนลง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ได้รับการตรวจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการบีบกดเต้านมนี้ใช้เวลาเพียง 3-4 วินาที และไม่เจ็บปวด หรือ เป็นอันตรายแต่อย่างได

2.การบีบกดเต้านม นี้จะช่วยกระจาย เนื้อเยื่อทำให้ได้เห็นภาพที่ดีที่สุดของบริเวณที่ต้องการจะตรวจ ซึ่งอาจจะมีเนื้อเยื่อส่วนอื่นบดบังอยู่การกดหน้าอกยังช่วยลดความเข้มข้นของรังสีและเพิ่มคุณภาพของภาพให้ดีขึ้น เนื่องจากช่วยลดความหนาของหน้าอกลงการกดหน้าอกเอาไว้ยังทำให้คนไข้ไม่เคลื่อนที่ซึ่งอาจทำให้ภาพพร่าเลือนได้อีกด้วย

การเตรียมตัวก่อนมาตรวจแมมโมแกรม

การตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) สามารถทำการตรวจได้โดยไม่ต้องเตรียมตัวแต่อย่างใด เพียงแต่ให้งดทาแป้ง งดฉีดน้ำหอม งดทาลูกกลิ้ง บริเวณเต้านมและรักแร้ทั้งสองข้าง เพื่อให้การตรวจได้ผลดี จะนิยมตรวจในช่วง 7 วัน หลังจากเริ่มประจำเดือน แต่ในกรณีมีก้อน หรือหญิงวัยหมดประจำเดือนก็สามารถรับบริการตรวจได้เลย

ประโยชน์ของแมมโมแกรม
แมมโมแกรมมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ ทำให้ได้ผลการรักษาดีและผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดได้มากขึ้น การตรวจแมมโมแกรมในคนปกติที่ไม่มีอาการ เพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นแบบนี้  ผู้หญิงทุกคน ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ไม่ว่าจะคลำพบก้อนที่เต้านมหรือไม่ก็ตาม ควรได้รับการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม เป็นประจำทุกๆปี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีประวัติมะเร็งเต้านม ในครอบครัวหรือญาติด้านมารดา อาจจะยิ่งต้องตรวจเน้นกว่าปกติ  การตรวจแมมโมแกรมสามารถเห็นจุดหินปูนในเต้านม  ซึ่งในบางครั้งมะเร็งเต้านมอาจมีขนาดเล็กมาก  คลำไม่พบ  ตรวจอัลตร้าซาวด์ก็ไม่พบ  สามารถตรวจพบได้เฉพาะแมมโมแรมเท่านั้น  ดังนั้น  แมมโมแกรมจึงมีประโยชน์ในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่มีขนาดเล็กนั่นเอง

เรื่องน่ารู้  ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

1.ความเชื่อ      ว่ากันว่ามะเร็งเต้านมเป็นโรคทางพันธุกรรม

  ความจริง       พันธุกรรมแค่เพิ่มความเสี่ยงเท่านั้น  หากคุณมีสมาชิกในครอบครัวเป้นมะเร็งเต้านมมาก่อน  คุณก็มีโอกาสเป็นมากว่าคนอื่น  แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็ง 100 %

2.ความเชื่อ      ว่ากันว่าผู้หญิงคัพใหญ่มีความเสี่ยงสูง

  ความจริง      หน้าอกคัพใหญ่หรือคัพเล็ก ตู้มหรือไม่ตู้ม  ก็มีโอกาสเสี่ยงเท่ากันค่ะ  เพราะมะเร็งเต้านมจะเกิดบริเวณท่อน้ำนมและต่อมน้ำนมซึ่งผู้หญิงทุกคนมีเท่า ๆ กันค่ะ

3.ความเชื่อ      ว่ากันว่าโนบราจะไม่เป็นมะเร็ง

  ความจริง      ต่อให้คุณใส่บราผิดขนาดจะรัดติ้วแค่ไหนก็ไม่ได้ไปกดท่อน้ำนมจนทำให้เป็นมะเร็งแน่นอน  แม้เวลาใส่บราจะอึดอัดอยู่บ้างแต่ก็มีข้อดี  อย่างน้อยหน้าอกก็ไม่หย่อนยานนะคะ

4.ความเชื่อ     ว่ากันว่าตรวจแมมโมแกรมจะทำให้เป็นมะเร็ง

ความจริง        เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างแรง  เพราะการตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีการช่วยค้นหามะเร็งไม่ใช่ตัวก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

5.ความเชื่อ     ว่ากันว่าใช้โรลออนทำให้เกิดมะเร็งเต้านม

ความจริง        เรื่องการใช้โรลออนยังไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ใด ๆ ทั้งสิ้น  และที่ตรวจพบมะเร็งเต้านมก็มิได้เกิดจากสาเหตุของโรลออน  เรื่องนี้ถือว่าไม่จริงค่ะ

มะเร็งเต้านมภัยเงียบใกล้ตัวคุณผู้หญิง  ซึ่งการตรวจเต้านมสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านและสามารถตรวจได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ  หากพบก้อนเนื้อหรือมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น  อย่าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ นะคะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.siamhealth.net

https://haamor.com

https://www.wacoal.co.th

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

อย่าลืมเช็คหน้าอกตัวเองเพื่อป้องกันมะเร็งเต้านม!

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

มิ่งขวัญ ลิรุจประภากร

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • ตรวจ แมมโมแกรม ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
แชร์ :
  • ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025

  • Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025

  • หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

    หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

  • ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    ยืนหนึ่ง! Propoliz Kid Mouth Spray คว้า Parents' Choice Best Kids Mouth Spray จากเวที theAsianparent Awards 2025

  • Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Infolife สุดยอดนวัตกรรมเพื่อเด็กท้องผูก คว้ารางวัล Most Innovative จาก theAsianparent Awards 2025

  • หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

    หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว